จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 623 นายท่านตระกูลเจี่ยง
“เจ้าบ้าน ทำไมท่านถึงได้ปล่อยให้เขากลับออกไปแบบนี้ล่ะ! เจี่ยงจิงเล่ถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ ซึ่งแฝงไปด้วยการตำหนิติเตียน”
คนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่เจี่ยงจิงเทียนด้วยความไม่พอใจ โดยรอให้เขาชี้แจงเหตุผลให้กับทุกคนฟัง
เจี่ยงจิงเทียนค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า: “อาการป่วยของนายท่าน แพทย์ชื่อดังจำนวนมากต่างก็ไม่มีวิธีการรักษา แต่ว่า ไอ้หนุ่มนั่นอาศัยเพียงแค่โอสถเม็ดเดียว ก็รักษาอาการป่วยให้หายได้ พวกนายเคยได้คิดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเขากันบ้างไหม? ”
ทุกคนต่างครุ่นคิด โดยมีคนหนึ่งพูดขึ้นว่า: “บางทีเขาอาจจะเป็นเพียงแค่นักกลั่นยาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีวิชาความสามารถอะไรหรอก”
เจี่ยงจิงเทียนพูดว่า: “เจี่ยงเฉิงเคยพูดว่า ยามรักษาความปลอดภัยหลายคนที่เขาใช้เงินจำนวนมากในการว่าจ้างมา ต่างก็ไม่สามารถรับมือกับกระบวนท่าแม้เพียงกระบวนท่าเดียวของเขาได้เลย พวกนายคิดว่านี่คือพลังความสามารถที่คนธรรมดาทั่วไปจะมีได้อย่างนั้นเหรอ? ”
ทุกคนต่างพากันประหลาดใจ ตอนนั้นที่เจี่ยงเฉิงพูดขึ้น พวกเขาต่างก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้หลังจากที่เจี่ยงจิงเทียนได้เตือนสติขึ้น พวกเขาจึงพบว่า ที่จริงแล้วพลังความสามารถของหลินหยุนนั้นสูงส่งยากเกินที่จะคาดเดาได้ถึงขนาดนี้
แม้ว่าตระกูลเจี่ยงจะเป็นตระกูลเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของจีนในการจัดอันดับครั้งที่แล้ว แต่ก็เป็นเพียงแค่ตระกูลธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ว่าจะมีการว่าจ้างนักบู๊ให้มาคุ้มครองดูแล แต่ก็ไม่เหมือนกับตระกูลนักบู๊เหล่านั้น ที่มีนักบู๊อยู่ตลอดเวลา
ห้องโถงในตอนนี้ เต็มไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเจี่ยง แต่กลับไม่มีนักบู๊แม้แต่คนเดียว
ถ้าหากหลินหยุนคิดที่จะลงมือทำร้าย ทุกคนของตระกูลเจี่ยงที่อยู่ภายในห้องโถง เกรงว่าคงจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดไปได้
มองเห็นสีหน้าท่าทางที่หวาดกลัวของทุกคน เจี่ยงจิงเทียนจึงพูดขึ้นว่า: “เรื่องนี้ พวกเราไม่สามารถที่จะปล่อยปะละเลยไปได้อย่างเด็ดขาด จำเป็นจะต้องรายงานให้กับนายท่านรับทราบ เพื่อฟังความคิดเห็นของนายท่าน”
“เจ้าบ้านคิดใคร่ครวญได้อย่างรอบคอบ ถ้าหากไอ้หนุ่มนั่นเป็นนักบู๊แล้วล่ะก็ คงยากที่จะแก้ไขจัดการได้ ซึ่งการได้พูดคุยปรึกษากับนายท่าน ฟังความคิดเห็นของนายท่าน แล้วพวกเราค่อยมาตัดสินใจกันว่าจะจัดการกับไอ้หนุ่มนั่นอย่างไร”
“ถูกต้อง แบบนี้เป็นการดีที่สุด! ”
ทุกคนต่างก็แสดงความเห็นด้วย
เจี่ยงจิงเทียนรู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นในจิตใจ นี่ก็คือพวกผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเจี่ยง หากไม่ใช่ว่านายท่านยังคงมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ลำพังอาศัยพวกผู้บริหารระดับสูงที่โอนเอนไม่หนักแน่นพวกนี้ คาดว่าไม่นานตระกูลเจี่ยงก็คงจะต้องล่มสลาย
“หลินหลิน หนูตามพ่อมา พูดถึงตอนนั้นว่าหนูไปรู้จักกับเขาคนนี้ได้อย่างไรกัน” เจี่ยงจิงเทียนมองไปที่เจี่ยงหลินหลินและพูดขึ้น
“ได้! ” เจี่ยงหลินหลินก้มศีรษะ แล้วก็เดินตามเจี่ยงจิงเทียนออกไป
เจี่ยงเฉิงมองไปที่เงาหลังของเจี่ยงหลินหลินที่กำลังเดินจากไป สายตาเผยถึงความเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายขึ้นแวบหนึ่ง
“ต่อให้ไอ้หนุ่มนั่นเป็นนักบู๊ ก็คงไม่ถึงกับต้องทำให้พวกนายตกใจหวาดกลัวกันถึงขนาดนี้หรอก! ตระกูลเจี่ยงของพวกเราไม่ใช่ว่าจะไม่มีนักบู๊ ทำไมจะต้องไปรบกวนนายท่านด้วย! ”
“ในคืนวันนี้ข้าจะพาคนไปจัดการปิดปากไอ้หนุ่มนั่น ทำให้พวกนายผู้อาวุโสที่สูงศักดิ์เหล่านี้ได้เห็นว่า ในอนาคต ใครกันแน่ที่เหมาะสมกับการเป็นเจ้าบ้านปกครองตระกูลเจี่ยง! ”
เจี่ยงเฉิงส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา แล้วก็หันหลังเดินจากไป
เจี่ยงจิงเทียนพาเจี่ยงหลินหลินมาถึงที่ห้องหนังสือ
“ลองพูดมาหน่อยว่า ตอนนั้นหนูไปพบกับเขาได้อย่างไรกัน! ” เจี่ยงจิงเทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ แล้วมองไปยังเจี่ยงหลินหลิน
เจี่ยงหลินหลินก็ได้เล่าเรื่องเรื่องราวความจริงทั้งหมดในตอนที่เดินทางไปทะเลสาบมังกรร้าย ให้กับเจี่ยงจิงเทียนฟัง
ได้ยินว่าหลินหยุนสามารถยิงธนูสังหารเจียวได้ และยังสู้รบกับกลุ่มนักบู๊ แม้แต่นักพรตหมิงยู่ก็ยังเสียชีวิตอยู่ที่ทะเลสาบมังกรร้าย
เจี่ยงจิงเทียนตระหนกตกใจอย่างมาก: “เหลวไหลสิ้นดี! เรื่องราวสำคัญขนาดนี้ ทำไมหนูต้องปกปิดพ่อด้วยล่ะ! ”
“มิน่าล่ะไอ้หนุ่มนั่นถึงกล้าที่จะมาทวงหนี้ที่ตระกูลเจี่ยงเพียงลำพังคนเดียว นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นถึงยอดฝีมือระดับขั้นปรมาจารย์นักบู๊เลยทีเดียว! ”
“คนเช่นนี้ ต่อให้ตระกูลเจี่ยงเองก็ไม่อาจจะไปล่วงเกินได้ แล้วหนูยังคิดที่จะเอาโอสถฟรี ๆ จากเขาอีก มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ! ”
เจี่ยงหลินหลินรู้ถึงความผิดของตัวเองแล้ว ก้มศีรษะลง และพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดใจว่า: “ตอนนั้นฉันคิดแค่เพียงว่าต้องการเอาโอสถมา เพื่อรักษาคุณปู่ โดยที่ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นเลย”
“ใครจะไปคิดว่าไอ้หนุ่มนั่นจะกล้าถึงขนาดมายังตระกูลเจี่ยงของพวกเราเพื่อทวงหนี้ล่ะ! ”
“หรือว่าตระกูลเจี่ยงของพวกเรา เกรงกลัวไอ้หนุ่มนั่นอย่างนั้นเหรอ? ” เจี่ยงหลินหลินพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
เจี่ยงจิงเทียนสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด: “หนูไม่เข้าใจหรอกว่าปรมาจารย์นักบู๊นั้นน่าเกรงกลัวมากขนาดไหน! ”
“เรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องรีบรายงานให้กับนายท่านได้รับทราบแล้ว เพื่อให้ท่านออกความคิดเห็น”
เจี่ยงหลินหลินเห็นว่าเจี่ยงจิงเทียนระมัดระวังขนาดนี้ ก็เกิดความเกรงกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว: “คุณพ่อ ท่านคิดว่าหลังจากที่คุณปู่ทราบเรื่องนี้แล้ว จะตำหนิกล่าวโทษหนูไหม? ”
“ตอนนั้นหนูไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ คิดแต่เพียงว่าจะต้องรักษาอาการป่วยของคุณปู่ให้หายเท่านั้น! ”
เจี่ยงจิงเทียนพูดปลอบใจว่า: “วางใจเถอะ คุณปู่ของหนูไม่ตำหนิโทษหนูหรอก! ”
“อย่างนี้แล้วกัน หนูไปพบคุณปู่ด้วยกันกับพ่อ ถ้าหากคุณปู่สอบถามอะไร หนูก็ตอบตามจริงไป”
“ตกลง! ” เจี่ยงหลินหลินรีบพยักหน้าทันที
ในหมู่บ้านคฤหาสน์หนานซาน บนบริเวณยอดเขา ยังมีคฤหาสน์ส่วนตัวอยู่หลังหนึ่ง ด้านหน้าเป็นทะเล ทิวทัศน์สวยงาม สามารถมองดูดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก พร้อมกับฟังเสียงคลื่นทะเลซัดสาด
ราวกับดินแดนสวรรค์บนโลกมนุษย์
โดยเมื่อเทียบกับกลุ่มคฤหาสน์ภายในหมู่บ้านด้านล่างนั้นแล้ว มีระดับความหรูหราโอ่อ่ามากกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
ที่นี่ ก็คือที่พักอาศัยของนายท่านเจี่ยง
นับตั้งแต่ที่นายท่านเจี่ยงพักรักษาฟื้นฟูจากอาการป่วย ก็พักอาศัยอยู่ที่นี่มาโดยตลอด
ตอนนี้อาการป่วยได้หายเป็นปกติแล้ว แต่ก็ยังคงพักอยู่ที่นี่เหมือนเช่นเคย
เจี่ยงจิงเทียนพาเจี่ยงหลินหลินมายังคฤหาสน์ที่อยู่บนยอดเขา ภายในลานบ้าน มีชายชราในชุดออกกำลังกายสีเทาคนหนึ่ง กำลังรำไทเก็กอยู่อย่างตั้งใจ
นับตั้งแต่ที่มีอาการป่วย เจี่ยงจงสือก็ชื่นชอบการรำไทเก็ก โดยทุกวันจะยืนหยัดออกกำลังกายฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าหากไม่มีร่างกายที่แข็งแรง ต่อให้จะครอบครองทรัพย์สมบัติมากมายนับไม่ถ้วน ก็คงเป็นเพียงแค่สิ่งของนอกกาย ตอนที่เกิดมาก็ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย ตอนที่ตายไปแล้วก็นำเอาติดตัวไปไม่ได้
นายท่านเจี่ยงจงสือตอนนี้ปลงและปล่อยวางลงไปอย่างมาก ดังนั้น เรื่องราวของตระกูลเจี่ยง โดยทั่วไปเขาก็จะไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจสักเท่าไหร่แล้ว
เจี่ยงจิงเทียนกับเจี่ยงหลินหลินยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูของคฤหาสน์ รออยู่จนกว่าให้นายท่านเจี่ยงรำไทเก็กจนเสร็จสิ้น
เพราะว่าตอนที่นายท่านกำลังรำไทเก็กอยู่นั้น ไม่ชอบอย่างมากหากถูกคนเข้ามาขัดจังหวะ
ต่อให้เป็นเจี่ยงจิงเทียนเอง ก็ไม่กล้าที่จะขัดกฎระเบียบของนายท่าน
“คุณพ่อ! ” เจี่ยงจิงเทียนเรียกขานอย่างเคารพ
“คุณปู่! ” เจี่ยงหลินหลินก็เรียกขานขึ้นอย่างเคารพ
“หลินหลินเองเหรอ รีบเข้ามาด้านในสิ! ” เจี่ยงจงสือหยิบผ้าขนหนูขึ้น แล้วเช็ดหน้าเช็ดตา ซึ่งการรำไทเก็กครบหนึ่งชุดนี้ ต่อให้ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว นายท่านก็ยังคงมีเหงื่อไหลออกทั่วร่างกาย
ทั้งสามคนเข้าไปที่ห้องรับแขก นายท่านเจี่ยงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบาย เจี่ยงจิงเทียนกับเจี่ยงหลินหลินยืนอยู่อย่างเคารพ โดยขณะที่อยู่ต่อหน้าของนายท่านเจี่ยง พวกเขาค่อนข้างที่จะเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างมาก
“นั่งลงสิ! ” นายท่านเจี่ยงพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม
“ขอบคุณคุณพ่อ! ” เจี่ยงจิงเทียนนั่งลงอย่างเรียบร้อย
เจี่ยงหลินหลินไม่ได้นั่งลง แต่เดินมาที่ด้านข้างของเจี่ยงจงสือ แล้วนวดไหล่ให้กับเจี่ยงจงสืออย่างออดอ้อน
“คุณปู่ ดูเหมือนว่าร่างกายของท่าน จะยิ่งแข็งแรงมากขึ้นแล้ว! ” เจี่ยงหลินหลินพูดประจบขึ้น
เจี่ยงจงสือหัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดว่า: “นี่ต้องขอบคุณยาทิพย์เม็ดนั้นที่หนูร้องขอนำมาให้ ไม่อย่างนั้นในตอนนี้ข้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกันล่ะ! ”
ได้ยินคำว่ายาทิพย์ สีหน้าท่าทางของเจี่ยงหลินหลินก็เกิดอาการไม่ปกติขึ้นเล็กน้อย
เจี่ยงจงสือยิ้ม และถามขึ้นว่า: “วันนี้ที่มาหาข้า เพราะในตระกูลเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหมล่ะ? ”
เจี่ยงจิงเทียนพยักหน้าอย่างจริงจัง: “อะไรก็ไม่สามารถที่จะปกปิดคุณพ่อได้ ขณะนี้ในตระกูลกำลังประสบกับปัญหาบางเรื่อง จึงต้องการมาขอคำแนะนำจากท่าน! ”
“พูดมาสิ เรื่องอะไร? ” เจี่ยงจงสือมีน้ำเสียงเฉยชา เหมือนกับว่าไม่ค่อยที่จะสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นภายในตระกูลสักเท่าไหร่
เจี่ยงจิงเทียนได้แอบเตรียมคำพูดไว้บ้างก่อนแล้ว และก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ให้กับนายท่านฟัง
“คุณพ่อ ภาพรวมเหตุการณ์คร่าว ๆ ก็ประมาณนี้ ถ้าหากว่าท่านยังมีข้อสงสัยอะไร ก็ถามหลินหลินได้เลย ก็เพราะ เธอเป็นคนต้นเรื่องที่อยู่ในเหตุการณ์ จึงน่าที่จะรู้เรื่องราวที่ชัดเจนเป็นอย่างดี” เจี่ยงจิงเทียนกล่าว
เจี่ยงหลินหลินมีสีหน้าท่าทางที่กังวล เกรงว่าเจี่ยงจงสือจะตำหนิตัวเธอ: “คุณปู่ ตอนนั้นหนูเพียงแค่ต้องการยารักษาอาการป่วยของท่าน จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ซึ่งใครจะไปทราบได้ล่ะว่า ไอ้หนุ่มนั่นจะกล้ามาทวงหนี้ถึงตระกูลเจี่ยงของพวกเราเลย! ”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเอง ที่ตัดสินใจกระทำการด้วยตัวเอง และสร้างปัญหาให้กับตระกูล ถ้าหากคุณปู่จะลงโทษ หนูก็จะยอมรับอย่างไม่มีคำคัดค้าน”
เจี่ยงจงสือไม่ได้พูดอะไร สายตาจ้องมองไปไกล โดยกำลังครุ่นคิดอยู่อย่างสงบ
เจี่ยงจิงเทียนกับเจี่ยงหลินหลินที่อยู่ด้านข้างไม่กล้าที่จะส่งเสียง ทำได้เพียงจ้องมองไปยังนายท่าน เพื่อรอฟังคำตอบจากเขา