จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 626 ไปตระกูลเจี่ยงอีกครั้ง
ตระกูลเจี่ยงก็ยังคงไม่ยอมที่จะทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ข้าทราบแล้ว นายไปเถอะ! ”
“รับทราบ! ” ปรมาจารย์หวางเดินจากไปพร้อมกับได้นำร่างศพของเจี่ยงเฉิงกลับไปด้วย
ในห้องโถงของตระกูลเจี่ยง ผู้บริหารของตระกูลเจี่ยงทั้งหมดได้มารวมตัวกัน มองไปยังร่างของเจี่ยงเฉิงที่มีผ้าขาวปกคลุมอยู่ ซึ่งทุกคนของตระกูลเจี่ยงต่างก็ตื่นตระหนกและโกรธแค้น
เจี่ยงจิงเล่พ่อของเจี่ยงเฉิงดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำขึ้นแล้ว สีหน้าท่าทางโหดเหี้ยม ราวกับจะเลือกจับใครสักคนแล้วมาลงมือสังหาร
“หลินหยุน ข้าจะฆ่าแกแล้วหั่นศพของแกให้ละเอียดเป็นชิ้น ๆ! ”
เจี่ยงจิงเล่คร่ำครวญเสียงดังด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
“พี่ชาย คุณไปหาผู้ว่าราชการเกาะหนัน บอกให้เขาช่วยหาอาวุธให้กับพวกเรา แล้วข้าก็จะนำคนไปจัดการฆ่าไอ้หนุ่มนั่นเดี๋ยวนี้! ข้าไม่เชื่อว่า ร่างกายของเขา จะสามารถต่อต้านรับมือกับอาวุธปืนได้! ”
เจี่ยงจิงเทียนตวาดขึ้น: “เหลวไหล! นายคิดว่าผู้ว่าราชการเกาะหนันเป็นพวกโจรป่าอย่างนั้นเหรอ สามารถที่จะให้พวกเรายืมใช้อาวุธเหล่านั้นได้! ”
“อีกทั้ง ตามที่ข้ารับรู้ พลังความสามารถของหลินหยุนนั้น ลึกล้ำเกินจะคาดคิด ต่อให้มีอาวุธก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถฆ่าเขาได้! ”
ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน บางทีเจี่ยงจิงเทียนอาจจะคิดโดยง่ายว่า ลำพังแค่อาศัยอาวุธปืนที่ทรงพลัง ก็สามารถที่จะฆ่านักบู๊คนไหนก็ได้
แต่ว่า หลังจากไปที่เกาะตงไหล ได้พบเห็นพลังวิชาที่อัศจรรย์ของนักพรตจื่อหยางแล้วนั้น เจี่ยงจิงเทียนก็เข้าใจได้เลยว่า บนโลกใบนี้มักจะมีคนและสิ่งของที่ทรงพลังมีความสามารถมากเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไปจะจินตนาการคาดคิดดำรงอยู่
ไม่แน่ว่า หลินหยุนก็คือผู้ที่ดำรงอยู่ในลักษณะนี้
ในเมื่อ เจี่ยงหลินหลินเคยพูดบอกไว้ว่า หลินหยุนสามารถที่จะฆ่าเจียวที่ยิ่งใหญ่ได้
แต่ว่า เจี่ยงจิงเล่ยังไม่เคยได้ไปที่เกาะตงไหล ยังไม่เคยเห็นวิชาความสามารถเหล่านั้นของนักพรต จื่อหยาง
“พี่ชาย นายหมายความว่าอย่างไร? ต่อให้นายไม่คิดที่จะแก้แค้นให้กับลูกชายของข้า ก็ไม่ควรที่จะใช้ข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดแบบนี้กับข้า”
“ฮึฮึ เป็นไปได้อย่างไรที่บนโลกใบนี้จะมีคนที่ไม่กลัวอาวุธปืน! พวกเขาเป็นแค่นักบู๊ ไม่ใช่เทพ! ”
เจี่ยงจิงเล่พูดตะโกนเสียงดัง
เห็นเจี่ยงจิงเล่กับเจี่ยงจิงเทียนทะเลาะกัน คนตระกูลเจี่ยงคนอื่นต่างก็เงียบกริบไม่ปริปากพูด
พี่น้องสองคนนี้คือลูกชายของนายท่านเจี่ยง ตอนนั้นเจี่ยงจิงเล่ขาดไปเพียงแค่คะแนนเสียงเดียว ก็จะได้กลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยงแล้ว
ตอนนี้ พวกเขาทั้งสองคนทะเลาะกัน คนด้านข้างก็จะไม่เข้าไปพูดแทรกแซงอย่างแน่นอน
เจี่ยงจิงเทียนที่ถูกใส่ร้าย จึงเกิดความโมโห: “น้องสอง กรุณาระวังคำพูดของนายไว้ด้วย! ข้าคือ เจ้าบ้านตระกูลเจี่ยง ข้าจะทำการตัดสินใจอะไร ก็จะต้องคิดพิจารณาถึงตระกูลเจี่ยงทั้งหมด! ซึ่งไม่เหมือนกับนาย ที่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ! ”
เจี่ยงจิงเล่ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “ข้าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ? ข้าว่านายต่างหากที่เกรงกลัวไอ้หนุ่มน้อยนั่น! นายกังวลใช่ไหมว่า ถ้าหากจัดการเรื่องของไอ้หนุ่มนั่นได้ไม่ดีพอ จะส่งผลกระทบต่ออำนาจบารมีการเป็นเจ้าบ้านของนาย? ”
เจี่ยงจิงเทียนสีหน้าท่าทางโกรธแค้น: “เจี่ยงจิงเล่ นายหมายความว่าอย่างไร? ข้ายังไม่ได้ตำหนิกล่าวโทษลูกชายของนายที่กระทำเรื่องไปโดยพลการ แต่นายกลับมากล่าวหาใส่ร้ายตัวข้าแล้ว! ”
เจี่ยงจิงเล่สีหน้าหม่นหมอง น้ำเสียงเยือกเย็น: “นายก็ลองกล่าวโทษดูสิ? ”
เจี่ยงจิงเทียนพูดขึ้นด้วยความโกรธ: “นายคิดว่าข้าไม่กล้าใช่ไหม? ”
ทั้งสองคนเผชิญหน้าใส่กัน สถานการณ์ตึงเครียด ดูเหมือนว่าใกล้ที่จะแตกหักกันแล้ว
เวลานี้ น้ำเสียงที่ชราภาพก็ดังขึ้นมากจากด้านนอก: “พอได้แล้ว! ”
เจี่ยงจงสือในชุดถังโบราณสีดำ ที่มีเจี่ยงหลินหลินคอยประคอง ค่อย ๆ เดินเข้ามา
“นายท่าน! ”
ทุกคนในห้องโถง ลุกยืนขึ้นทั้งหมด เพื่อคำนับแสดงความเคารพ
เจี่ยงจิงเทียนรีบเดินเข้าไปหา ประคองมือข้างหนึ่งของเจี่ยงจงสือ: “ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงมาที่นี่? ”
“พวกนายทะเลาะกันเสียงดังขนาดนั้น ไกลออกเป็นเป็นสิบกิโลเมตรก็ยังได้ยิน ข้าอยู่ที่ลานด้านหลัง หูก็ยังไม่ได้หนวก จะไม่ได้ยินได้อย่างไรล่ะ! ” เจี่ยงจงสือพูดถากถาง
เจี่ยงจิงเทียนกับเจี่ยงจิงเล่ทั้งสองคนสีหน้าแดงก่ำ จ้องมองซึ่งกันและกัน โดยที่ยังคงเผชิญหน้า ห้ำหั่นกันอยู่
เจี่ยงจงสือนั่งบนที่นั่งของเจี่ยงจิงเทียน กวาดสายตามองไปยังทุกคน และค่อย ๆ พูดขึ้นว่า: “นั่งลงสิ ไม่ต้องเกรงใจกันหรอก! ”
ทุกคนถึงกล้าที่จะขยับตัว แล้วก็นั่งลงไปอีกครั้ง
สายตาของเจี่ยงจงสือ ครั้งนี้ได้มองไปที่ร่างศพของเจี่ยงเฉิงที่อยู่บนพื้น
ยังไม่ทันรอให้เจี่ยงจงสือพูด เจี่ยงจิงเล่ก็ร้องโอดครวญขึ้น: “ท่านพ่อ หลานชายของท่าน ถูกไอ้หนุ่มหลินหยุนนั่นฆ่าตาย พี่ชายกลับไม่ให้ข้าไปแก้แค้น ท่านจะต้องออกหน้าแทนให้กับเฉิงเอ๋อด้วย! ”
เจี่ยงจงสือมองไปที่เขา และพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “พอได้แล้ว หยุดร้องไห้ ตอนนี้ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์? คนก็ไม่สามารถช่วยให้ฟื้นคืนมาได้แล้ว ถ้าหากนายให้เขาเปลี่ยนแปลงนิสัยที่โอ้อวดหลงระเริงทิ้งไปก่อนหน้านี้ ก็คงจะไม่มีวันนี้! ”
เจี่ยงจิงเล่ตกใจ และพูดขึ้นอย่างโมโหว่า: “ท่านพ่อ ที่ท่านพูดนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือท่านพูดว่าเฉิงเอ๋อสมควรตายอย่างนั้นเหรอ! ”
เจี่ยงจงสือมองไปที่เขา ด้วยสีหน้าท่าทางเฉยชา: “จิงเทียนในฐานะเจ้าบ้าน ได้เคยพูดเอาไว้ก่อนแล้วว่า เรื่องนี้จะต้องไปหาข้าเพื่อพูดคุยปรึกษาก่อนที่จะทำการตัดสินใจ! ”
“แต่ว่า เจี่ยงเฉิงกลับลงมือกระทำโดยพลการ ถึงแม้จะถูกหลินหยุนฆ่าตาย ก็ถือว่าหาเรื่องใส่ตัวเอง”
“ไม่มีคำอนุญาตของข้า ใครก็ห้ามที่จะไปแก้แค้นกับหลินหยุน”
เจี่ยงจิงเล่ยังต้องการที่จะพูดอีก แต่ว่า เจี่ยงจงสือพลันจ้องเขม็งไปที่เขา
เจี่ยงจิงเล่หวาดหวั่นขึ้นในทันที และไม่กล้าที่จะพูดออกมาแม้แต่คำเดียว
อำนาจบารมีของนายท่านในตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครกล้าที่จะขัดขืน
“ไม่ได้ยินกันใช่ไหม? ” นายท่านเจี่ยงเห็นว่าทุกคนต่างก็เงียบกริบไม่พูดไม่จา จึงถามขึ้นอีกครั้ง
“ได้ยินแล้ว! ” ทุกคนรีบก้มหน้าตอบรับ โดยพวกเขาสามารถรับรู้ได้ว่า นายท่านโมโหขึ้นแล้ว
เจี่ยงจงสือมองไปที่เจี่ยงจิงเล่อีกครั้ง: “นายล่ะ? ”
เจี่ยงจิงเล่กัดฟัน พูดตอบเบา ๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจ: “ได้ยินแล้ว”
“ตกลง เรื่องนี้ก็เป็นไปตามนี้” เจี่ยงจงสือมองไปที่เจี่ยงจิงเทียน: “ในฐานะที่นายเป็นเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยง หากว่าต่อไปยังมีคนที่ไม่ยอมฟังคำสั่ง กระทำเรื่องโดยพลการ นายรู้ไหมว่าควรจะจัดการอย่างไร? ”
เจี่ยงจิงเทียนก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า: “ลงโทษตามกฎระเบียบของตระกูล! ”
“อืม” เจี่ยงจงสือมองไปที่เจี่ยงหลินหลิน: “หนูอยู่ที่นี่ คอยช่วยเหลือพ่อของหนูเถอะ! คนแก่ชราอย่างข้า ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่เองได้อีกนาน”
“ตกลง คุณปู่! ” เจี่ยงหลินหลินดีอกดีใจ
คนตระกูลเจี่ยงคนอื่นต่างก็ตกตะลึง นายท่านกำลังที่จะอบรมฝึกฝนเจี่ยงหลินหลินใช่ไหม?
เจี่ยงจิงเล่ราวกับไก่ชนที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้ เรียกลูกน้องกี่คนมา เพื่อนำร่างศพของเจี่ยงเฉิงออกไป
ก่อนที่จะจากไปนั้น ยังจ้องมองไปที่เจี่ยงจิงเทียนด้วยสีหน้าท่าทางที่โกรธแค้น
เจี่ยงจิงเทียนพูดขึ้นอย่างจำใจว่า: “น้องสอง นายตามข้ามา! ”
เจี่ยงจิงเล่ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา: “ไปก็ไป ข้าจะดูว่านายจะสามารถทำอะไรข้าได้บ้าง! ”
ภายในห้อง เจี่ยงจิงเทียนมองไปที่เจี่ยงจิงเล่ และพูดขึ้นว่า: “น้องสอง ข้ากับท่านพ่อได้ไปที่เกาะ ตงไหล เพื่อคารวะนักพรตจื่อหยางแล้ว”
“แล้วอย่างไรล่ะ? เจี่ยงจิงเล่ที่จมอยู่กับความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียลูกไป โดยที่ฟังไม่ออกถึงความหมายที่แสดงออกมาผ่านทางคำพูดของเจี่ยงจิงเทียน”
เจี่ยงจิงเทียนพูดว่า: “ข้าบอกความจริงก็แล้วกันว่า รอตอนที่หลินหยุนมาที่นี่อีกครั้ง ถ้าหากเขายังคงยืนกรานที่จะเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงไป นักพรตจื่อหยางก็จะแสดงตัวออกหน้า เพื่อฆ่าเขา! ”
“ดังนั้น การตายของเจี่ยงเฉิง ไม่มีความจำเป็นเลยจริง ๆ”
“เมื่อครู่ที่ท่านพ่อพูดแบบนั้น ที่จริงแล้วก็ได้พิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อตระกูลเจี่ยงของพวกเรา เขาไม่ต้องการให้ใครกระทำผิดซ้ำอีก และเสียสละชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์”
“หวังว่านายคงจะสามารถเข้าใจถึงความตั้งใจอันดีของท่านพ่อ”
เจี่ยงจิงเล่จึงค่อย ๆ มีสีหน้าท่าทางที่ผ่อนคลายขึ้น
“งั้นข้าก็จะรอดู ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะต้องแก้แค้นให้กับเฉิงเอ๋อ! ” เจี่ยงจิงเล่สีหน้าท่าทางดุดัน
เจี่ยงจิงเทียนพูดปลอบใจว่า: “วางใจเถอะ ถ้าหากนักพรตจื่อหยางลงมือ ไอ้หนุ่มนั่นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายคงไม่รู้หรอกว่านักพรตจื่อหยางนั้นมีความสามารถเก่งกาจถึงระดับไหน! ”
เจี่ยงจิงเทียนได้หยุดการโวยวายของเจี่ยงจิงเล่ลงได้ชั่วคราว จากนั้น ทั้งตระกูลเจี่ยงก็เข้าสู่สภาพที่มีการระมัดระวังป้องกันอย่างสูงสุด
รอคอยการมาถึงของหลินหยุนอย่างสงบ
สามวันถัดมา หลินหยุนก็ได้ยึดตามเวลากำหนด มาถึงตามที่นัดหมายไว้
ยังคงมาเพียงคนเดียว เผชิญหน้ากับทั้งตระกูลเจี่ยง
ภายในห้องโถง เจี่ยงจงสือก็มาถึงแล้ว แม้ว่า เจี่ยงจิงเทียนจะนอบน้อมถ่อมตัวอย่างไร เพื่อให้ เจี่ยงจงสือนั่งบนที่นั่งสูงสุด แต่ว่า กลับถูกเจี่ยงจงสือปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เจี่ยงจงสือจะนั่งอยู่ด้านล่างของที่นั่งสูงสุด เพื่อมองดูเจี่ยงจิงเทียนจัดการแก้ไขเรื่องนี้
หลินหยุนยืนอยู่ใจกลางห้องโถงอย่างสงบเงียบ แววตาเฉยชา: “ครบกำหนดเวลาสามวันแล้ว พวกนายตระกูลเจี่ยงพิจารณาได้ความว่าอย่างไรกันบ้างล่ะ? ”