จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 640 สร้างอำนาจ
เป็นคนภายนอก พวกเขาไม่ค่อยมีความจงรักภักดีต่อตระกูลเจี่ยง ในสายตาของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญคือเงินของตระกูลเจี่ยง และผลประโยชน์ที่ตระกูลเจี่ยงมอบให้เท่านั้น
ดังนั้น คนเหล่านี้จึงไม่ต้องการเห็นตระกูลเจี่ยงล้มละลาย
เจี่ยงจิงเทียนและคนอื่นๆ แม้จะพยายามห้ามปรามทุกคน แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล
หนึ่งวันต่อมา ฐานการบำเพ็ญของหลินหยุนฟื้นคืน จากนั้นก็นำปรามสีม่วงหงเหมิง ออกจาเกาะตงไหล ไปที่บ้านตระกูลเจี่ยง
และบังเอิญเจอการประชุมของตระกูลเจี่ยง
เมื่อทุกคนในตระกูลเจี่ยง คัดค้านเจี่ยงจิงเทียนที่ต้องการยกตระกูลเจี่ยงให้หลินหยุน หลินหยุนก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงตระกูลเจี่ยง
ทันทีที่เห็นหลินหยุน เจี่ยงจิงเทียนก็ตกใจ และร้องออกมา “ปรมาจารย์หลิน!”
ทันใดนั้น ห้องโถงที่กำลังเสียงดังก็เงียบลงทันใด
ทุกคน สายตาจับจ้องไปที่หลินหยุนที่เพิ่งเดินผ่านประตูเข้ามา
“ชายคนนี้ก็คือปรมาจารย์หลินเหรอ? อายุน้อยเกินไปแล้ว!”
“ปลอมมั้ง เป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง จะเป็นปรมาจารย์ได้ยังไง!”
คนที่มีระดับสูงของตระกูลเจี่ยงท่านหนึ่ง แสดงสีหน้าเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูก เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแผนชั่วของเจี่ยงจิงเทียน ปรมาจารย์หลินอะไรวะ เป็นเรื่องปลอม เขาแค่อยากจะกลืนกินตระกูลเจี่ยงคนเดียว!”
หลินหยุนเพิกเฉยต่อสายตาแปลกประหลาดของทุกคน และเดินไปหาเจี่ยงจิงเทียน และพูดเบาๆ “เคลียร์บัญชีเสร็จหรือยัง?”
ใบหน้าของเจี่ยงจิงเทียนดูลำบากใจมาก “เจออุปสรรคเล็กน้อย ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง ปรมาจารย์หลินโปรดให้อภัยด้วย!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งจากตระกูลเจี่ยง ตะโกนอย่างเย็นชา “คุณก็บอกเขาไปตรงๆ ว่าพวกเราไม่ยอมตกลง!”
“ใช่ ตระกูลเจี่ยงนี้เป็นของคนในตระกูลเจี่ยง เขาเป็นคนนอก มีสิทธิ์อะไรมากลืนกินตระกูลเจี่ยงของเรา!”
“ปรมาจารย์อะไร ฉันคิดว่าเป็นนักต้มตุ๋น”
“ไล่เขาออกไป!”
สีหน้าหลินหยุนยังไม่เปลี่ยน แต่ว่า อุณหภูมิในห้องโถงก็ลดลงเล็กน้อย
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง
เจี่ยงจิงเทียนตกใจ และรีบตะโกน “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!”
ทุกคนตกใจ และสงบลงทันที
แม้ว่าอำนาจบารมีของเจี่ยงจิงเทียนจะด้อยกว่านายท่านเจี่ยงเยอะ แต่ว่า ในฐานะเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยง เมื่อโกรธขึ้นมา ก็ดูมีพลังอำนาจอยู่บ้าง
เจี่ยงจิงเทียนทำความเคารพหลินหยุน “ปรมาจารย์หลิน โปรดให้เวลาฉันหน่อย ฉันจะจัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง จากนั้นทุกสิ่งของตระกูลเจี่ยงที่จัดการสมบูรณ์แล้วโอนให้กับท่าน!”
หลินหยุนพูดเบาๆ “ไม่ต้องแล้ว”
“ฉันไม่มีเวลาที่จะมาเสียเวลาให้กับเรื่องของตระกูลเจี่ยง”
ทุกคนโกรธจัด
“ช่างเป็นเด็กที่หยิ่งทะนง นายดูถูกตระกูลเจี่ยงของพวกเราเหรอ?”
“เฮ้อ ไร้สาระ แม้ว่าตอนนี้ตระกูลเจี่ยงของเราจะไม่ได้ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน แต่ว่า เมื่อเทียบกับคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน พวกเราไม่มีความอ่อนแอมีแต่ความแข็งแกร่งเท่านั้น”
“นายถึงกับมาดูถูกตระกูลเจี่ยงของเรา ช่างตลกจริงๆ! ”
ผู้ที่พูด สวมชุดจีนสีเทา มีใบหน้าหดหู่ กำลังมองหลินหยุนด้วยความดูถูก
หลินหยุนมองไปที่เจี่ยงจิงเทียน และถามว่า “เขาเป็นใคร?”
เจี่ยงจิงเทียนไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร และพูดอย่างเคร่งขรึม “เขาเป็นพี่ชายฉัน(ลูกพี่ลูกน้อง) เจี่ยงเจิ้งฉี
เจี่ยงเจิ้งฉีคนนี้ ไม่ได้ไปที่เกาะตงไหล และไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งอันทรงพลังของหลินหยุน
และเขา ยังเป็นผู้นำของฝ่ายค้าน สถานะในตระกูลเจี่ยง ก็สูงมาก
หลินหยุนครุ่นคิด “พี่ชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของแก ถ้างั้นอยู่ในตระกูลเจี่ยงสถานะคงไม่ต่ำ”
“ถ้าฆ่าแก คงไม่มีใครกล้าพูดเรื่องไร้สาระ”
ทุกคนอึ้ง!
“ฆ่าคน? และยังฆ่าคนที่มีระดับสูงของตระกูลเจี่ยงต่อหน้าผู้คนมากมาย! ฉันฟังไม่ผิดนะ!”
สีหน้าของทุกคน มีรอยยิ้มเยาะเย้ยถากถาง
เจี่ยงเจิ้งฉีก็หัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ไอ้หนุ่ม นายล้อเล่นกับฉันหรือเปล่า?”
“นายฆ่าคนหนึ่งให้ฉันดู! ถ้านายไม่กล้า ก็ไสหัวออกไปจากตระกูลเจี่ยง!”
เจี่ยงเจิ้งฉีคิดว่า หลินหยุนเป็นเพียงนักต้มตุ๋นที่เจี่ยงจิงเทียนหามา ไม่ใช่ปรมาจารย์อะไร
พุด!
แสงพลังทิพย์พุ่งเข้าใส่ระหว่างคิ้วของเจี่ยงเจิ้งฉีอย่างแรง
ก่อนที่เจี่ยงเจิ้งฉีจะตาย ใบหน้าของเขายังคงแสดงรอยยิ้มที่ดูหมิ่น
ในห้องโถง ชั่วขณะเกิดความเงียบขึ้น
ทุกคน ส่วนใหญ่อ้าปากค้าง และไม่กล้าที่จะส่งเสียงใดๆ แสดงสีหน้าสยดสยอง
เจี่ยงจิงเทียนก็ตกใจ ถอนหายใจ และหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้
ฉากที่เขากลัวที่สุดปรากฎขึ้น ผลสุดท้าย เจี่ยงเจิ้งฉีวิ่งเข้าหากระสุนปืนเอง
“ฆ่า ฆ่าคนแล้ว!”
เด็กสาวคนหนึ่ง พูดตะกุกตะกักและกรีดร้อง
จากนั้น กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ก็ออกมาจากเท้าของเธอ
ใต้เท้าของเธอ มีแอ่งน้ำเน่า
“อะไร!”
คนที่ตั้งสติได้ ชั่วขณะก็ตื่นตระหนก บางคนรีบถอยห่างออกไป ต้องการอยู่ห่างจากหลินหยุน
ทั้งห้องโถงพลิกกลับทันที เหมือนสถานที่เกิดอุบัติเหตุ
เงียบไปเลย!” เจี่ยงจิงเทียนตะโกนเสียงดัง
ทันใดนั้นก็หยุดทุกคน
เจี่ยงจิงเทียนตะโกนเสียงดัง “ตอนนี้ ยังมีใครคัดค้านความคิดเห็นของฉันบ้าง!”
ไม่มีใครกล้าพูดอีกต่อไป
ล้อเล่นหรือ แม้แต่บุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างเจี่ยงเจิ้งฉีก็ถูกฆ่า คนอย่างพวกเขายังต่อต้าน ไม่อยากมีชีวิตแล้วเหรอ?
เจี่ยงจิงเทียนมองเจี่ยงเจิ้งฉีที่นอนอยู่บนพื้นอย่างจนปัญญา ตายฟรีๆจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ตายแล้วก็ดี เช่นนี้แล้วสามารถช่วยชีวิตคนของตระกูลเจี่ยง
หากปล่อยพวกเขาสร้างปัญหาเช่นนี้ต่อไป หากปรมาจารย์หลินทำการสังหารหมู่ นั่นจะทำให้ตระกูลเจี่ยงสูญเสียมากยิ่งขึ้นไปอีก
เจี่ยงจิงเทียนโค้งคำนับให้กับหลินหยุนอีกครั้ง และพูดว่า “ปรมาจารย์หลินโปรดให้เวลาฉันสามวัน ฉันจะเคลียร์บัญชีทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูล เจี่ยง และโอนให้คุณ!”
หลินหยุนเหลือบมองเขา หันหลังเดินจากไป ทิ้งประโยคไว้ว่า “อีกไม่กี่วัน ฉันจะส่งคนมารับ ถ้ามีอะไรผิดพลาดอีก อย่าโทษที่ฉันไม่ไว้หน้า”
คำพูดของหลินหยุน ทำให้ทุกคนตกตะลึง!
ถ้าครั้งหน้าหลินหยุนมาอีก คิดว่าคงจะทำการสังหารหมู่แน่ๆ!
เจี่ยงจิงเทียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ครับ ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้มีปัญหา”
หลังจากออกจากบ้านตระกูลเจี่ยง หลินหยุนก็ไปหาหยางเทียนโย่ว เรื่องของตระกูลเจี่ยง จะต้องอธิบายให้เขาฟัง เพื่อให้เขาสบายใจ
หลินหยุนโทรหาหยางเทียนโย่ว หยางเทียนโย่วไปรับเขา และกลับถึงบ้าน
เมื่อเข้าไปในห้อง หยางเทียนโย่วกำลังยุ่งอยู่กับการรินชาให้หลินหยุน และท่าทางที่เคารพต่อหลินหยุนมาก
หลินหยุนพูดอย่างเฉยเมย “เรื่องของตระกูลเจี่ยง ฉันได้แก้ไขให้นายแล้ว”
สีหน้าหยางเทียนโย่วดูซับซ้อนเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันได้ยินว่า เจี่ยงเฉิง…… ตายแล้ว!”
“นี่คงเป็นฝีมือของนายใช่ไหม!”
หลินหยุนพยักหน้า และไม่ปฏิเสธ หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเขา
หยางเทียนโย่วมองหลินหยุนด้วยความกังวล “หลินหยุน ฉันขอบใจมากสำหรับความช่วยเหลือของนาย แต่ว่า นายทำเช่นนี้มันวู่วามเกินไป”
“การฆ่าคนต้องแลกด้วยชีวิต! จากนี้ไปนายจะทำอย่างไร?”
หลินหยุนอมยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นไร”
“นายยังหัวเราะอีก!” หยางเทียนโย่วจ้องมองหลินหยุนอย่างตำหนิ “หลังจากที่พ่อของฉันได้ยินเรื่องนี้ ก็ไปหาเพื่อนเก่าๆของท่าน เพื่อดูว่าเขาสามารถช่วยปรับเปลี่ยนสถานการณ์ได้ไหม หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับนายบ้าง”
หลินหยุนยิ้มอีก “นายโทรศัพท์ไปเรียกท่านกลับมา พวกคุณแค่มีชีวิตอยู่อย่างสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องของฉัน”
หยางเทียนโย่วยังต้องการเกลี้ยกล่อม แต่หลินหยุนได้ยืนขึ้น “เอาล่ะ ที่ฉันมาที่นี่เพื่อบอกนาย ต่อไปไม่ต้องกังวลเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเจี่ยงอีก”
ฉันยังมีเรื่องต้องทำ ต้องกลับไปก่อน ในอนาคตถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่าลืมแจ้งให้ฉันทราบ”
หยางเทียนโย่วขมวดคิ้วและพูดว่า “แต่……”
หลินหยุนยื่นมือไปเพื่อหยุด “ไม่ต้องพูดแต่ ส่งฉันไปที่สถานีรถ!”
“โอเค!” หยางเทียนโย่วไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำตามหลินหยุน
ระหว่างทางไปสถานี หยางเทียนโย่วก็ถามซ้ำๆ เพื่อให้แน่ใจว่าหลินหยุนคงไม่เจอปัญหาใดๆ ซึ่งก็โล่งใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่หลินหยุน ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความเศร้า
แม้ว่าหลินหยุนจะเก่งกาจ แต่ว่า ในสายตาของเขา เขาไม่สามารถหลบหนีกฎหมายได้
น่าเสียดาย ที่เขาไม่เข้าใจว่าหลินหยุนดำรงอยู่ยังไง