จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 658 เกิดปาฏิหารย์ขึ้นแล้ว
หลินโร่สุ่ยสอบถามต่อว่า: “ฉันต้องการทราบว่า คุณหลินผู้นั้นตกลงคือใคร? ”
“วันนี้เขาจะมาด้วยไหม? ”
หลินตงเย่วตวาดขึ้นว่า: “โร่สุ่ย พูดกับท่านเสี้ยงแบบนี้ได้อย่างไร! ระมัดระวังน้ำเสียงด้วย! ”
หลินโร่สุ่ยไม่ได้สนใจเขายังคงจดจ้องอยู่ที่ท่านเสี้ยง ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับกำลังพูดว่า หากท่านไม่บอกกับฉัน วันนี้ฉันก็จะถามจนกว่าจะได้คำตอบ
ท่านเสี้ยงหัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดว่า: “สถานะของคุณหลิน ฉันทราบแน่นอนอยู่แล้ว แต่ ฉันพูดไม่ได้ สำหรับที่ว่าคุณหลินจะมาหรือไม่นั้น เรื่องนี้ฉันไม่ทราบจริง ๆ”
“ในเมื่อเขามอบหมายให้พวกเรามาร่วมแสดงความยินดี คาดว่าตัวเขาเองคงไม่น่าจะมาร่วมงาน”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจแล้ว! ” หลินโร่สุ่ยผิดหวังบ้างเล็กน้อย
แต่ว่า ในใจของหลินโร่สุ่ยคาดเดาถึงใครคนหนึ่งเอาไว้แล้ว เพราะว่านอกจากเขาแล้ว หลินโร่สุ่ยคิดไม่ออกจริง ๆ ว่ายังจะเป็นใครได้อีก ที่มีความสามารถในการเชื้อเชิญผู้ใหญ่ได้ถึงระดับนี้
มีเพียงแค่เขา ที่เคยบอกกับหลินโร่สุ่ยเอาไว้ว่า บางทีอาจจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นก็เป็นได้
ผลลัพธ์ก็คือ ปาฏิหารย์ได้เกิดขึ้นกับตัวของหลินโร่สุ่ยจริง ๆ ด้วย
“หลินหยุน คือคุณใช่ไหม? ”
หลินโร่สุ่ยถามขึ้นภายในใจ
แต่ว่า หลินโร่สุ่ยก็ไม่ได้เชิญท่านเสี้ยงผู้ใหญ่สามท่านนั่งลง ทว่ากลับคำนับแสดงความเคารพต่อพวกเขาสามคน: “ผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน ขอโทษด้วยจริง ๆ โปรดให้อภัยที่ฉันไม่สามารถต้อนรับพวกท่านได้ มีคนจะขับไล่ฉันไป ซึ่งฉันจะต้องไปหาสถานที่แห่งใหม่ เพื่อจัดงานพิธีเปิดบริษัทแล้ว”
หลินตงเย่วหน้าตาแดงก่ำ พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่หลินโร่สุ่ยด้วยความโมโห
ถ้าหากไม่มีบุคคลที่ยิ่งใหญ่อยู่ในสถานที่แห่งนี้จำนวนมาก เขาคงจะดุด่าใส่หลินโร่สุ่ยเป็นการใหญ่อย่างแน่นอน
สถานะของท่านเสี้ยงทั้งสามท่านนี้ สูงศักดิ์อย่างมาก ต่อให้เป็นเจ้าบ้านตระกูลหลินพบกับพวกเขา ก็ยังไม่กล้าที่จะเมินเฉยไม่ต้อนรับ
แต่ว่า หลินโร่สุ่ยกล้าที่จะขับไล่พวกเขาทั้งสามไป!
หลินตงเย่วเองจะเข้าข้างช่วยเหลือหลินโร่หลันอีกไม่ได้แล้ว โดยจะต้องทำการต้อนรับทั้งสามท่าน ผู้มีอิทธิพลอำนาจนี้ให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน
“ผู้ใหญ่ทั้งสามท่านอย่าได้ไปฟังที่เธอพูดสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่มีใครที่จะขับไล่เธอไป พวกท่านเชิญนั่งลงอย่างสบายใจได้เลย ฉันจะให้เธอต้อนรับดูแลทุกท่านเป็นอย่างดี”
ประธานเหรินแห่งบริษัทเกนเนอร์ยิ้มเยาะ: “เมื่อครู่ไม่ใช่มีคนพูดว่าจะให้คุณโร่สุ่ยไปจัดงานพิธีเปิดบริษัทที่อื่นไม่ใช่เหรอ? ฉันเองได้ยินอย่างชัดเจน อีกทั้งพวกเราทั้งสามคนก็เตรียมตัวที่จะไปพร้อมกับคุณโร่สุ่ยด้วยแล้ว! ”
หลินตงเย่วแอบด่าอยู่ในใจ ประธานเหรินผู้นี้พูดอะไรที่ไม่สมควรพูดจริง ๆ เลย
แต่ว่า กลับต้องพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม: “ประธานเหรินคงจะได้ยินผิดไป ผู้ใหญ่สามท่านมาร่วมงาน ฉันดีใจเป็นอย่างที่สุด แล้วจะขับไล่พวกท่านทั้งสามได้อย่างไรกันล่ะ! ”
พูดจบ หลินตงเย่วก็ยิ้มแย้มและพูดกับหลินโร่สุ่ยว่า: “โร่สุ่ย เธอต้องต้อนรับดูแลผู้ใหญ่ทั้งสามท่านนี้ให้ดี อย่าได้เมินเฉยอย่างเด็ดขาด! ”
หลินโร่สุ่ยไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย ก็เพราะนั่นคือพ่อของเธอ
เห็นสถานการณ์ที่สุดท้ายก็ได้สงบเรียบร้อยลง หลินตงเย่วแอบปาดเหงื่ออยู่ภายในใจ
“โร่สุ่ย ที่นี่ก็ให้เธอจัดการดูแลไปเลยนะ ฉันจะไปช่วยเหลือทางพี่สาวของเธอฝั่งนั้น ซึ่งเธออย่าได้เมินเฉยผู้ใหญ่แต่ละท่านโดยเด็ดขาด! ”
หลินตงเย่วได้กำชับคำหนึ่ง แล้วก็แยกตัวออกมาอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม โดยที่ไม่มีคนสนใจ หากอยู่ที่นี่ต่อไปคงจะทำให้ตนเองเก้อเขินไปมากกว่านี้
เมื่อกลับเข้าสู่กลุ่มคน สายตาของคนในตระกูลหลินก็จับจ้องมาที่ร่างของหลินตงเย่ว
“ตงเย่ว ลูกสาวคนรองของเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้น? นั่นคือท่านเสี้ยงอ่ะ ต่อให้เป็นเจ้าบ้านของวงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ออกหน้า บางทีท่านเสี้ยงอาจจะไม่ให้เกียรติเลยด้วยซ้ำไป แต่ทำไมเขาถึงได้มาร่วมงานแสดงความยินดีกับลูกสาวของนายด้วยล่ะ? ”
“ลูกสาวคนนี้ของนาย ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ! ”
“คิดไม่ถึงจริง ๆ เดิมทีนึกว่าหลินโร่หลันก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดจะกลายเป็นผู้ที่ถูกมองข้ามมาตลอดอย่างหลินโร่สุ่ย! ”
“ตงเย่ว ลูกสาวทั้งสองคนของนาย ช่างทำให้ข้าอิจฉาเสียจริง! ”
ในใจของหลินตงเย่วรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ เขาได้เริ่มต้นให้ความสำคัญในตัวของหลินโร่สุ่ย
“หรือว่าที่ผ่านมาฉันให้ความสำคัญในตัวของโร่หลันมากเกินไป แล้วละเลยมองข้ามโร่สุ่ย ดังนั้นจึงไม่พบเห็นความสามารถของเด็กคนนี้? ”
“ไม่สนก่อนว่าเธอจะไปรู้จักกับคุณหลินที่ลึกลับผู้นั้นได้อย่างไร ซึ่งอาศัยตรงที่ว่าสามารถเชิญท่านเสี้ยงให้มาร่วมงานได้เพียงเท่านี้ หากโร่สุ่ยใช้โอกาสและประโยชน์จากตรงนี้ให้ดีที่สุด ต่อไปคงจะประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่าโร่หลันแน่นอน”
หลินตงเย่วถือว่าธุรกิจการขายลูกสาว เป็นเป้าหมายในชีวิตของเขาไปแล้ว
แต่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไร หลินตงเย่วก็ได้เริ่มที่จะให้ความสำคัญในตัวของหลินโร่สุ่ยแล้ว แม้ว่าระดับตำแหน่งของหลินโร่สุ่ยในใจของเขายังคงไม่มีทางเทียบเท่ากับหลินโร่หลันได้ แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่าจากเดิมที่เห็นหน้าแล้วก็เกิดความรำคาญอย่างที่สุด
จากนั้น ดาราดังหยางหยิงก็มาร่วมงานแสดงความยินดีต่อหลินโร่สุ่ย
ดาราซุปเปอร์สตาร์ หูเกอก็มาก็มาร่วมแสดงความยินดีต่อหลินโร่สุ่ย
ดาราแถวหน้าจำนวนสิบกว่าคน ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีต่อหลินโร่สุ่ย
ทั้งหมดเป็นดาราแถวหน้า ดาราซุปเปอร์สตาร์ ซึ่งไม่มีดาราแถวสองแม้แต่คนเดียว
ในกลุ่มของพวกดารา ก็เหนือกว่าทางหลินโร่หลันนั้นเป็นอย่างมาก
จากนั้น พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจด้านสื่อก็มาถึง ซึ่งสถานะของพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจเหล่านี้ ก็ยังคงเหนือกว่าทางด้านของหลินโร่หลัน
ทางหลินโร่หลันเชิญมาเป็นระดับผู้จัดการ ส่วนทางหลินโร่สุ่ยเป็นเจ้านายใหญ่ที่มาร่วมงานด้วยตนเอง
ไม่นาน สามโต๊ะที่หลินโร่สุ่ยจัดเตรียมไว้ก็เต็มไม่สามารถนั่งเพิ่มได้แล้ว
หลินตงเย่วรีบสั่งให้คน เอากระเช้าดอกไม้ที่วางคั่นอยู่ตรงกลางนั้นออก แล้วก็แบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งให้กับทางหลินโร่สุ่ย
แล้วก็เรียกพนักงานของโรงแรม สั่งให้จัดตั้งเวทีของหลินโร่สุ่ยให้มีขนาดที่เท่ากับของหลินโร่หลัน
ความโดดเด่นเป็นจุดสนใจของหลินโร่หลัน ได้ถูกหลินโร่สุ่ยแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา
ถึงขนาดที่ว่า เดิมทีผู้ที่ให้เกียรติต่อหน้าตาของตระกูลหวาง ที่มาร่วมงานแสดงความยินดีต่อ หลินโร่หลันนั้น ก็เริ่มที่จะโยกย้ายเอนฝั่ง เคลื่อนตัวมายังฝั่งทางหลินโร่สุ่ยแล้ว
หมดปัญญา แม้ว่าตระกูลหวางจะมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ ทว่า เมื่อเปรียบเทียบกับหัวหน้าของตนแล้ว ยังไงก็ต้องปฏิบัติดีต่อหัวหน้าของตนเองซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า
เพียงครู่เดียว สถานการณ์กลับตาลปัตรไปทั้งหมด กลายเป็นว่าทางฝั่งหลินโร่สุ่ยนั้นมีแขกผู้มีเกียรติเต็มงานไปหมด ส่วนฝั่งทางหลินโร่หลัน กลับกลายเป็นเงียบเหงาซบเซาลง
ใบหน้าที่งดงามของหลินโร่หลัน ก็กลายเป็นใบหน้าที่ขาวซีด
เธอผู้ที่หยิ่งทะนงมาโดยตลอด ไม่เคยที่จะประสบกับความพ่ายแพ้ย่อยยับอย่างนี้มาก่อน
อีกทั้ง ยังเป็นการพ่ายแพ้ให้กับเป็นน้องสาวที่ถูกตนเองกดขี่ข่มเหงมาตั้งแต่เด็ก
หลินโร่หลันทนรับสภาพแบบนี้ไม่ได้ ถึงขนาดที่เริ่มมีความเกลียดชังต่อน้องสาวของตนเองแล้ว
“เหวินหย่วน ช่วยฉันตรวจสอบหน่อยได้ไหมว่า คุณหลินผู้ลึกลับคนนั้น ตกลงคือใครกันแน่? ซึ่งเขาจงใจที่จะทำให้ฉันเสียหน้าอย่างชัดเจน” หลินโร่หลันพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง
หวางเหวินหย่วนพูดว่า: “ได้สั่งให้คนไปทำการตรวจสอบแล้ว แต่ว่าคนผู้นี้เหมือนกับปกปิดตัวตนเป็นอย่างดี โดยทั่วไปตรวจสอบแค่ไม่กี่นาทีก็สามารถค้นพบรายละเอียดแล้ว ครั้งนี้ใช้เวลาไปหลายสิบนาที ทางนั้นก็ยังไม่ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดอะไรมาเลย”
คนของตระกูลหลินต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง
โดยเฉพาะคนที่ก่อนหน้านี้ดูถูกมองข้ามหลินโร่สุ่ย ยิ่งตื่นตระหนกกันยกใหญ่
หลินเสี่ยวหยูกับหลินเห้าที่เมื่อครู่ตั้งใจวิ่งไป เยาะเย้ยถากถางหลินโร่สุ่ย ตอนนี้ทั้งสองคนตกใจจนแทบจะบ้าไปแล้ว
“หลิน หลินโร่สุ่ยไอ้คนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวนั้น มีความสามารถในการเชื้อเชิญผู้คนมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ตกลงว่าเธอได้ไปรู้จักกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนไหน? หลินเสี่ยวหยูสีหน้าท่าทางหวาดผวา โดยพูดขึ้นอย่างติด ๆ ขัด ๆ”
หลินเห้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่หวาดผวา: “ก่อนหน้านี้พวกเราข่มเหงรังแกหลินโร่สุ่ยเป็นประจำ ต่อไปเธอคงจะล้างแค้นพวกเรากลับอย่างแน่นอน! ”
พวกผู้อาวุโสของตระกูลหลิน เวลานี้ ใบหน้าของแต่ละคน ต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ตงเย่ว ลูกสาวคนรองของนายนี้ แกร่งกล้าสามารถเกินเลยจริง ๆ! ”
“ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าลูกสาวทั้งสองคนของตงเย่ว คนหนึ่งมีความสามารถมากกว่าอีกคนหนึ่ง ช่างน่าอิจฉาเสียจริง”
ถ้าหากวันนี้เจ้าบ้านมาร่วมงานด้วย คงจะตกตะลึงกับลูกสาวทั้งสองคนของตงเย่วอย่างแน่นอน
“ฉันว่าหลินโร่สุ่ยคนนี้ ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นคนเก่งที่ไม่เปิดเผยตัวตน คมในฝัก! เธอคืออัจฉริยะที่แท้จริง”
ได้ยินคำชื่นชมของทุกคน ในใจของหลินตงเย่วก็ยิ่งปวดร้าวมากขึ้น
ถ้าหากได้ยินเร็วกว่านี้ เขาคงจะไม่ทอดทิ้งหลินโร่สุ่ยอย่างเด็ดขาด
แต่ว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินโร่สุ่ย แทบที่จะเป็นศัตรูกันแล้ว ต่อให้หลินโร่สุ่ยจะประสบความสำเร็จมากขนาดไหน ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า หลินโร่สุ่ยยังไงก็เป็นลูกสาวของเขา ถ้าหากหลินโร่สุ่ยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลินตงเย่วเองก็สามารถที่จะมีหน้ามีตาตามไปด้วย