จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 67 ทำไมเขาถึงมาที่นี่อีกครั้ง
บทที่ 67 ทำไมเขาถึงมาที่นี่อีกครั้ง
หลังจากสั่งการกับแผนกรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว ผู้จัดการก็เริ่มสั่งการแผนกทำความสะอาดอีกครั้ง “เรียกพนักงานทำความสะอาดทั้งหมดเข้ามา จากทางเข้าที่จอดรถจนถึงทางเข้าประตูลิฟต์ ให้ถูพื้นตลอด!”
“ถ้าปล่อยให้มีฝุ่นเล็กน้อย คุณก็เตรียมตัวลาออกไปเลย!”
เมื่อเผชิญกับข้อกำหนดที่เข้มงวดเช่นนี้ หัวหน้าแผนกทำความสะอาดจึงตอบตกลง “ผู้จัดการวางใจ รับประกันว่าต้องถูจนสะอาดสะอ้าน!”
ผู้จัดการพาคนไปจากที่นี่ หัวหน้าจางก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา เรียกรปภ.สี่หรือห้าคนลงมา และเริ่มมอบหมายภารกิจ ภารกิจของหลี่เหล่ยร่วมกับทีมของติ้งเหลย ลาดตระเวนร่วมกัน เพื่อให้คำแนะนำดูแลยานพาหนะ และต้องเคลียร์ช่องทางให้โล่ง
หลังจากมอบหมายงานเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าจางก็ออกไปอย่างกังวลใจ ดูเหมือนจะไปทำงานอื่น
หลี่เหล่ยและสมาชิกในทีมหลายคนรู้สึกโล่งใจ
“วันนี้ท่านประธานจะมาใช่ไหม? ทำไมทำซะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่ผู้จัดการที่ปกติจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตายังวิ่งมาที่โรงจอดรถชั้นใต้ดินเพื่อเตรียมงาน” หลี่เหล่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
มีรปภ.สองคนที่โยกย้ายมาจาก(ท้องถิ่นนี้) มีคนหนึ่งมองไปที่หลี่เหล่ย และพูดอย่างมีเลศนัยว่า “พี่เหล่ย พี่ยังไม่รู้เหรอ?ไม่ใช่ท่านประธานที่มาวันนี้ เพราะท่านประธานกำลังยุ่งกับการเสิร์ฟน้ำชาด้วยตัวเอง
“โอ้พระเจ้า คนที่จะมาที่นี่ในวันนี้คือใคร? หรือเป็น(ท่านนายกเทศมนตรี)? หลี่เหล่ยตกใจ เจ้านายของเมืองศตวรรษต้าฮัว เป็นเจ้านายใหญ่ที่สามารถเทียบกับจินซื่อหรง เขาต้องไปเสิร์ฟน้ำชาด้วยตัวเอง คิดว่าคงจะมีแต่คนใหญ่คนโตระดับนายกเทศมนตรี
“ไม่ใช่นายกเทศมนตรี คนที่มาในครั้งนี้แม้แต่นายกเทศมนตรียังต้องมาต้อนรับทักทายด้วยรอยยิ้ม!”
หลี่เหล่ยทนไม่ได้ที่ผู้ชายคนนี้พูดแค่ครึ่งๆกลางๆ และพูดอย่างเบื่อหน่าย “นายนี่อย่ามาพูดกวนประสาทได้ไหม ใครกันแน่ที่กำลังจะมา พูดให้มันชัดเจน!”
“พี่เหล่ย เป็นท่านเจี่ยงสงผู้มีอิทธิพลในหลินโจวของเรา คุณน่าจะเคยได้ยินใช่ไหม?”
หลี่เหล่ยพยักหน้า และถามด้วยความตกใจ “หรือเป็นท่านเจี่ยงกำลังจะมา?”
“ไม่ใช่ ผู้ที่มาฐานะตัวตนเทียบได้กับท่านเจี่ยง” รปภ.หนุ่มคนนี้ดูเหมือนจงใจอวดรู้ ใบหน้ามีเลศนัย ไม่ยอมพูดคำตอบ
รปภ.คนที่อายุมากกว่าเล็กน้อยยืนอยู่ข้างๆ พูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “เอาล่ะๆ อย่าหยอกล้อพี่เหล่ยอีกเลย บุคคลที่มาในวันนี้คือผู้มีอิทธิพลในเว่ยเหอเส้เทียนหัวและคุณชายอู๋ซวงของตระกูลฉินในฉินโจว บุคคลทั้งสองนี้ไม่มีใครด้อยกว่าท่านเจี่ยง!”
“ดังนั้นพวกเราต้องระมัดระวังในการดูแลเป็นพิเศษ ถ้าเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ก็เตรียมถูกไล่ออกเลย ไม่แน่อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทด้วย!”
“อืม พูดถูก ลงมือทำงานได้เลย!”
วันนี้ ปกติจะไม่ค่อยมีการเคลียร์พื้นที่ในเมืองศตวรรษต้าฮัว นอกจากพนักงานบริการที่อยู่ข้างใน ผู้ที่ได้รับคำเชิญเท่านั้นถึงสามารถเข้าไปได้
รถหรูแบบเดียวกันทุกคันจอดเรียงกัน ทุกคันราคาไม่ต่ำกว่าห้าล้าน รถของเว่ยเทียนหมิงกับหลี่เหยนและคนอื่นๆจอดข้างๆรถผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน
จากทางเข้าถึงประตูลิฟท์ เดินสิบก้าวก็จะมีผู้หญิงคู่หนึ่งสวมชุดกี่เพ้าสีแดงคอยต้อนรับ แต่ละคนสะสวยมาก งดงามสง่าไม่เหมือนคนทั่วไป
ผู้ที่มาอยู่ที่นี่ในวันนี้ คือคนที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเมืองเว่ยเหอและเมืองฉินโจว ในขณะที่คนท้องถิ่นอย่างเมืองหลินโจวมีน้อยมาก
บางทีข้อตกลงการเดิมพันระหว่างทั้งสองยังกระจายข่าวไปไม่ถึงเมืองหลินโจว ดังนั้นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นเมืองหลินโจวจึงยังไม่รู้
หลินหยุนตามหลังเซี่ยหยู่เวย และยืนเงียบๆที่ประตูเพื่อรอหวางเสี่ยวซี
หลังจากรอสิบนาที รถสามคันก็หยุดจอดข้างทาง หวางเสี่ยวซีและจ้าวกางก็ออกจากรถ
“หยู่เวย!” หวางเสี่ยวซีโบกมือให้เซี่ยหยู่เวยอย่างมีความสุข
แต่ว่า เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างๆเซี่ยหยู่เวยคือหลินหยุนได้หันหน้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าของหวางเสี่ยวซีก็กลายเป็นบึ้งตึงทันที
วิ่งไปหาเซี่ยหยู่เวย และดึงเซี่ยหยู่เวยไปข้างๆ หวางเสี่ยวซีก็ถามเบาๆ “ทำไมเธอต้องพาเขามาอีก? เทียนหมิงและหลี่เหยนพวกเขาอยู่ในรถ เดี๋ยวพวกเขาจะทำตัวยังไงกัน!”
เซี่ยหยู่เวยมองหลินหยุน ด้วยสายตารังเกียจและพูดว่า “คุณแม่ของฉันยัดเยียดให้มา ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เธอมีวิธีใดที่สามารถจะกำจัดเขาให้พ้นไปจากที่นี่?”
หวางเสี่ยวซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็กะพริบตาให้เซี่ยหยู่เวย และพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “รอไปก่อน!”
หลังจากพูดจบ หวางเสี่ยวซีก็วิ่งไปหาหลี่เหยนและคนอื่นๆ และพูดกระซิบ จากนั้นใบหน้าของหลี่เหยนและคนอื่นๆก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย
หลินหยุนขี้เกียจสนใจกับคนกลุ่มนี้ และก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปฟัง ไม่ว่าคุณจะมีแผนการมากมายเพียงใด ฉันก็สามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย!
ในที่สุดอีหลิงก็ลงมาจากรถ และเห็นหลินหยุน ทันใดนั้นก็อุทานด้วยความดีใจ “หลินหยุน คุณก็มาด้วยเหรอ!”
หวางเสี่ยวซีและคนอื่นๆชั่วขณะมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ อีหลิงก็หน้าแดง และพูดว่า “ทำไมพวกคุณถึงมองฉันแบบนี้ครั้งก่อนโชคดีที่หลินหยุนช่วยพวกเราไว้ พวกเรายังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย!”
หวางเสี่ยวซีจ้องมองอีหลิงอย่างไร้ความปรานี และยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันว่าเสี่ยวหลิงหลิง เธอชอบไอ้หนุ่มคนนั้นแล้วเหรอ?”
“ไม่นี่! อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!” ใบหน้าของอีหลิงแดงระเรื่อยิ่งกว่าเดิม และหัวใจของเธอก็เต้นเร็วผิดปกติ
ปรากฏการณ์นี้ทำให้อีหลิงก็ตกใจ “เอาละสิ ทำไมหัวใจของฉันถึงเต้นเร็วขึ้น? หรือว่าฉันอาจจะชอบเขาจริงๆ!”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้! ฉันจะไปชอบผู้ชายที่แต่งงานแล้วได้ยังไง!” อีหลิงรีบปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว
หลี่เหยนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย อีหลิงเป็นสาวที่เขาถูกชะตา
“หวางเสี่ยวซี ฉันว่าเธออย่าปากมากเลย! อีหลิงจะไปชอบผู้ชายที่มีภรรยาแล้วได้ไง!”
หวางเสี่ยวซีรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนี้ทำให้หลี่เหยนไม่พอใจ รีบหัวเราะทันทีและพูดว่า “ก็แค่พูดหยอกล้อ คุณชายหลี่ไปจริงจังทำไม! ดูหยู่เวยยังไม่โกรธเลย เธอเป็นถึงภรรยาในนามของหลินหยุน!”
เนื่องจากหวางเสี่ยวซีและหลายๆคนรู้ว่าเซี่ยหยู่เวยและหลินหยุนเป็นเพียงสามีภรรยาในนามเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน เวลาผ่านไปก็ลืมว่าเป็นสามีภรรยากัน เวลาพูดคุยเลยไม่มีข้อห้ามใดๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยหยู่เวยรู้สึกรำคาญมาก “ในตอนแรกฉันหัวร้อนไปหน่อย ไม่รู้ว่าทำไมถึงไปเชื่อฟังสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พูด และแต่งงานกับเขา! ภายหลังอยากกลับคำก็ทำไม่ได้ เวลาที่ฉันพูดถึงการหย่าร้าง แม่ของฉันถึงกับเอาความตายมาข่มขู่ฉัน”
เซี่ยหยู่เวยพูดอย่างหมดหนทาง “ไม่รู้จริงๆว่าฉันเป็นลูกแท้ๆ หรือหลินหยุนเป็นลูกแท้ๆของพวกท่าน”
“เอาล่ะ อย่าโกรธเลย บางทีคุณลุงและคุณป้าอาจจะโดนหลอกแค่ชั่วคราว รอสักพักก็คงดีเอง” เว่ยเทียนหมิงพูดปลอบใจอย่างอ่อนโยน
“ใช่แล้ว หยู่เวยอย่าเสียใจไปเลย แม้ว่าหลินหยุนจะโชคดี ได้รู้จักกับจินซื่อหรงและท่านเจี่ยง แต่เขาก็ยังเป็นเหมือนไอ้สวะ เทียบพี่เทียนหมิงไม่ได้เลย เขาจะคู่ควรกับเธอได้อย่างไร? สักวันหนึ่งเธอจะสามารถออกจากชีวิตเขาได้!” หวางเสี่ยวซีพูดอย่างมีเหตุผล
อีหลิงไม่ชอบฟังพวกเขาพูดนินทาว่าร้ายหลินหยุน ทันใดนั้นก็ถามว่า “เสี่ยวซี เธอบอกว่ามีวิธีเข้าไป วิธีไหนกันแน่?”
ในกลุ่มพวกเขา มีแต่พ่อของเว่ยเทียนหมิงเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับบัตรเชิญ แม้แต่เว่ยเทียนหมิงเองก็ยังไม่ได้รับเชิญ
สำหรับหลี่เหยนกับจ้าวกางและคนอื่นๆยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เพียงแต่ว่า บังเอิญหวางเสี่ยวซีมี(คุณอาซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อ)คนหนึ่งเป็นหัวหน้าผู้ดูแลเมืองศตวรรษต้าฮัว สามารถให้หวางเสี่ยวซีพาคนไม่กี่คนเข้าไปเที่ยวเล่นได้
หวางเสี่ยวซีหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และพูดว่า “รอสักครู่ ฉันจะถามคุณอาของฉัน ดูว่าเขาเสร็จงานหรือยัง?”
โทรศัพท์ถูกเชื่อมต่อ พูดไม่กี่คำและวางสาย
หวางเสี่ยวซียิ้มและพูดว่า “เสร็จเรียบร้อย คุณอาได้บอกรปภ.ที่ประตูแล้ว เพียงแค่แจ้งชื่อของเขาก็สามารถเข้าไปได้!”
จ้าวกางหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ใช้ได้นี่หวางเสี่ยวซี คุณอาของเธออยู่ในเมืองศตวรรษต้าฮัวไม่เลวนะ!”
“ก็งั้นๆแหละ แต่คุณอาของฉันคนนี้มีความสามารถเช่นกัน อายุเพียง 30 ปีเท่านั้น ก็กลายเป็นหัวหน้าเมืองศตวรรษต้าฮัว!” หวางเสี่ยวซีรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย เป็นเรื่องยากที่เธอสามารถอวดตัวเองต่อหน้าจ้าวกางและกลุ่มทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองเหล่านี้
“เอาล่ะ ฉันจะพาพวกคุณเข้าไป พวกเรารีบไปหาจุดตำแหน่งที่ดี!”