จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 676 งานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ
เมืองซ่างเจียง เป็นหนึ่งในกลุ่มเมืองชั้นหนึ่งใหม่ของประเทศจีน มิหนำซ้ำระดับความมั่งคั่ง ก็ยังเหนือกว่าเมืองหลวงอีกด้วย
จึงได้ถูกขนานนามว่าไข่มุกตะวันออก
อีกทั้ง เป็นเพราะว่าตั้งอยู่ใกล้มณฑลตงไห่ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศส่วนใหญ่ก็จะต้องผ่านมาเส้นทางนี้ ดังนั้นเมืองซ่างเจียงจึงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในเวทีนานาชาติ
การจัดงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะในครั้งนี้ ก็ได้จัดขึ้นที่คลับเทียนหยาในเมืองซ่างเจียง
คลับเทียนหยา เป็นสถานที่แหล่งบันเทิงระดับชั้นนำของเมืองซ่างเจียง ภายในประกอบไปด้วยสถานบันเทิง สถานพักผ่อน โรงแรม ภัตตาคาร เป็นต้น เป็นศูนย์รวมแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ที่นี่ก็คือศูนย์รวมแหล่งถลุงเงินขนาดใหญ่ของเมืองซ่างเจียง เป็นสถานที่ที่ชั่วชีวิตของคนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางที่จะได้เข้าไปเลย
อีกทั้งคลับเทียนหยานั้น ใช้ระบบการเป็นสมาชิก มีแต่สมาชิกเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้
ส่วนสมาชิกแต่ละคน จะต้องจ่ายค่าสมาชิกรายปี อย่างน้อยก็หนึ่งล้านหยวนขึ้นไปแล้ว
แน่นอน ถ้าเป็นแขกผู้ได้รับเชิญ ขอเพียงแค่มีบัตรรับเชิญก็สามารถเข้าไปได้แล้ว
หลินโร่สุ่ยก็เป็นประเภทที่ใช้บัตรรับเชิญเข้าไป ด้วยฐานะของเธอในตระกูลหลินนั้น ไม่มีทางที่จะมีเงินค่าสมาชิกหนึ่งล้านหยวนได้เลย
นี่ก็อาศัยคุณหลินผู้ลึกลับคนนั้น ไม่เช่นนั้น ด้วยฐานะของหลินโร่สุ่ยแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเชิญอย่างแน่นอน
ลานจอดรถหน้าประตูทางเข้า ล้วนแล้วแต่เป็นรถหรูราคาแพงจำนวนมากจอดเต็มไปหมด ราคารถที่ถูกที่สุดอย่างน้อยก็ต้องมีห้าล้านขึ้นไป
เป็นครั้งแรกที่หลินโร่สุ่ยเพิ่งเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงตื่นเต้นออกมา “โอ้สวรรค์ รถพวกนี้ถึงจะเป็นรถหรูที่แท้จริงสินะ!”
“เมื่อคราวที่แล้วหลินเห้าซื้อรถBMW Series7 คันหนึ่ง ก็มาอวดอยู่ตรงหน้าฉันตั้งนาน เมื่อเทียบกับรถพวกนี้แล้ว รถของเขาคันนั้นกลายเป็นรถเก่าแก่ไปเลย!”
“เคยได้ยินมาก่อนหน้าแล้วว่า คลับเทียนหยาเป็นสถานที่ที่มีแต่พวกไฮโซเซเลบเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย”
หลินหยุนไม่ได้เกิดความรู้สึกอะไรกับรถหรูพวกนี้เลย รอให้เขาฝึกฝนถึงขั้นผลิตยาทองออกมาได้ก่อน ก็สามารถที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้แล้ว ของพวกนี้สำหรับเขาแล้ว ก็เหมือนเป็นเพียงแค่เศษเหล็กอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินโร่สุ่ยพร้อมกับหลินหยุนแสดงบัตรรับเชิญ แล้วเดินเข้าไปในคลับ
สถานที่จัดงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะนั้น อยู่บนชั้นสามของโรงแรมภายในคลับ
ห้องโถงชั้นสามทั้งหมดก็ถูกจองหมดแล้ว
หลินหยุนและหลินโร่สุ่ยก็เดินเข้าไปในห้องโถงชั้นสาม สถานที่จัดงานโอ่อ่าตระการตา หรูหราเป็นที่สะดุดตา
ภายในห้องโถงนั้น มีหนุ่มหล่อสาวงามจำนวนมากมาย แต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าสวยงามเลิศหรู กิริยาท่าทางสง่างามพูดจาสุภาพเรียบร้อย
หลินหยุนมองเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาของตระกูลหลินหลายคนแล้ว หลินโร่หลันและหลินโล่เฉินก็อยู่ด้วย
แต่ว่า หลินโร่สุ่ยกลับไม่ได้เดินเข้าไปร่วมกลุ่มกับคนของตระกูลหลิน แต่ลากหลินหยุนเดินไปยังมุมอับอีกด้านหนึ่ง
งานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ โห้ตงหมิงคุณชายใหญ่ของตระกูลโห้แห่งเมืองซ่างเจียง เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้น โดยจะจัดงานเลี้ยงปีละครั้ง
จะเชื้อเชิญเฉพาะหนุ่มสาวอัจฉริยะของแต่ละตระกูลใหญ่เท่านั้น จุดมุ่งหมายเพื่อที่จะรวมคนเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้วจัดตั้งเป็นศูนย์กลางเครือข่ายขึ้น อย่างน้อยพวกอัจฉริยะกลุ่มนี้ ต่อไปก็จะต้องเป็นคนที่รับช่วงต่อจากตระกูลใหญ่ของแต่ละตระกูลอย่างแน่นอน
ถ้าหากสามารถหว่านล้อมให้อัจฉริยะพวกนี้เข้ามาเป็นพวกไว้ก่อนแล้ว ต่อไปก็จะเป็นพลังอำนาจที่ไม่เล็กเลยทีเดียว
แต่ว่า คุณชายใหญ่ตระกูลโห้ก็คิดไม่ถึงว่า ความไม่ได้ตั้งใจของเขา ถึงกับทำให้งานเลี้ยงยอดอัจฉริยะกลายเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะอย่างหนึ่งไปแล้ว
ลูกหลานรุ่นใหม่ของตระกูลใหญ่จำนวนมาก ต่างล้วนรู้สึกเป็นเกียรติจากการที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ
พวกที่ไม่ได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ กลับดูเหมือนว่ากลายเป็นคนที่อยู่ระดับต่ำกว่าคนอื่นโดยปริยาย
หลินโร่สุ่ยก็ไม่เคยได้รับการเชื้อเชิญเลย แต่ว่า คราวนี้เพราะอานิสงส์จากคุณหลินผู้ลึกลับคนนั้น ทำให้หลินโร่สุ่ยก็มีรายชื่อที่ถูกรับเชิญไปด้วย
แต่ว่า ก็ไม่ใช่ว่าหนุ่มสาวอัจฉริยะของตระกูลใหญ่ทุกคน จะได้รับการเชื้อเชิญทั้งหมด
อย่างน้อยที่สุด ประเทศจีนที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ ด้วยความสามารถของการจัดงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไปเชิญคนจำนวนมากมายขนาดนั้นได้
อัจฉริยะที่ได้รับการเชื้อเชิญมาพวกนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นตระกูลใหญ่ที่อยู่ใกล้บริเวณเมืองซ่างเจียงทั้งนั้น หรือไม่ก็จะเป็นคนสนิทของคุณชายใหญ่โห้
หลินโร่สุ่ยและหลินหยุนนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง มองดูคนเดินผ่านไปผ่านมาในห้องโถงใหญ่ ที่ต่างยกแก้วดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน
โดยเฉพาะหลินโร่หลันทางนั้น หลินโร่สุ่ยก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นหลินโร่หลันถูกผู้คนห้อมล้อมเป็นจำนวนมาก ส่วนหลินโร่หลันอยู่ท่ามกลางหมู่คนจำนวนมากมายนั้น พูดจาหัวเราะต่อกระซิบอย่างเป็นธรรมชาติ หลินโร่สุ่ยก็รู้สึกทั้งอิจฉาและทั้งชื่นชม
เวลานี้เอง ก็มีเสียงราบเรียบดังขึ้น “โร่สุ่ย คุณมานั่งอยู่ที่นี่ทำไมเหรอ? ไปทางนั้นเถอะ คนของตระกูลหลินพวกเราก็อยู่ตรงนั้นทั้งนั้น”
หลินโล่เฉินในชุดสูทสีดำ หน้าตาหล่อเหลามาดเท่ ไม่รู้มาอยู่ข้างตัวหลินโร่สุ่ยตั้งแต่เมื่อไร
หลินโร่สุ่ยส่ายหน้า “ไม่ล่ะค่ะ ฉันนั่งอยู่กับเพื่อนที่นี่ก็ได้แล้ว”
หลินโล่เฉินมองหลินหยุนเว็บเดียว ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพื่อนเหรอ? คิดไม่ถึงเลยจริงๆ คุณถึงกับเป็นเพื่อนกับเขาแล้ว! ดูเหมือนว่าเรื่องที่พี่สาวพูดก็ล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น”
หลินโร่สุ่ยรีบอธิบายว่า “คุณอย่าไปฟังพี่สาวฉันพูดเหลวไหล หลินหยุนไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เป็นคนกันเองทั้งนั้น!”
“อ๋อใช่แล้ว ตอนนี้เขาก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลหลินพวกเราแล้ว! คุณป้าหวางของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ได้รับเขาเป็นลูกบุญธรรมแล้ว”
หลินโล่เฉินมองหน้าหลินหยุนอีกครั้ง สายตาแสดงออกถึงความดูถูก “ที่แท้คนที่คุณป้าหวางพูดถึงก็คือเขานี่เอง!”
“แต่ว่า คิดอยากจะเข้ามาเป็นคนของตระกูลหลิน มันคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
“โร่สุ่ย คุณตามฉันไปทางนั้น! ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงก็ตาม แต่คุณก็ยังเป็นคนของตระกูลหลินตลอดไป”
หลินโร่สุ่ยก้มหน้าลง ไม่พูดจาอะไร เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะตามไป
หลินโล่เฉินก็ยังไม่เลิกรา “ถ้าคุณไม่ยอมไป งั้นฉันก็คงต้องให้พี่สาวคุณมาเชิญคุณไปแล้วล่ะ”
หลินโร่สุ่ยรีบเงยหน้าขึ้น “อย่า ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
หลินหยุนเงยหน้าขึ้นกะทันหัน พูดอย่างเรียบๆว่า “โร่สุ่ยบอกว่าไม่อยากไป คุณไม่ได้ยินเหรอ?”
หลินโล่เฉินมองหน้าหลินหยุนด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนคิดไม่ถึงว่าหลินหยุนถึงกับกล้าที่จะพูดแทรกขึ้นมา
“โร่สุ่ย? ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณก้าวหน้าได้เร็วมากเลยนะ แต่ว่า เรื่องภายในของคนตระกูลหลินพวกเรา คนนอกไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย”
“คนนอกเหรอ?” หลินหยุนคิดเยาะเย้ยอยู่ในใจ
หลินโร่สุ่ยพูดว่า “หลินหยุนไม่ใช่คนนอก เขาก็เป็นคนของตระกูลหลินพวกเราเหมือนกัน”
หลินโล่เฉินพูดว่า “เขาก็แค่เป็นลูกบุญธรรมของคุณป้าหวางเท่านั้นเอง แต่ตระกูลหลินพวกเรายังไม่ได้ยอมรับเลย”
“อย่าพูดอีกเลย ฉันจะไปกับคุณก็แล้วกัน! แต่ว่าฉันจะให้หลินหยุนไปด้วย” หลินโร่สุ่ยพูด
“ก็แล้วแต่” หลินโล่เฉินกวาดสายตาไปยังหลินหยุน พูดอย่างเย็นชาว่า “คราวที่แล้วนับว่าแกโชคดีมากนะ เจี่ยงเฉิงตายอย่างกะทันหัน ทำให้แกพ้นเคราะห์ไปได้”
“แต่ว่า อยู่ที่นี่ฉันขอเตือนแกให้สำรวมหน่อย ถ้าแกยังเหิมเกริมขนาดนั้นอีก อย่าทำให้หลินโร่สุ่ยต้องเดือดร้อนไปด้วย”
หลินหยุนยิ้มเยาะเย้ยในใจ การตายของเจี่ยงเฉิงนั้น เห็นได้ชัดว่าตระกูลเจี่ยงปิดเป็นความลับไม่ให้คนภายนอกรู้
หลินโล่เฉินยังไม่รู้เลยว่า เขาต่างหาที่เป็นคนฆ่าเจี่ยงเฉิงเอง
ถ้าหากหลินโล่เฉินรู้ว่า ตระกูลเจี่ยงทั้งตระกูลตอนนี้ตกเป็นของเขาหมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง
หลินโร่สุ่ยรีบพูดขึ้นว่า “พี่โล่เฉิน หลินหยุนไม่ใช่คนอย่างนั้น คุณอย่าพูดอีกเลย!”
หลินโล่เฉินทำเสียงฮื่อใส่ แล้วหันหลังเดินจากไป
หลินโร่สุ่ยก็รีบปลอบใจด้วยความเป็นห่วงว่า “หลินหยุน คุณอย่าไปใส่ใจคำพูดของเขาเลยนะ คนอย่างหลินโล่เฉินนั้น อะไรก็ดีหมด แต่ว่าหยิ่งยโสเกินไป!”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ไม่เป็นไร”
หลินโร่สุ่ยก็ถามอย่างระวังว่า “งั้นพวกเราจะไปนั่งตรงนั้นไหม?”
“ได้”
ทั้งสองคนก็เดินมาถึงจุดรวมคนของตระกูลหลิน เมื่อหลินโร่หลันเห็นหลินหยุนแล้ว สีหน้าแสดงความรังเกียจออกมายังไม่ปิดบัง
“หลินโร่สุ่ย ดูเหมือนว่าคำพูดของฉันแกทำเป็นหูทวนลม แกถึงกับยังไปอยู่กับเขาอีก!” หลินโร่หลันตะคอกเสียงเบาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ท่าทีราวกับเป็นการอบรมสั่งสอน
หลินโร่สุ่ยเชิดหน้าขึ้นอย่างเข้มแข็ง “ฉันจะอยู่กับใคร ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของฉัน คนอื่นไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวด้วย”
“แก…….” หลินโร่หลันโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี แต่ว่า อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เธอก็ไม่กล้าที่จะอาละวาดออกมา
“ตั้งแต่ที่แกรู้จักกับเขา ก็หัดต่อปากต่อคำกับฉัน เขาวางยาอะไรใส่แกกันแน่?” หลินโร่หลันพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง
หลินเชี่ยนที่ยืนอยู่ข้างหลังหลินโร่หลัน ก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “ที่นี่เป็นสถานที่รวมพลของพวกตระกูลหลินเรา ไม่ต้อนรับคนนอก ถ้ารู้ตัวก็รีบออกไปแต่โดยดี อย่ารอให้ต้องถึงกับถูกไล่เลย”
หลินเชี่ยนที่คอยประจบเอาใจหลินโร่หลันมาโดยตลอดนั้น เมื่อเห็นหลินโร่หลันแสดงสีหน้ารังเกียจหลินหยุนแล้ว จึงรีบช่วยโจมตีหลินหยุนทันที