จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 685 ลูกของคนอื่น
เมื่อครอบครัวของหลินตงหัวก้าวผ่านประตูใหญ่เข้าไปร้านอาหาร จากเดิมที่บรรยากาศในร้านอาหารค่อนข้างคึกคักนั้น ก็พลันเงียบเชียบลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
สายตาที่แปลกประหลาดนับไม่ถ้วน ได้จ้องมองมายังครอบครัวของหลินตงหัว ลักษณะท่าทางของพวกญาติพี่น้องเหล่านี้ แปลกตามากมายเสียจริง แต่ว่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะท่าทางที่เหยียดหยาม
หลินตงหัวหน้าตาหมองคล้ำ เหมือนกับว่าตนเองเป็นคนที่ไม่มีประสาทรับรู้หมดความรู้สึก
หวางซูเฟินสีหน้าท่าทางเย็นชา ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น แล้วแสดงท่าทางที่หยิ่งยโส เหมือนกับเป็นการบอกทุกคนของตระกูลหลินว่า คุณไม่ถูกใจชอบหน้าฉัน ฉันเองก็ยิ่งไม่ถูกใจชอบหน้าคุณเช่นกัน โดยที่ทุกคนต่างไม่ควรที่จะมาล้ำเขตล้ำเส้นระหว่างกัน
หลินหยุนกับฉินหลันเดินตามหลังหวางซูเฟินอย่างเงียบ ๆ โดยที่ท่าทางค่อนข้างจะเป็นปกติ
โต๊ะตัวที่วางอยู่ใกล้กับประตูนั้น มีชายคนหนึ่งที่แต่งตัวในชุดทางการได้ยืนขึ้น
เขามีใบหน้าทรงสี่เหลี่ยม รูปลักษณ์ค่อนข้างน่าเกรงขาม แต่ว่าน่าเสียดายที่ดวงตาค่อนข้างแคบและยาว ทำให้ลักษณะท่าทางของเขาไม่ค่อยจะสง่าผ่าเผย
“ตงหัวมาแล้ว รีบนั่งลงก่อนเถอะ! ”
คนผู้นี้ก็คือลูกชายคนโตของตระกูลหลิน หลินตงถิง เมื่อนายท่านหลินซื่อเฉิงไม่อยู่ ตระกูลหลินที่อูซูนี้ จะมีเขาเป็นผู้รับผิดชอบชั่วคราว
“ขอบคุณพี่ใหญ่มาก! ” หลินตงหัวเกรงใจอย่างมาก จากนั้นก็พูดกับหลินหยุนว่า: “หลินหยุน ท่านผู้นี้คือคุณลุงของนาย! ”
หลินหยุนพูดขึ้น: “สวัสดีคุณลุง! ”
หลินตงถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย โดยที่ไม่ได้ตอบรับ สีหน้าก็ซีดลงไปบ้าง: “ตงหัว รีบนั่งลงก่อนเถอะ! ”
สายตาของหลินตงหัวเผยความผิดหวังขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา: “ได้เลย ซูเฟินพวกคุณก็มานั่งด้วยกัน! ”
ตามมารยาทแล้ว หลินตงถิงก็ควรที่จะเชิญหวางซูเฟินให้นั่งลงด้วย แต่ว่า เขาเพียงแค่เชิญให้ หลินตงหัวนั่งลง ซึ่งมองออกได้ว่า เขารู้สึกไม่พึงพอใจกับหวางซูเฟิน
ส่วนหลินหยุนที่เรียกคุณลุงไปนั้น เขาก็ไม่ได้ตอบรับแม้แต่น้อย นั่นแสดงว่า ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะยอมรับสถานะของหลินหยุน
พวกหลินตงหัวทั้งสี่คนก็ได้นั่งลง ด้านข้างคือหลินตงเย่วน้องชายของหลินตงหัว ซึ่งก็คือพ่อของสองพี่น้องหลินโร่หลันกับหลินโร่สุ่ย
หลินตงถิงยิ้มและพูดว่า: “ตงหัวอยู่ต่างถิ่นไกลบ้านตลอดทั้งปี โดยในหนึ่งปียากที่จะกลับมาสักครั้ง แสดงความทักทายกับทุกคนหน่อยสิ! ”
“ตกลง! ” หลินตงหัวยิ้มเล็กน้อย โดยได้เริ่มทักทายกับหลินตงเย่วที่อยู่ด้านข้างก่อน: “น้องสาม! ”
“อืม” หลินตงเย่วส่งเสียงฮึออกมา โดยมีลักษณะท่าทางแบบขอไปทีอย่างที่สุด
หลินโร่สุ่ยที่อยู่ด้านข้างกลับมีสีหน้าท่าทางดีใจ เรียกเสียงเบา ๆ ขึ้นว่า: “พี่หลินหยุน! ”
แต่กลับถูกหลินโร่หลันที่อยู่ด้านข้างนั้นจ้องเขม็งใส่ หลินโร่สุ่ยเบะปาก ทำเป็นไม่ใส่ใจ
หลินตงหัวเหมือนกับจะเคยชินแล้ว จากนั้นก็แสดงความทักทายกับคนอื่นที่อยู่ในโต๊ะ ซึ่งทุกคนต่างก็ตอบรับกลับหนึ่งคำอย่างเฉยชา มีบางคนก็เพียงแค่พยักหน้าและยิ้มทักทาย โดยลักษณะท่าทางเป็นแบบขอไปทีอย่างมาก
เมื่อมาถึงหวางซูเฟิน ก็ค่อนข้างจะตรงไปตรงมาหน่อย
หวางซูเฟินพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ฉันรู้ว่าพวกคุณไม่ต้อนรับฉัน ซึ่งบังเอิญฉันเองก็ไม่ต้อนรับพวกคุณเหมือนกัน ดังนั้น ก็ไม่ต้องทำการทักทายอะไรกันแล้ว เพื่อไม่ทำให้พวกเราต้องรำคาญใจ”
ก่อนหน้านี้หวางซูเฟินเป็นถึงคุณหนูลูกสาวของตระกูลหวางผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งคงจะไม่เต็มใจทนรับต่อความโกรธแค้นของพวกคนตระกูลหลินแน่นอน
หลินตงหัวเองก็จำใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแล้วก็พูดกลบเกลื่อนขึ้นว่า: “เธอก็เป็นคนที่มีอารมณ์แบบนี้ ทุกคนอย่าได้ถือสาเลย”
“เหอะเหอะ ประธานกรรมการหวางพูดล้อเล่นไปได้ พวกเราจะกล้าไม่ต้อนรับท่านได้อย่างไรกัน! บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักไปทั่ว ถึงขนาดที่ใกล้จะเหนือกว่าตระกูลหลินแล้ว ใครจะกล้าไม่ต้อนรับท่านล่ะ! ”
สวี่เหม่ยเย้นภรรยาของหลินตงเย่ว พูดกระแนะกระแหนขึ้น
“ใช่เลย ประธานกรรมการหวางแห่งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป บุคคลที่เก่งกาจระดับนี้ พวกเราเหล่านี้จะกล้าไม่ต้อนรับได้อย่างไรกันล่ะ! แต่ว่า ถ้าหากไม่ได้อาศัยชื่อเสียงของพวกเราตระกูลหลินแล้ว บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปของคุณจะสามารถรุ่งเรืองได้ดั่งเช่นทุกวันนี้เหรอ? ” หานเจียวเจียวพูดขึ้นพลางยิ้มเยาะ
นี่คือลูกสะใภ้คนโตทางฝ่ายของคุณปู่รองของหลินหยุน ซึ่งหลินหยุนควรจะเรียกว่าคุณป้า
หวางซูเฟินหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา โดยหานเจียวเจียวไม่เกรงใจ เธอก็ไม่เกรงใจเช่นกัน
“เธอเองก็อาศัยตระกูลหลิน แล้วไปก่อตั้งบริษัทที่มีขนาดใหญ่ระดับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้ฉันดูหน่อยสิ? ”
“ได้ยินว่าบริษัทเล็ก ๆ ของเธอ ก็ยังต้องอาศัยชื่อเสียงของคนตระกูลหลิน แล้วขอธุรกิจบางส่วนจากบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปอยู่เลย”
หานเจียวเจียวหน้าแดงขึ้น ท่าทางอ่อนแอลงทันที: “เธอ เธอรู้ได้อย่างไร? ”
“แต่ว่าบริษัทของพวกเราอาศัยความสามารถในการแข่งขันช่วงชิงธุรกิจมา ไม่ใช่ในแบบที่เธอพูดว่าอาศัยชื่อเสียงของคนตระกูลหลินอะไรนั่นสักหน่อย”
หวางซูเฟินยิ้มเยาะ: “ความสามารถ? พวกเธอมีด้วยงั้นเหรอ? ”
หวางซูเฟินไม่ได้พูดตรง ๆ ออกมา ซึ่งในตอนนั้นมีหลายบริษัทที่เข้าร่วมแข่งขัน แต่ท้ายที่สุดก็มอบธุรกิจให้กับบริษัทของหานเจียวเจียวและสามีของเธอ เพราะว่าเป็นการให้เกียรติต่อหลินตงหัว
มิเช่นนั้น หากอาศัยแค่คุณสมบัติที่ไม่ได้เรื่องของบริษัทหานเจียวเจียวนั้นแล้ว คงไม่คู่ควรที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปจะให้ความสำคัญ
หานเจียวเจียวไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างจ้องมองไปที่เธอเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มและกล่าวขอโทษต่อหวางซูเฟิน: “น้องสะใภ้ อย่าโมโหไปเลย พี่สะใภ้ของเธอไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงพูดเกินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร เพราะว่าฉันเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่กลัวคนอื่นพูดให้ร้าย” หวางซูเฟินสีหน้าท่าทาง เย็นชาและหยิ่งผยอง
ทุกคนบนโต๊ะอาหาร ก็ยุติการว่ากล่าวโจมตีลงทันที เดิมทีคิดว่าจะข่มขวัญต่อหวางซูเฟินสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่ากลับถูกหวางซูเฟินแสดงบารมีข่มขวัญกลับต่อทุกคนเสียอย่างนั้น
หลินตงถิงพูดขึ้นว่า: “พอได้แล้ว เป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ทุกคนอย่าได้ถือสากันเลย”
“วันนี้หลังจากที่พวกเรารวมตัวเลี้ยงฉลองกัน พรุ่งนี้ก็จะต้องกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลินแล้ว ทุกคนควรจะพูดเรื่องราวที่มีความสุขเบิกบานใจกัน”
ทุกคนต่างเงียบกริบไม่พูดอะไรสักคำ
หลินตงถิงก็ชัดเจนดีว่า ความบาดหมางในจิตใจของทุกคน ได้ฝังรากหยั่งลึกกันไปแล้ว ไม่ใช่ว่าพูดกันคำสองคำก็จะผ่านพ้นไปได้
“ตกลงตามนี้ ทุกคนเตรียมรับประทานอาหารกันเถอะ! ” หลินตงถิงจำใจ แล้วก็ส่งสายตาให้สัญญาณกับพ่อบ้านที่อยู่ด้านข้าง ให้ประกาศเริ่มงานเลี้ยงได้
“อ้าว ทุกคนมาดื่มด้วยกัน! ” หลินตงถิงลุกยืนขึ้น แล้วก็ตะโกนพูดกับทุกคนที่อยู่ตามโต๊ะในร้านอาหาร
ทุกคนต่างก็ยืนขึ้น พร้อมกับยกแก้วขึ้นเป็นการตอบรับ
หลินตงถิงกวาดสายตามองไปที่ทุกคน ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “วันนี้พวกเราญาติพี่น้องตระกูลหลินได้มารวมตัวอยู่ด้วยกัน ทุกคนพูดคุยสนทนากันให้มากขึ้น อย่าได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องต้องห่างเหินกันไป”
“อ้าว ดื่มกันให้หมดแก้วเลย! ”
ได้ดื่มกันคนละแก้ว บรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้นไม่น้อยทีเดียว
คนตระกูลหลินในแต่ละโต๊ะต่างก็เริ่มพูดคุยกันอย่างคึกคัก
บรรยากาศที่โต๊ะของหลินตงหัวนี้ ก็ค่อย ๆ คึกคักขึ้นมาบ้าง แต่ ทุกคนเหมือนกับว่ามองผ่านไม่สนใจครอบครัวของหลินตงหัวอย่างอัตโนมัติ โดยมองว่าครอบครัวของหลินตงหัวเป็นเพียงแค่อากาศ
หลินตงหัวกับหวางซูเฟินชัดเจนว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี ต่างรับประทานของตัวเองไป มีคนพูดขึ้นก็พูดตอบรับกลับ หากไม่มีคนพูดกับพวกเขา ก็ฟังอย่างเงียบ ๆ ไป
ทั้งสองคนก็ได้พูดคุยกับหลินหยุนบ้างเป็นครั้งคราว กังวลว่าในครั้งแรกที่หลินหยุนมาตระกูลหลิน จะทนรับไม่ได้กับท่าทางที่เฉยเมยอย่างจงใจของพวกคนเหล่านี้
แต่ว่า หลินหยุนกลับมีสภาพจิตใจที่ดีกว่าพวกเขาสองคนเสียอีก โดยที่ไม่สนใจเลยว่าคนอื่นจะพูดอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลินโร่สุ่ยที่คอยพูดคุยกับหลินหยุนอยู่ตลอด ทำให้หลินหยุนรู้สึกว่าบรรยากาศแบบนี้ค่อนข้างใช้ได้เลย
เห็นว่าไม่สามารถที่จะว่ากล่าวโจมตีหวางซูเฟินได้แล้ว หัวข้อสนทนาของทุกคนก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป
หลินโร่สุ่ย
สวี่เหม่ยเย้นแม่ของหลินโร่สุ่ยพลันยิ้มและพูดเสียงดังขึ้นว่า: “แม้ว่าตลอดชีวิตของฉันจะไม่ประสบความสำเร็จอะไร แต่ว่ายังโชคดีที่ลูกสาวทั้งสองคนของฉัน ต่างก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว”
“ไม่ต้องพูดถึงโร่หลันแล้ว ตอนนี้โร่สุ่ยเองก็พยายามที่จะพัฒนาขึ้น รอเมื่อฉันได้จากโลกนี้ไปแล้ว ผลงานความสำเร็จของลูกสาวทั้งสองคนนี้ คงจะสามารถทำให้ทุกคนประจักษ์และประทับใจอย่างแน่นอน”
ใบหน้าของสวี่เหม่ยเย้น แสดงอาการภาคภูมิใจออกมา โดยแกล้งทำเป็นมองไปที่หวางซูเฟินบ้าง เหมือนกับว่าเป็นยั่วยุ
“น้องสาวมีโชคชะตาชีวิตที่ดีมากเลย! โร่หลันกับโร่สุ่ยทั้งสองคนต่างก็มุ่นมั่นเอาการเอางาน ในอนาคตเธอก็รอที่จะเสวยสุขได้เลย! ไม่เหมือนกับใครบางคน ต่อให้ก่อตั้งธุรกิจใหญ่โตขนาดไหน แล้วอย่างไรล่ะ? แม้แต่ผู้สืบทอดก็ยังไม่มี เมื่อถึงตอนนั้นก็ถือว่าหาเงินและเก็บเงินให้กับคนอื่นเท่านั้นเอง”
ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง พูดขึ้นอย่างเย็นชา
“เหอะเหอะ พี่สาวพูดได้ถูกต้อง แต่ว่าหลินลี่ลูกสาวของพี่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว! ได้ยินว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังที่สหรัฐอเมริกาได้ ต่อไปในอนาคตคงจะประสบความสำเร็จอย่างมากแน่นอน” สวี่เหม่ยเย้นกับผู้หญิงคนนั้นได้พูดกล่าวยกย่องชมเชยระหว่างกันหนึ่งรอบ