จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 692 หลินโร่สุ่ยเข้าร่วมประเมินผลงาน
เมื่อได้ยินคำตอบยืนยันจากหลินตงหัวแล้ว หลินซื่อเฉินก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดี!”
“ฉันขอประกาศว่า หลินหยุนลูกชายของหลินตงหัว จะเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูลครั้งนี้ด้วย!”
หานเจียวเจียวสีหน้าเยอะเย้ย “รอดูเรื่องสนุกๆกันเถอะ!”
เด็กรุ่นใหม่ตระกูลหลินต่างก็หัวเราะเยาะ “แม้แต่เงินทุนตั้งต้นก็ยังไม่ได้รับเลย ใครทำให้เขากล้าหาญถึงขนาดที่คิดจะเข้าร่วมประเมินกันล่ะ?”
หลินหยุนไม่ได้สนใจคำประชดประชันของผู้คนพวกนั้นเลย เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างกายหลินโร่สุ่ยอย่างสบายอารมณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลินโร่สุ่ยรีบพูดกระซิบด้วยความดีใจว่า “พี่หลินหยุน คุณมั่นใจแล้วเหรอ? แม้แต่เงินทุนตั้งต้นของตระกูลคุณก็ยังไม่ได้รับเลยนะ!”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบแฉยว่า “วางใจเถอะ ฉันรู้ตัวว่าควรจะทำยังไงดี”
“อึม ฉันเชื่อใจคุณ!” ตอนนี้หลินโร่สุ่ยรู้สึกเชื่อมั่นในตัวหลินหยุนโดยไม่ต้องมีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น
หลินเหลยที่อยู่ข้างๆพูดเยาะเย้ยว่า “หลินโร่สุ่ย คุณก็เชื่อใจเขาง่ายๆอย่างนี้เลย คุณคงเสียสติไปแล้ว!”
หลินเห้ามองหลินหยุนด้วยสายตาเยือกเย็น “เจ้าหนู นี่แกกำลังหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ อีกประเดี๋ยวฉันจะทำให้แกรู้ว่า ต่อให้แกเข้ามาอยู่ตระกูลหลินได้แล้ว ก็ยังคงไม่ได้เป็นอะไรสักอย่างเหมือนเดิม!”
หลินหยุนไม่ชายตาไปมองเขาแม้แต่นิดเดียว ราวกับมองไม่เห็นอะไรเลย หลินเห้าโกรธจนหน้าเขียวไปหมด
หลินซื่อเฉิงพูดประกาศว่า “เริ่มทำการประเมินได้!”
ผู้อาวุโสประจำตระกูลหลินที่รับผิดชอบด้านการเงินโดยเฉพาะ พร้อมด้วยข้อมูลเอกสารเดินเข้ามานั่งอยู่บนหลังโต๊ะตัวหนึ่ง
ผู้อาวุโสคนหนึ่งหยิบรายชื่อผู้เข้าร่วมประเมินผลงานครั้งนี้ขึ้นมา ตะโกนอ่านชื่อด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม “คนที่หนึ่ง หลินต้ง!”
ชายหนุ่มที่รูปร่างผอมสูงคนนั้น เดินขึ้นไป แล้วนำแฟ้มข้อมูลเอกสารที่เตรียมไว้ ยื่นให้กับชายชราทั้งสอง
“เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ผมเอาไปใช้ในการเปิดอู่ซ่อมรถหลายสิบแห่ง มูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นในตอนนี้ก็น่าจะอยู่ราวประมาณสามสิบล้าน”
“ในนี้เป็นรายการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และยังมีเอกสารรับรองประกอบด้วย”
ผู้อาวุโสทั้งสองคนก็นำเอกสารพวกนั้นออกมา แล้วทำการตรวจสอบอย่างจริงจัง อีกทั้งยังโทรศัพท์เพื่อยืนยันความถูกต้องอีกด้วย
ในระหว่างนี้ ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายที่อยู่รอบบริเวณนั้นต่างก็เงียบสงบอย่างผิดปกติ รอฟังผลการตรวจสอบของผู้เฒ่าทั้งสอง
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที หนึ่งในผู้อาวุโสก็พยักหน้าพูดว่า “ตรวจสอบแล้วถูกต้อง รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นราวสามสิบเอ็ดล้าน!”
“จากสิบล้านเป็นสามสิบเอ็ดล้าน เพิ่มขึ้น3.1 เท่า!”
ผลการประเมินของหลินต้งออกมาแล้ว คือ 3.1 เท่า
ผลคะแนนนี้ไม่ดีและไม่เลวจนเกินไป อยู่ในระดับปานกลาง
“คนต่อไป หลินฉี!”
หลินฉีเป็นชายหนุ่มใส่แว่นที่หน้าตาเรียบร้อย นิสัยดูเหมือนค่อนข้างเก็บตัว เดินมาตรงหน้าผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง ก้มหน้าลงเล็กน้อย รู้สึกเกร็งบ้างเล็กน้อย
“เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ผมเอาไปเล่นหุ้นจนหมดเลย” เสียงของหลินฉีเบามาก
แต่ว่า ภายในห้องโถงใหญ่เงียบสงบมาก คนที่อยู่ข้างในทุกคนต่างก็ได้ยินคำพูดของเขา
“ฮ่าๆ หลินฉีเจ้าหมอนี่ ถึงกับเอาเงินลงทุนตั้งต้นไปเล่นหุ้นทั้งหมดเลย!”
“สงสัยจะขาดทุนจนไม่เหลือสักแดงเดียวล่ะมั้ง!”
“ดูไปแล้วคนที่ได้ที่โหล่สุดคราวนี้ ไม่ใช่หลินเหลยหนุ่มเจ้าสำราญคนนั้นแล้วล่ะ อาจจะเป็นหลินฉีก็ได้นะ!”
“ไม่หรอก อย่าลืมนะว่า ยังมีอีกคนที่แม้แต่เงินทุนตั้งต้นก็ยังไม่เคยได้รับเลยมาเข้าร่วมประเมินครั้งนี้ด้วย”
“ใช่ๆ ฉันเกือบลืมหลินหยุไอ้เด็กเหิมเกริมคนนั้นไปเลย เขาจะต้องได้ที่หนึ่งนับจากข้างหลังมาอย่างแน่นอน”
ยังไม่ทันที่หลินฉีจะพูดจบ ก็ถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชนพูดแทรกขึ้นมา ทำให้หลินฉีตกใจจนไม่กล้าพูดต่อไปอีก
ชายชราคนหนึ่งจึงหยิบแฟ้มข้อมูลมาจากมือของหลินฉี แล้วเริ่มทำการตรวจสอบ
ผ่านไปสักครู่ ชายชราคนนั้นก็เงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นภายในห้องโถงใหญ่ก็เงียบสงบลงทันที
“หลินฉี เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ได้กำไรสามสิบห้าล้าน!”
“เพิ่มขึ้น3.5เท่า!”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง!
“ฉันคงไม่ได้ฟังผิดนะ ไอ้หมอนี่เล่นหุ้นถึงกับได้กำไรมากขนาดนี้เชียว!”
“หลินฉีเจ้าเด็กนี่ใช้ได้เลยทีเดียว! ปกติดูไม่ค่อยออกเลย คิดไม่ถึงว่าถึงกับมีหัวในทางการเล่นหุ้นเสียด้วย!”
“ใช้ได้ๆ ฉันว่าต่อไปหลินฉีสามารถเอาดีทางด้านการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉพาะเลยนะ”
นับว่าหลินฉีสามารถทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกช็อกเล็กน้อยได้บ้าง
“คนต่อไป หลินโร่สุ่ย!”
หลินโร่สุ่ยสะดุ้งตกใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำให้ตัวเองสงบนิ่งลง
หลินหยุนเข็กหน้าผากเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “สู้ๆนะ”
“อึม” หลินโร่สุ่ยพยักหน้า แล้วเดินไปข้างหน้า
สายตาของผู้คนทั้งหลาย ต่างก็จับจ้องมาที่ตัวหลินโร่สุ่ย อย่างน้อยก่อนหน้านั้น งานพิธีเปิดตัวของบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ของหลินโร่สุ่ย สร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว
“หลินโร่สุ่ยนี่เอง!”
“ยัยเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ! ไม่รู้ว่าผลงานของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นสร้างความฮือฮาใหญ่โตขนาดนั้น มิหนำซ้ำงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ ยังเชิญเธอไปร่วมงานอีกด้วย ถ้าหากครั้งนี้ผลงานไม่ดีละก็ เกรงว่าเธอก็คงต้องตกรอบไปอีกแล้ว”
สวี่เหม่ยเย้นรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ตงเย่ว เป็นโร่สุ่ยนี่!”
หลินตงเย่วพยักหน้า พูดด้วยเสียงต่ำว่า “เห็นแล้ว”
สวี่เหม่ยเย้นพูดว่า “ไม่รู้ว่าผลงานของโร่สุ่ยเป็นยังไงบ้าง?”
“ถึงแม้ว่าจะสู้โร่หลันไม่ได้ก็จริง แต่ก็น่าจะไม่เลวจนเกินไป” หลินตงเย่วก็ยังคงไม่ค่อยเชื่อมั่นในลูกสาวคนเล็กคนนี้เท่าไรนัก
อีกด้านหนึ่ง หลินโร่หลันมองดูน้องสาวของตัวเอง สายตาแสดงออกถึงความหวังที่รอคอย
“โร่สุ่ย ฉันอยากรู้จริงๆเลย คุณหลินผู้ลึกลับคนนั้น สามารถสร้างผลประโยชน์ให้แกได้มากขนาดไหนกัน”
หลินโร่สุ่ยเดินมาถึงตรงหน้าผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง แล้วยื่นแฟ้มข้อมูลเอกสารไปให้
“เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ฉันเอาไปเปิดบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์หนึ่งแห่ง อึม ตอนนี้มูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ประมาณราวหนึ่งร้อยล้าน”
คำพูดของหลินโร่สุ่ย ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงทันที!
“หนึ่งร้อยล้าน โอ้สวรรค์ นี่กำไรถึงสิบเท่าตัวเลยนะ!”
“บริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ของหลินโร่สุ่ยเพิ่งจะเปิดได้ไม่ถึงปี ต่อให้มีชายลึกลับคนนั้นคอยช่วยเหลือ ก็ไม่น่าจะได้กำไรเพิ่มสูงขึ้นขนาดนี้ได้เลย!”
“ไม่แน่ใจ รอผลการตรวจสอบออกมาก่อน! อาจไม่แน่จะเป็นการรายงานเท็จก็ได้?”
สีหน้าหลินตงเย่วก็ตกตะลึงเช่นกัน “หนึ่งร้อยล้าน นี่ผลงานยังดีกว่าของโร่หลันเมื่อปีที่แล้วอีกเลย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นโร่หลันเพิ่มขึ้นเพียงแค่เก้าเท่าตัวเท่านั้นเอง”
สวี่เหม่ยเย้นพูดว่า “อาจไม่แน่เป็นแค่รายงานเท็จก็ได้มั้ง? นี่ยังไม่ถึงปีนึงเลย ต่อให้มีคนคอยช่วยเหลือ ก็ไม่มีทางที่จะเพิ่มขึ้นได้มากขนาดนี้หรอก!”
หลินโร่หลันสีหน้าบึ้งตึง มองดูหลินโร่สุ่ย ในใจรู้สึกตกตะลึง “หนึ่งร้อยล้าน นี่เป็นไปได้ยังไงกัน!”
หลินเห้าก็ตกใจเล็กน้อย “คิดไม่ถึงจริงๆเลย หลินโร่สุ่ยถึงกับเก่งกาจขนาดนี้เชียว! ผู้ลึกลับคนนั้นเป็นใครกันแน่? เบื้องหลังเป็นยังไง? ยังไม่ทันได้ออกหน้าเลย ก็สามารถทำให้บริษัทของหลินโร่สุ่ยได้กำไรถึงสิบเท่าในระยะเวลาสั้นขนาดนี้!”
“ยังดีที่ฉันเตรียมตัวมาก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้นละก็คนที่ได้ที่หนึ่งในการประเมินผลงานของตระกูลครั้งนี้ อาจไม่แน่ถูกหลินโร่สุ่ยแย่งชิงไปก็ได้”
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองก็พยักหน้า “ตรวจสอบแล้วถูกต้อง!”
“มูลค่าทรัพย์สินในตลาดประมาณหนึ่งร้อยสิบล้าน เพิ่มขึ้น 11เท่า”
ผู้คนต่างตกตะลึงทันที
“ยินดีด้วยนะตงเย่ว ผลงานของลูกสาวคนเล็กของนาย ยังดีกว่าของโร่หลันปีที่แล้วเสียอีก ลูกสาวนายมีอนาคตสดใสทั้งสองคนเลย!” หลินหมิงหว่างที่เป็นเชื้อสายตระกูลทางท่านหลินสี่ พูดด้วยสีหน้าชื่นชม
“นั่นน่ะสิ ตงเยว่วาสนาดีจริงๆ อบรมเลี้ยงดูลูกสาวได้ดีทั้งสองคนเลย!”
หานเจียวเจียวก็พูดด้วยสีหน้าชื่นชมว่า “พี่สะใภ้เหม่ยเย้น ยินดีด้วยนะ โร่สุ่ยเด็กคนนี้ถึงกับเก่งกาจได้ขนาดนี้ อาจไม่แน่การประเมินผลงานคราวนี้คนที่ได้ที่หนึ่ง จะเป็นเธอก็ได้นะ!”
ในใจของสวี่เหม่ยเย้นรู้สึกภูมิใจ แต่สีหน้าที่แสดงออกค่อนข้างถ่อมตัว “ที่ไหนกัน ยังมีคนอีกตั้งมากขนาดนั้น? อีกทั้งหลินเห้าเด็กคนนั้นก็ฉลาดหลักแหลมมาตั้งแต่เด็กแล้ว ได้ข่าวว่าเปิดบริษัทใหญ่โต ธุรกิจการค้าก็รุ่งเรืองดีมาก โร่สุ่ยจะไปสู้เขาได้อย่างไรกันล่ะ!”
ท่านห้าในจำนวนท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้านั้น ก็พูดกับหลินซื่อเฉิงว่า “ยินดีด้วยนะพี่รอง เชื้อสายตระกูลทางนี้ของพี่มีแต่คนเก่งทั้งนั้นเลย อัจฉริยะสามอันดับแรกของตระกูลหลิน ถูกตระกูลสายทางพี่เหมารวบไปหมดแล้ว”
หลินโล่เฉินเป็นลูกชายของลูกชายคนโตของหลินซื่อเฉิง ส่วนหลินโร่หลันและหลินโร่สุ่ยเป็นลูกของลูกชายคนที่สามของหลินซื่อเฉิง
ในสายเลือดตระกูลทางหลินซื่อเฉิงสายนี้ ถึงแม้รุ่นลูกจะไม่โดดเด่นอะไรเลยก็ตาม แต่ว่าลูกหลานรุ่นที่สามก็ยังนับว่าได้ดิบได้ดีกันทั้งนั้น
หลินซื่อเฉิงพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “น้องห้าชมเกินไปแล้ว หลานของคุณหลินเห้านั้นยังไม่ได้ประเมินผลงานเลย? ฉันได้ข่าวว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ!”