จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 709 หลินหยุนก็คือปรมาจารย์หลิน
หลังจากอีหยุ่นพูดจบ เสิ่นเหยียนและคนอื่นๆก็ต่างพยักหน้า ดูเหมือนจะยืนยันคำพูดของอีหยุ่น
หลินตงเย่วตกตะลึงสุดๆ!
ยืนอยู่ที่เดิม ดูหมดอาลัยตายอยาก
คนอื่นๆในตระกูลหลินที่เหลือ ไม่ต่างอะไรจากหลินตงเย่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสยดสยอง ราวกับว่าได้เห็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในโลก
หลินเหลยกับหลินเห้าและทายาทสามชั่วอายุคนของตระกูลหลิน มีการแสดงออกที่เว่อร์เกิน อ้าปากกว้าง เป็นเวลานานยังไม่ยอมหุบ
“ทำไม? ทำไมพวกคุณถึงยอมจำนนต่อไอ้หนุ่มหลินหยุน? เขาให้ประโยชน์อะไรกับพวกคุณ?” หลินเหลยตีโพยตีพายเล็กน้อย และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้จริงๆ
มันเหมือนเพื่อนที่เดิมทีเคยลำบากมาด้วยกันเป็นเวลาสามปี มีอยู่หนึ่งจู่ๆก็มาบอกคุณว่า เขาได้แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีชาวจีนที่ร่ำรวยที่สุด
ในเวลานี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร?
อีหยุ่นเหลือบมองหลินเหลย และพบว่าเป็นเพียงรุ่นน้องในตระกูลหลินคนหนึ่ง ชั่วขณะก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปสนใจ
เพียงแต่ว่า หลินตงเย่วสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นก็ถาม “คุณอี ฉันก็อยากรู้ ไอ้หนุ่มคนนั้นมีคุณสมบัติอะไร สามารถทำให้คนใหญ่คนดังมากมาย ยอมจำนนต่อเขา!”
หลินตงถิงและคนอื่นๆ ก็มองอีหยุ่นอย่างใกล้ชิด
ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลิน ก็มองไปที่อีหยุ่นเช่นกัน
ในห้องโถง เกือบทุกคน ต่างตั้งตารอคำตอบของอีหยุ่น
ทุกคนสงสัยมากว่า หลินหยุนมีสิทธิ์อะไร ทำให้ผู้มีอิทธิพลมากมายเหล่านี้ยอมจำนน
อีหยุ่นมองไปที่หลินหยุน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากหลินหยุน เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของหลินหยุน
หลินหยุนพยักหน้าให้เขา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฐานะตัวตนของตัวเองไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป
ตระกูลนิ่งนั้น บางทีอาจค้นพบตัวตนของเขาแล้ว ดังนั้นนิ่งเฟิ่งเซียนจึงใช้เหตุผลของการมาขอโทษ เพื่อมาพูดเรื่องการสู่ขอ
มิเช่นนั้น หญิงงามอันดับ1ในเมืองหลวง จะแต่งงานกับหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ธรรมดาเช่นนี้ได้อย่างไร?”
อีหยุ่นได้รับการอนุมัติจากหลินหยุน ชั่วขณะก็โล่งใจทันที เขากลัวจริงๆว่าหลินหยุนจะไม่ยอมเปิดเผยตัวตนของเขา ถ้านั้นเขาก็ไม่รู้จริงๆว่าจะเผชิญหน้ากับทุกคนในตระกูลหลินอย่างไร
“จริงๆแล้วหลินหยุนก็คือปรมาจารย์หลินแห่งหลิงหนาน!”
น้ำเสียงของอีหยุ่นเรียบเฉย เพียงแต่ว่า ในห้องโถงที่เงียบสงบ ก็แว่วเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน
“ปรมาจารย์หลินแห่งหลิงหนาน? ใครกัน?”
สมาชิกในตระกูลหลินหลายคน มีข้อสงสัย พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อเกี่ยวกับปรมาจารย์หลิน
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลิน และหลินตงถิงผู้กุมอำนาจอย่างแท้จริง และบุคคลที่มีตำแหน่งสูงมากกว่า สีหน้าเปลี่ยนไป
“เป็นไปได้ยังไง!”
“เขาคือปรมาจารย์หลิน!”
สายตาที่หลินตงเย่วมองหลินหยุน ตกใจสุดๆ
ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลิน สายตาที่มองหลินหยุน แฝงด้วยความหวาดกลัว
สมาชิกคนอื่นในตระกูลหลินที่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของปรมาจารย์หลิน ได้แต่ถามผู้คนอื่น
“ปรมาจารย์หลินคือใคร? เก่งกาจมากเลยเหรอ? ตอนนี้นักต้มตุ๋นหลายคนชอบปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ หลินหยุนกำลังหลอกลวงผู้มีอิทธิพลเหล่านี้หรือเปล่า?”
“หืม คุณคิดว่าคนอย่างคุณอีแห่งเจียงหนาน จะถูกหลอกได้ง่ายๆเหรอ?”
“ปรมาจารย์หลิน นั่นคือปรมาจารย์บู๊ที่เก่งกาจมาก!”
“อะไรนะ! ปรมาจารย์บู๊! ในโลกนี้ยังมีนักบู๊ยอดฝีมือดำรงอยู่จริงๆ!”
“ที่แท้ข่าวลือในตำนานเป็นความจริง!”
คนหนุ่มสาวจำนวนมากในตระกูลหลิน ได้ยินชื่อปรมาจารย์บู๊ รู้สึกตื่นเต้น แววตาที่มองหลินหยุน เต็มไปด้วยความชื่นชมและนับถือ
“ที่แท้หลินหยุนก็เป็นปรมาจารย์บู๊! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาแสดงท่าทางดูถูกทุกคนมาตลอด”
“เดิมทีคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งผยอง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า นี่คือทัศนคติที่ปรมาจารย์บู๊ท่านหนึ่งควรจะมี!”
“เหมือนคนๆหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญกับมดกลุ่มหนึ่ง จะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้อย่างไร?”
หลินซื่อเฉิงโบกมือให้ชายชราที่อยู่ในที่ลับๆอย่างเงียบๆ และชายชราคนนั้นก็รีบมาหาด้วยความเร็ว ชั่วขณะก็มาถึงข้างกายหลินซื่อเฉิงทันที
หลินซื่อเฉิงถามด้วยเสียงต่ำ “คุณลู คุณคิดว่าความแข็งแกร่งของหลานชายของฉันเป็นยังไง?”
คุณลูส่ายหัว “ดูไม่ออก เพียงแต่ว่า ชายชราในชุดคลุมยาวสีฟ้าที่อยู่หน้าประตูคงเป็นปรมาจารย์บู๊ท่านหนึ่ง!”
คนที่คุณลูกำลังพูดถึงคือซูจื่อเหลียง
หลินซื่อเฉิงรู้สึกประหลาดใจ “นั่นเป็นแค่ลูกน้องหลานชายฉัน!”
คุณลูพูดด้วยความเคารพ “นายท่านหลิน ยินดีด้วย ตระกูลหลินมีผู้เก่งกาจแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ……” หลินซื่อเฉิงเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะ
เอาปรมาจารย์บู๊ท่านหนึ่งมาเป็นลูกน้อง ความแข็งแกร่งของหลินหยุนยังมีอะไรต้องพูดอีกหรือ?”
ทุกคนงุนงงกับเสียงหัวเราะกะทันหันของนายท่านหลินซื่อเฉิง สายตาของทุกคนก็หันไปทางหลินซื่อเฉิง
“ทำไมจู่ๆ พ่อถึงหัวเราะเสียงดังล่ะ?” หลินตงถิงที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดถาม
หลินซื่อเฉิงอมยิ้มและมองไปที่หลินหยุน พูดเสียงดัง “คิดไม่ถึงว่าในชีวิตของฉันที่ยังเหลืออยู่ จะได้เห็นเด็กอัจฉริยะจากตระกูลหลิน!”
“ดี ดี ดีมาก ตงหัว ซูเฟิน พวกเธอมีลูกชายที่ดี!”
หลินเห้าที่อยู่ในฝูงชน ตกใจมาก!
ในตอนนั้นหลินโล่เฉินเป็นตัวเด่นในการประเมินของตระกูลหลิน ก็ไม่เคยเห็นนายท่านยกย่องมากขนาดนี้!
ตอนนี้ ได้พูดเด็กอัจฉริยะออกมา จะเห็นได้ว่า นายท่านหลินให้ความสำคัญต่อหลินหยุนแค่ไหน!
หวางซูเฟินดูเหมือนตกใจจนยังตั้งสติไม่ได้ และยังคงพึมพำกับตัวเอง “ ปรมาจารย์บู๊……ปรมาจารย์บู๊! ลูกของฉัน ที่แท้ก็เป็นปรมาจารย์บู๊……”
ในฐานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวาง หวางซูเฟินมีโอกาสได้สัมผัสกับโลกบู๊ โดยรู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่าปรมาจารย์บู๊
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปรมาจารย์บู๊ที่มีอายุเพียงยี่สิบต้นๆ หวางซูเฟินรู้ดีกว่าคนอื่นๆว่าหลินหยุนมีศักยภาพเพียงใด
หวางซูเฟินร้องไห้ด้วยความดีใจ “สวรรค์ปฏิบัติต่อฉันไม่เลว ทำให้ในชีวิตของฉันที่ยังเหลืออยู่ ยังมองเห็นความหวังที่จะเอาชนะตระกูลหวางได้!”
แม้ว่าหลินตงหัวจะไม่รู้ความหมายของปรมาจารย์บู๊ แต่ว่า จากสถานการณ์ที่ตั้งสติไม่ทันของนายท่านหลินซื่อเฉิง ก็สามารถตระหนักได้ว่าปรมาจารย์บู๊นั้นมีความสำคัญแค่ไหน
“คิดไม่ถึง ลูกของฉัน ทำไมถึงสุดยอดขนาดนี้! สวรรค์ ในที่สุดสวรรค์ก็มีตา”
หลินตงหัวพอใจมาก หลังจากทนทุกข์ลำบากมาหลายสิบปี ถูกคนดูหมิ่นมาตลอด ตระกูลหวางก็เป็นเหมือนภูเขาขนาดใหญ่ที่กดทับบนหัวของเขาตลอดเวลา
ในขณะที่ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก สวรรค์ได้คืนลูกชายที่หายสาบสูญไปนานกลับมาอยู่ข้างกายเขา และยังให้ความหวังที่จะคว่ำภูเขาที่อยู่เหนือหัวของเขาอีกด้วย
หลินโล่เฉินกับหลินโร่หลัน โชคดีที่เคยได้ยินข่าวลือของโลกบู๊ และรู้ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์บู๊
ในเวลานี้ สายตาของทั้งสองมองไปที่หลินหยุน และไม่มีร่องรอยของการดูหมิ่นใดๆเลย มีแต่ความเกรงกลัวและนับถืออย่างสุดซึ้ง
“เขา เป็นปรมาจารย์บู๊ท่านหนึ่ง! เป็นไปได้ยังไง?”
แม้ว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏต่อหน้าพวกเขา พวกเขาทั้งสองก็ยังไม่กล้าเชื่อ
หลินโล่เฉินสีหน้าดูหดหู่ “หลินหยุน ที่แท้นี่คือไพ่ใบสุดท้ายที่สุดยอดที่สุดของนาย! ปรมาจารย์บู๊ เป็นไพ่ที่สุดยอดมาก! บางที ทั้งชีวิตของฉัน อาจไม่สามารถเอาชนะเขาได้!”
ถึงแม้ว่าหลินหยุนอยู่ในการแข่งขันการประเมินของตระกูล ได้ทำลายสถิติของหลินโล่เฉินที่เคยทำไว้ แต่ว่า หลินโล่เฉินก็ไม่พอใจ ในชีวิตต่อไปของหลินหยุน จะแข่งขันกับหลินหยุนอีก
แต่ตอนนี้ หลินโล่เฉินค้นพบว่า หลินหยุนกับเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกเดียวกัน
มันไม่ง่ายกว่าที่เขาจะปีนขึ้นไปถึงบนยอดเขา ก็ค้นพบว่า ที่แท้จุดเริ่มต้นของหลินหยุนนั้น อยู่บนท้องฟ้า
หลินโร่หลันตอนนี้รู้สึกเสียใจมาก “หากว่า ในตอนนั้น ฉันสามารถปฏิบัติต่อเขาให้ดีกว่านี้หน่อย ตอนนี้ ฉันอาจเป็นเหมือนที่น้องสาวเป็น ได้ใกล้ชิดกับเขา!”
“ที่แท้ น้องสาวไม่ได้โง่ เธอเป็นคนที่สายตาแหลมคมที่สุด!”
หลินโร่หลันมอง หลินโร่สุ่ยที่มีแต่ความสุข แต่ตัวเองมีรอยยิ้มอันขมขื่น
“บางที โร่สุ่ยพูดถูก ฉันไม่ควรใช้ทฤษฎีของฉันไปคบเพื่อน ไม่เช่นนั้น ฉันอาจไปรุกรานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของฉันได้!