จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 710 หัวหน้าบอส
นายท่านหลินซื่อเฉิน ลงมือเอง ทักทายอีหยุ่นและคนอื่นๆ
“คุณอี ท่านเสิ่น และทุกท่าน เชิญนั่ง!”
อีหยุ่นเอามือประสานกันโค้งคำนับและพูดว่า “นายท่านหลินไม่ต้องขนาดนี้ พวกเราอวยพรปีใหม่เสร็จก็จะกลับแล้ว!”
“เฮ้อ เป็นไปได้ยังไง! ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ทานข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยไป!” นายท่านหลินก้าวไปข้างหน้า และดึงอีหยุ่นไปที่นั่งของเขา
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนยังคงนั่งนิ่ง นายท่านหลินก็จ้องเขม็งไปที่เขา “เจ้าหนุ่มยังไม่รีบทักทายแขก! ไม่มีมารยาทเลย”
ในสายตาของหลินซื่อเฉิน นับประสาอะไรกับที่เป็นปรมาจารย์บู๊ แม้ว่าเขาจะเป็นมนุษย์ต่างดาว เขาก็ยังเป็นหลานชายของเขา
หลินหยุนยังคงกังวลว่าตัวตนของตัวเองจะถูกเปิดเผย จะทำให้คุณปู่และพ่อแม่ของทำตัวห่างเหิน ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความกังวลของเขาเป็นส่วนเกิน
“มาแล้วครับ” หลินหยุนเกาหัว ยิ้ม แล้วยืนขึ้น และพูดกับอีหยุ่นและคนอื่นๆ “ทุกท่าน เชิญนั่ง!”
“ตกลง!”
อีหยุ่นและคนอื่นๆ โค้งคำนับแทนคำตอบ
อีหลิงหมดความอดทนที่จะรอมานานแล้ว และในที่สุดก็มีโอกาส รีบไปจากอีหยุ่นอย่างรวดเร็ว วิ่งไปหาหลินหยุน ใบหน้าที่สวยงามเงยขึ้นเล็กน้อย และพูดด้วยการเยาะเย้ย “ปรมาจารย์หลินคราวนี้ตัวตนของนายไม่ต้องปกปิดแล้ว!”
หลินหยุนอมยิ้ม และเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของอีหลิง “เธอก็รู้มานานมาแล้วนี่?”
ท่าทางที่สนิทสนมของอีหลิงกับหลินหยุน และดึงแขนของหลินหยุนอย่างขี้อ้อน และเขย่าตลอด และพูดว่า “ปรมาจารย์หลิน ครั้งนี้ตั้งไกลกว่าฉันจะมาถึงบ้านของนาย นายควรพาฉันไปเดินเล่นได้ไหม?”
หลินหยุนพูดอย่างจริงจัง “คุณหนูอีสั่ง ใครจะไปกล้าขัดขืน!”
เมื่อเห็นคนสองคนราวกับกิ่งทองใบหยก หัวเราะและหยอกล้อกัน คนหนุ่มสาวของตระกูลหลิน ก็แสดงสายตาอิจฉาริษยาอย่างมาก
โดยเฉพาะหลินเห้า เดิมทีเขาภูมิใจที่มีเย่จื่อเชี่ยนมาโดยตลอด ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวอุปสรรค ต่อหน้าคุณหนูอีแห่งเจียงหนาน เย่จื่อเชี่ยนกลายเป็นตัวสำรองไปเลย
สีหน้าโล่เสว่ฉีเย็นชา เดินไปที่ด้านข้างของหลินหยุน โค้งคำนับและพูดว่า “เจ้านาย ตระกูลโล่ทุกอย่างเป็นปกติ มารายงานให้ท่านโดยเฉพาะ!”
หลินหยุนรู้สึกเบื่อหน่าย เขาไม่ได้ขอให้ตระกูลโล่ยอมจำนนต่อเขา แต่ว่า โล่เสว่ฉีต้องการให้เขาเป็นเจ้านาย
“คุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้”
โล่เสว่ฉีพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “คุณเป็นคนช่วยชีวิตฉัน ตระกูลโล่ก็เป็นของคุณ ให้คุณเป็นเจ้านายนั้นถูกต้องแล้ว”
“โอเค ฉันรู้แล้ว” หลินหยุนพูดเบาๆ ไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับโล่เสว่ฉีมาเป็นเวลานาน แต่เขารู้นิสัยใจคอของโล่เสว่ฉี รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นมาก เมื่อตัดสินใจเรื่องอะไรไปแล้ว ก็คงเป็นเรื่องยากที่บุคคลภายนอกจะมาเปลี่ยนแปลง
สำหรับทายาทสามชั่วอายุคนของตระกูลหลินที่อยู่ถัดจากพวกเขา สายตาของพวกเขาจ้องมองอย่างไม่กระพริบ
“นี่ เจ้าบ้านผู้งดงามของตระกูลโล่ ถึงกับเรียกหลินหยุนว่าเจ้านาย!”
“โอ้พระเจ้า หลินหยุนนั้นร้ายกาจจริงๆ!”
“แต่เดิมก็มีเฉินต๋าจี่แล้ว ตอนนี้มีโล่เสว่ฉีเพิ่มอีกคน โอ้พระเจ้า! นี่เป็นพรอันประเสริฐจริงๆ!”
คนหนุ่มสาวทั้งหมด สายตาที่มองหลินหยุน เต็มไปด้วยความอิจฉา
เมื่อมองไปที่สองสาวงามอย่างโล่เสว่ฉีกับเฉินต๋าจี่ที่มีนิสัยแตกต่างกัน ความเร่าร้อนในดวงตา ทำให้อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้น
ในเวลานี้ คนหนุ่มสาวสองสามคนจากตระกูลหลินที่ถูกหลินเห้ารังแก ก็เย้ยหยันอย่างเย็นชา หึหึ เมื่อกี้นี้หลินเห้ายังจะใช้เย่จื่อเชี่ยนมาปราบหลินหยุน ตลกมากจริงๆ!”
“สำหรับหลินหยุนนั้น บางทีอาจจะไม่ถูกชะตากับเย่จื่อเชี่ยนเลย!”
“หึหึ พี่ชาย คุณพูดถูกแล้ว ความสวยของเย่จื่อเชี่ยนอยู่ในเจียงหนานอยู่ในอันดับที่สิบ คุณหนูอีหลิงอยู่ในอันดับแรก คุณหนูโล่เสว่ฉีเมื่อเทียบกับอีหลิงนั้นก็เท่าๆกัน อีกอย่าง สถานะทางบ้านนั้น เหนือกว่าตระกูลเย่
“หลินหยุนจะถูกชะตากับเย่จื่อเชี่ยนได้ไง?”
ใบหน้าของหลินเห้าเคร่งขรึม และเปล่งเสียงต่ำ “หุบปากซะ!”
“ฉันทำอะไรหลินหยุนไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะจัดการพวกแกไม่ได้?”
จู่ๆคนหนุ่มสาวหลายคนก็หุบปากด้วยความตกใจ พวกเขาลืมไปว่า พวกเขาไม่มีสิทธิ์ยั่วยุหลินเห้าได้เลย
ในเวลานี้ สมาชิกในตระกูลหลินบางส่วน เริ่มไม่มีหลักเกณฑ์เป็นของตัวเอง
“พี่ชายตงหัว ยินดีด้วย คุณให้กำเนิดลูกชายที่ดี!” มีคนๆหนึ่งซึ่งเป็นทายาทสองชั่วอายุคนสายเลือดเดียวกับท่านหลินห้า ได้พูดเอาใจ
“ชมเกินไปแล้ว!” หลินตงหัวตอบอย่างสุภาพ
“พี่ตงหัว ยินดีด้วย!”
“น้องตงหัว ยินดีด้วย!”
มีคนเริ่มต้น ชั่วขณะนั้น สมาชิกในตระกูลหลินจำนวนมากก็มาแสดงความยินดี
ตอนนี้ ไม่มีใครสงสัยในตัวตนของควีนจิน เจี่ยงสงและคนอื่นๆ
ต่อหน้าบรรดาผู้ที่มาแสดงความยินดี หลินตงหัวก็แสดงมารยาทอย่างสุภาพ ต่อทุกคน แต่ว่า หวางซูเฟินจะเป็นคนตรงไปตรงมามากกว่า และไม่ไว้หน้าคนเหล่านี้
ดังสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่าเมื่อเจอวิกฤตถึงจะมองเห็นคนที่จริงใจ คนเหล่านี้ตอนที่ครอบครัวตัวเองเจอวิกฤต ต่างพากันอยู่ห่างๆ
ตอนนี้ เห็นหลินหยุนแข็งแกร่งแล้ว พวกเขาก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อครอบครัว
คนที่ไม่มีหลักเกณฑ์ของตัวเองเช่นนี้ หวางซูเฟินรังเกียจคนแบบนี้มาก
เมื่อเห็นตระกูลหลินทั้งหมด คนส่วนใหญ่แสดงความโปรดปรานต่อหลินตงหัว หานเจียวเจียวกับหลินตงหัวก็กังวลใจ
หานเจียวเจียวมาถึงตรงหน้าหลินตงหัว แสดงท่าทางที่น่าสงสาร “พี่ตงหัว ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจผิด ทำให้ขุ่นเคืองใจ ขอให้เห็นแก่ที่เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ยกโทษให้พวกเราด้วย!
แม้ว่าหลินตงหัวจะอยากตำหนิหานเจียวเจียว แต่ว่า หลินตงหัวต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม ไม่อยากใส่ใจหานเจียวเจียว
“เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว เรื่องก่อนหน้านี้มันผ่านไปแล้ว น้องสะใภ้ไม่ต้องใส่ใจ ต่อจากนี้ไปก็เข้าใจกันและสามัคคีกันก็พอ”
หานเจียวเจียวดีใจมาก “ขอบคุณพี่ตงหัว!”
สวี่เหม่ยเย้นเห็นหลินตงหัวอภัยให้หานเจียวเจียวแล้ว ชั่วขณะก็ใช้มือบีบเอวของหลินตงเย่ว
หลินตงเย่วทำย่นปากด้วยความเจ็บปวด แต่อดทนไว้
เขม็งตาใส่สวี่เหม่ยเย้น หลินตงเย่วเดินไปหาหลินตงหัวอย่างเขินอายเล็กน้อย และพูดด้วยท่าทางลำบากใจ “พี่รอง ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจผิด ทำให้โกรธเคือง หวังว่าคุณจะไม่ถือสา!”
หลินตงหัวตบไหล่หลินตงเย่ว และพูดด้วยรอยยิ้ม เป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องในอดีต”
“ขอบคุณพี่รอง!” หลินตงเย่วปากบอกว่าขอบคุณ แต่ดวงตาของเขาฉายแววดูถูกเหยียดหยาม “หือ พูดง่ายขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ถูกคนอื่นดูถูกมาตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้หนุ่มหลินหยุนคนนั้นมีพลังอำนาจขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลินตงหัวอย่างนายจะถูกลิขิตให้ฉันเหยียบย่ำไปตลอดชีวิต!”
หลินตงถิงเหลือบมองหลินตงหัว สายตาแฝงด้วยความอิจฉาริษยา
จากนั้น หลินตงถิงตบไหล่หลินโล่เฉินที่อยู่ข้างๆ และพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณแพ้เขา ไม่ใช่ความผิด แต่แพ้เพราะเวลาและสถานที่ไม่เหมาะสม อย่าท้อแท้ ในโลกของมนุษย์ธรรมดา เธอยังคงเป็นคนที่ตระกูลหลินภาคภูมิใจ!”
คำพูดหนึ่งของหลินตงหัว ได้ดึงหลินโล่เฉินกลับมาจากความสิ้นหวัง
เดิมทีความรู้สึกที่มีต่อหลินหยุนคือไม่สามารถเอาชนะได้ ซึ่งทำให้เกิดความมืดมนในจิตใจของเขา ถ้าเขาไม่สามารถออกมาจากความมืดนั้นได้ หลินโล่เฉินจะต้องอยู่ในเงามืดของหลินหยุนไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม คำพูดของหลินตงถิง ได้ปลดปล่อยปมในใจของหลินโล่เฉิน
หลินโล่เฉินมองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง และดวงตาจุดประกายจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อีกครั้ง “หลินหยุน นายเป็นปรมาจารย์บู๊ ฉันแพ้ให้กับนาย ไม่ใช่เพราะนายแข็งแกร่งกว่าฉัน แต่เพราะจุดเริ่มต้นของนายสูงกว่าฉันมาก……”
“แม้ว่าในด้านบู๊และความมั่งคั่งฉันจะสู้นายไม่ได้ แต่ว่า แต่ว่าฉันสามารถพัฒนาในทิศทางการเมือง แล้วแซงหน้านายได้ ในโลกนี้ ก็คือโลกแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แม้ว่านายจะเป็นปรมาจารย์บู๊ ก็ขวางลูกกระสุนปืนใหญ่ไม่ได้!”
ในเวลานี้ จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นนอกประตู “เซียนเซิงจูมาถึงแล้ว!”เซียนเซิงจู!
ในอูซู มีเพียงคนเดียวที่กล้าเรียกว่าเซียนเซิงจู ก็คือเจ้าหน้าที่รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอูซู
แน่นอน เซียนเซิงจูท่านนี้ ก็เป็นเจ้านายของหลินตงถิง ในวงการการเมืองของจีน ซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญ