จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 712 หงซานเหอมาถึง
เซียนเซิงจู พาผู้ติดตามสองคน เดินไปที่หลินหยุน
หลินตงถิงกับหลินตงเย่ว เดินตามอยู่ด้านหลังของเขา ด้วยท่าทางที่นอบน้อม
“นายก็คือปรมาจารย์หลินเหรอ? ” เซียนเซิงจูเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเหยียดหยาม
หลินหยุนไม่ได้สนใจ ยังคงดื่มชาอยู่อย่างเงียบ ๆ
ด้านหลังของเซียนเซิงจู ผู้หญิงที่สวมแว่นตาขอบทองคนนั้น ตวาดขึ้นอย่างเย็นชา: “ไอ้หนุ่มน้อย เซียนเซิงจูกำลังถามนายอยู่ นายไม่ได้ยินหรือยังไง? ”
หลินหยุนยังคงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ดื่มชาอยู่อย่างสบายใจ
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองที่นายท่านหลินซื่อเฉิง และพูดถามขึ้นด้วยท่าทีประณามหยามเหยียด: “นายท่านหลิน คนรุ่นหลังของพวกท่านตระกูลหลิน ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนเลยหรือยังไง คิดไม่ถึงว่าจะไร้มารยาทต่อเซียนเซิงจูขนาดนี้! ”
เมื่อพูดจบ ทุกคนก็พลันรู้สึกหนาวขึ้นจนตัวสั่น จู่ ๆ ก็มีลมหายใจที่เย็นยะเยือกพุ่งออกมาโดยไม่รู้ว่ามาจากแห่งใด
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนหัวหด แล้วสังเกตไปโดยรอบอย่างระมัดระวัง พบว่าไม่มีอันตรายอะไร จึงเบาใจลงได้บ้าง โดยท่าทางที่กำเริบเสิบสานเมื่อครู่นั้นก็ได้หดหายไปแล้ว
หลินตงถิงมองไปยังหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “หลินหยุน ท่านผู้นี้คือเซียนเซิงจูห้ามเสียมารยาท! ”
“เซียนเซิงจูถามอะไรกับนาย นายก็ต้องตอบตามความจริงไป! ”
“ตกลง” หลินหยุนตอบรับ
เซียนเซิงจูสีหน้าท่าทางหยิ่งยโส โดยสายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้น ยิ่งดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น
“ไอ้หนุ่มน้อย ในเมื่อนายได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ งั้นก็คงจะต้องมีความรู้ที่ลึกซึ้งและกว้างขวาง”
“งั้นฉันขอถามนายว่า นายรู้เรื่องการเมืองไหม? ”
หลินหยุนพูดว่า: “ไม่รู้”
“เศรษฐกิจล่ะ? ”
“ไม่รู้”
“กฎหมายล่ะ? ”
“ไม่รู้”
เซียนเซิงจูยิ้มเยาะเหยียดหยาม: “แล้วนายรู้เรื่องอะไรบ้าง? ”
หลินหยุนแววตาลึกซึ้ง: “ฉันรู้ในเรื่องการแสวงหาต้นกำเนิดของจักรวาล ความลี้ลับของชีวิต”
เซียนเซิงจูส่ายศีรษะ โดยที่ไม่มองหลินหยุนอีก แล้วก็หันหลังเดินกลับไปยังที่นั่ง
“ปรมาจารย์อะไรกัน? ก็แค่พวกสิบแปดมงกุฎ”
หลินตงเย่วมองไปที่หลินหยุน พร้อมกับยิ้มเยาะไม่หยุด
ในที่สุดก็มีผู้ที่สามารถกดดันโจมตีหลินหยุนได้แล้ว
แม้ว่าหลินตงถิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ว่า ในใจก็อดไม่ได้ที่จะกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่บ้าง
เดิมทีที่ยกย่องกันว่าปรมาจารย์หลิน ก็เป็นแค่ผู้มีพละกำลังเท่านั้น
ตอนที่หลินตงถิงเดินผ่านด้านข้างของหลินโล่เฉิน ก็ได้กระซิบขึ้นว่า: “เมื่อครู่เห็นชัดแล้วใช่ไหม? การเมือง เศรษฐกิจ กฎหมาย เขาไม่รู้อะไรสักเรื่องเลย ดังนั้นที่ยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์นักบู๊ ก็เพียงแค่เป็นผู้มีพละกำลังเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเหนือกว่าเขาได้”
หลินโล่เฉินมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น: “คุณพ่อ ฉันเข้าใจแล้วว่าควรจะทำอย่างไร! ”
“อืม” หลินตงถิงพยักหน้า แล้วเดินตามอยู่ด้านหลังของเซียนเซิงจู กลับไปยังที่นั่ง
ซูเหลียงจื่อที่อยู่หน้าประตู มีสีหน้าย่ำแย่ แวบเดียว ก็มาอยู่ด้านหลังของหลินหยุน
“ท่านอาจารย์ ข้าจะไปสั่งสอนเขาแทนท่านเอง! ”
หลินหยุนส่ายศีรษะ: “ที่นี่คือตระกูลหลิน อย่าได้ก่อเรื่อง! ”
เวลานี้ ด้านนอกประตูก็มีเสียงเรียกขานชื่อขึ้น: “หงซานเหอมาถึงแล้ว! ”
“หงซานเหอ? ไม่เคยได้ยินเลย! ท่านผู้นี้คือใครอีกล่ะ? ”
คนของตระกูลหลิน จ้องมองหน้าซึ่งกันและกัน แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งห้าท่านของตระกูลหลิน ต่างก็มี สีหน้าท่าทางที่สงสัย
ตระกูลหลินดำรงชีพและประกอบกิจการอยู่ในอูซูมานานหลายปี ซึ่งไม่เคยได้ยินชื่อหงซานเหอบุคคลผู้นี้มาก่อน
มีเพียงแค่หลินหยุน ที่ตื่นเต้นเล็กน้อย: “ดูเหมือนว่า มีเรื่องอะไรที่ต้องทำกันอีกแล้ว”
หลินซื่อเฉิงพูดขึ้นว่า: “ผู้ที่มาต่างก็เป็นแขก ตงถิง นายออกไปต้อนรับคุณหงหน่อย! ”
“ตกลงท่านพ่อ! ”
ในครั้งนี้หงซานเหอ สวมใส่ชุดเครื่องแบบทหารอย่างเป็นทางการ
เครื่องแบบทหาร ที่บริเวณหน้าอกแขวนตราเครื่องประดับเกียรติยศต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากที่แม้แต่นายท่านหลินซื่อเฉิงเองก็ยังไม่รู้จักเรียกชื่อไม่ออก
เมื่อทุกคนเห็นยศทหารที่อยู่บนบ่าของหงซานเหอนั้น ก็ตกใจขึ้นในทันที แล้วก็ขยับตัวมายืนตัวตรงรวมกันทั้งหมด
“แม่ทัพใหญ่! ”
หงซานเหอพูดขึ้นว่า: “เจ้าบ้านหลิน ฉันหงซานเหอมาโดยไม่ได้รับคำเชิญ รบกวนด้วยแล้ว! ”
นายท่านหลินซื่อเฉิงพูดขึ้นด้วยความตื่นตกใจ: “จอมพลหงพูดอะไรอย่างนั้น ที่ท่านสามารถมาได้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติให้กับตระกูลหลินของฉันมากเลยทีเดียว! ”
“เชิญนั่งลงก่อน! ”
แม้ว่าหลินซื่อเฉิงจะไม่รู้จักหงซานเหอ แต่ว่า ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เขารู้จักเป็นอย่างดี
นี่เป็นถึงบุคคลระดับผู้ที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดของจีนเพียงไม่กี่คนนั้น!
เซียนเซิงจูที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา: “แซ่หง ตำแหน่งแม่ทัพ? หรือว่า คือ ท่านหง? ”
เมื่อคิดถึงคนผู้นั้น เซียนเซิงจูก็หน้ามืด เกือบจะตกลงมาจากเก้าอี้
“โอ้วพระเจ้า ท่านหงทำไมถึงได้มาที่ตระกูลหลินได้ล่ะ! ท่านเป็นถึงบุคคลผู้ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีจีน แม้แต่ประธานาธิบดีจีนยังต้องเรียกเขาว่าท่านหงเลย! ”
หงซานเหอส่ายมือไปมา พูดขึ้นว่า: “เจ้าบ้านหลิน วันนี้ที่ฉันมาพร้อมกับแต่งตัวเต็มยศอย่างเป็นทางการนี้ เพราะว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับท่านหน่อย”
“ออกมาด้านนอกเพื่อพูดคุยกันได้ไหม? ”
หลินซื่อเฉิงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “เชิญ! ”
ทั้งสองคนก็ได้เดินจากไป
ภายในห้องโถง ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
“นี่เป็นถึงแม่ทัพเลยทีเดียว! สุดยอดจริง ๆ สุดยอดจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าแม่ทัพใหญ่จะมาที่ตระกูลหลินของพวกเราด้วยตนเองเลย! ”
“มาหาหลินหยุนโดยเฉพาะหรือเปล่า? ดูไม่ค่อยจะเหมือนสักเท่าไร! ”
“แม่ทัพใหญ่หงท่านนี้ คงน่าจะยิ่งใหญ่กว่า เซียนเซิงจูมากเลยล่ะสิ? ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เธอไม่เห็นเซียนเซิงจู ที่ตกใจจนหน้าซีดไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? เมื่อครู่ยังแสดงท่าทางที่หยิ่งยโสอยู่เลย ตอนนี้เมื่อเห็นแม่ทัพหง ก็ตกใจจนแทบบ้าไปแล้ว”
ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของลูกหลานตระกูลหลิน ใบหน้าของเซียนเซิงจูก็แสดงท่าทางที่ เหยียดหยามขึ้น: “ช่างเป็นคนรุ่นหลังที่หน้าโง่เสียจริง ถ้าหากให้พวกแกรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของท่านแม่ทัพหงผู้นี้แล้ว เกรงว่าพวกแกคงจะตกใจหวาดกลัวจนปัสสาวะรดกางเกงเลยทีเดียว! ”
“แม่ทัพท่านนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นแม่ทัพธรรมดาทั่วไป! ซึ่งแม้แต่ประธานาธิบดี ก็ยังต้องเรียกบุคคลท่านนี้ว่าท่านหง! ”
หลินเหลยพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง: “พี่เห้า แม่ทัพใหญ่เลยนะ! นี่คือบุคคลผู้ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมที่สุดที่ฉันเคยได้พบเจอมาในชีวิตนี้แล้ว! ”
หลินเห้าเองก็ตกตะลึงมากเช่นกัน แต่ว่ากลับไม่แสดงสีหน้าท่าทีอะไรออกมา: “ไม่ได้เรื่องเสียจริง ถ้าหากว่านายได้พบเจอกับประธานาธิบดีจีน นายคงจะปัสสาวะรดกางเกงตรงนั้นเลยใช่ไหม! ”
หลินโล่เฉินแอบเดินมาที่ด้านข้างของหลินตงถิง กระซิบถามว่า: “คุณพ่อ แม่มทัพหงท่านนี้ มาหาใครโดยเฉพาะเหรอ? ”
“หรือว่า ก็มาหาหลินหยุนเช่นกัน? ”
หลินตงถิงสีหน้าท่าทางจริงจัง: “ไม่รู้ บุคคลผู้นี้มีสถานะทางสังคมที่สูงศักดิ์ จากความสามารถเล็กน้อยนั้นของหลินหยุนแล้ว เกรงว่าคงจะไม่คู่ควรให้เขามาที่นี่เป็นแน่! ”
หลินโล่เฉินตกใจ: “หรือว่ามาหาท่านโดยเฉพาะ? ”
หลินตงถิงส่ายศีรษะ: “ยิ่งเป็นไปไม่ได้ จากตำแหน่งหน้าที่ของฉันแล้ว เมื่อเทียบกับบุคคลระดับนี้แล้วยังคงห่างไกลกันลิบลับ? ต่อให้มีเรื่องอะไร ก็คงจะให้ลูกน้องมาส่งข่าว บุคคลระดับนี้คงจะไม่มีทางที่จะมาหาด้วยตนเองเป็นแน่! ”
หลินตงเย่วสีหน้าท่าทางตกตะลึง และดีอกดีใจอย่างที่สุด ราวกับมดแมลงที่อยู่บนกระทะร้อน โดยที่เดินไปเดินมาไม่หยุด: “แม่ทัพ นี่เป็นถึงแม่ทัพเลย! หนึ่งในบุคคลระดับสูงสุดของจีน คิดไม่ถึงว่าจะมาที่ตระกูลหลินของพวกเราด้วย! ”
“ตระกูลหลินของเรา ถูกผู้ที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดของจีนใส่ใจแล้วใช่ไหม ? จะได้เลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นสูงแล้วใช่ไหม? ”
ผู้อาวุโสทั้งสี่ท่านที่เหลืออยู่นั้น แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าที่ตกตะลึง
“แม่ทัพใหญ่ มาที่ตระกูลหลินด้วยตนเอง ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตกลงเป็นเพราะเหตุใด กันแน่? ”
ทุกคนของตระกูลหลิน เต็มไปด้วยความสงสัย บางคนดีอกดีใจ บางคนมีความคาดหวัง บางคนมีความกังวลใจ
ต่างก็กำลังรอให้คอยหงซานเหอกับหลินซื่อเฉิงทั้งสองคนออกมา
สิบนาทีจากนั้น หงซานเหอกับหลินซื่อเฉิงก็เดินออกมาอีกครั้ง
ขณะนั้น สายตาของทุกคน ต่างก็จับจ้องมาที่ร่างของทั้งสองคน
หลินซื่อเฉิงมีสีหน้าท่าทางจริงจัง และกวาดสายตาไปที่ทุกคนอย่างช้า ๆ สุดท้าย ก็หยุดอยู่ที่ร่างของหลินหยุน
“หลินหยุน นายออกมาข้างหน้าหน่อย! ” หลินซื่อเฉิงพูดขึ้นอย่างจริงจัง
หลินหยุนรู้ดีว่า เมื่อหงซานเหอมา จะต้องมีเรื่องอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ หงซานเหอกลับใช้ประโยชน์จากคุณปู่ของเขา ซึ่งทำให้หลินหยุนโมโหอย่างมาก
แต่ว่า หลินซื่อเฉิงตะโกนเรียก หลินหยุนก็ต้องทำตามคำสั่ง
ครั้นแล้ว ก็เดินไปที่ด้านข้างของหลินซื่อเฉิง ทว่า สายตาที่มองไปยังหงซานเหอนั้น ค่อนข้างเย็นชา
หงซานเหอแอบถอนหายใจ: “ประธานาธิบดีค่อนข้างที่จะเข้าใจในตัวของไอ้หนุ่มนี้ ซึ่งท่าทางตอนนี้ของไอ้หนุ่มนี้ เหมือนกันกับที่ประธานาธิบดีคาดการณ์ไว้ ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย! ”
“ไอ้หนุ่มน้อย นายอย่าได้มาใช้สายตาแบบนี้มองข้า ข้าไม่ได้บีบบังคับให้ปู่ของนายทำอะไรเลย! ” หงซานเหอรีบอธิบายให้กับหลินหยุน
อีกทั้ง การอธิบายนี้ ก็นับว่าเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง
คือสัญญาณที่แสดงว่าหงซานเหอยอมศิโรราบให้กับหลินหยุน
ในความทรงจำของทุกคนแล้ว มีเพียงแค่ผู้ที่อ่อนแอ จึงจะรีบอธิบายให้กับผู้แข็งแกร่งฟัง เกรงว่า ผู้แข็งแกร่งจะเข้าใจผิด
ซึ่งหงซานเหอในวันนี้ ถือว่ากำลังแสดงความอ่อนข้อให้กับหลินหยุนแล้ว