จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 715 สายน้ำไม่อาจหวนคืนได้
เซี่ยหยู่เวยในตอนนี้ มีเสน่ห์น่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
นี่คือผู้หญิงที่มีความงดงามและละเอียดอ่อน
หลายปีมานี้ที่หลินหยุนได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเธอ ในห้องพักเดียวกัน จึงทำให้เข้าใจในตัวเธออย่างลึกซึ้งมากกว่าคนอื่น ๆ
ความละเอียดอ่อนของผู้หญิงบางคน มีเพียงแค่ในช่วงที่จงใจแสดงต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น
ความละเอียดอ่อนของผู้หญิงบางคน มีเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
แต่มีความละเอียดอ่อนของผู้หญิงจำนวนน้อยมาก ที่มาจากภายในออกสู่ภายนอก และรักษาคงสภาพไว้อยู่ตลอดเวลา
เซี่ยหยู่เวยก็คือผู้หญิงลักษณะนี้ ต่อให้ตอนที่เธออยู่ในห้องเพียงคนเดียว เธอก็ยังคงรักษาสภาพหน้าตาที่ตบแต่งอย่างสวยงามเอาไว้ รวมทั้งท่าทางที่สง่า และสภาพจิตใจที่มีชีวิตชีวาอย่างที่สุด
หลินหยุนมองไปที่เธออย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
บางที เซี่ยหยู่เวยอาจจะสามารถปิดบังคนทั่วไปได้ แต่ว่า กลับไม่มีทางที่จะปิดบังสายตาของ หลินหยุนได้
หลินหยุนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึง ความบ้าระห่ำครั้งสุดท้ายนั้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาของเซี่ยหยู่เวย
ไม่ได้รับการตอบรับจากหลินหยุน เซี่ยหยู่เวยเองก็ไม่แปลกใจอะไร เหมือนว่าได้คาดเดาเอาไว้ก่อน ล่วงหน้าแล้ว
“ช่วงที่ผ่านมานี้ คุณไปไหนมา? ทำไมคุณถึงดู ผอมลงไปมากเลยทีเดียว”
ท่าทางของเซี่ยหยู่เวย เหมือนกับภรรยาที่เฝ้ามองดูสามีที่เพิ่งกลับมา รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่บ้าง และยังจะคิดถึงและเจ็บปวดใจ ซึ่งอาการเหล่านั้นแสดงออกมาได้อย่างดีมาก เหมือนกับแสดงออกมาจากภายในจิตใจ
หลินหยุนเพียงแค่มองไปที่เธออย่างเงียบ ๆ โดยที่ยังคงไม่พูดอะไร
เซี่ยหยู่เวยพลันลุกยืนขึ้น เธอที่ใส่รองเท้าส้นสูงนั้น มีความสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกว่าเซนติเมตร เกือบจะสูงเท่ากับระดับคิ้วของหลินหยุน
“กระหายน้ำแล้วใช่ไหม ฉันจะรินน้ำชาให้คุณดื่ม! ”
ขณะที่พูด โดยไม่ทันรอให้หลินหยุนเอ่ยปาก ก็ได้เดินเข้าไป แล้วก็ยกแก้วน้ำชาขึ้นอย่างสง่า และรินน้ำชาให้กับหลินหยุน
ค่อย ๆ ยกแก้วน้ำชามาวางไว้ที่ด้านหน้าของหลินหยุน และยังเม้มปาก เป่าลมเบา ๆ: “คุณลองดื่มดูว่าร้อนไหม? ”
กลิ่นหอมจากร่างกายของหญิงสาว ผสมกับไอร้อนที่ระเหยขึ้นมาจากน้ำชา ถาโถมเข้ามาใส่
ปลายจมูกของหลินหยุน ถึงขนาดที่สามารถได้กลิ่นถึงความหอมที่คุ้นเคยจากร่างกายของเซี่ยหยู่เวย
ชายและหญิงอยู่กันลำพังสองต่อสอง ภายในห้องเดียวกัน อีกทั้งฝ่ายหญิงเป็นผู้ที่เริ่มต้น
อุณหภูมิภายในห้อง เหมือนกับว่าเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อย โดยไม่รู้ตัว
บรรยากาศแห่งเสน่หาที่คลุมเครือ ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องแล้ว
หลินหยุนยังคงจ้องมองเธออยู่อย่างเงียบ ๆ มองไปที่มือสองข้างของเธอที่ถือแก้วน้ำชา และยืนอยู่ด้านหน้าของตนด้วยสีหน้าที่เขินอาย ในลักษณะท่าทางที่ยินยอมให้ปฏิบัติอะไรก็ได้
เซี่ยหยู่เวยหลบสายตาเล็กน้อย เหมือนกับว่าถือแก้วน้ำชาเป็นเวลานาน ทำให้ปวดเมื่อยที่แขน เธอจึงได้นำแก้วน้ำชาวางลงไปบนโต๊ะด้านหน้าของหลินหยุน
“เดี๋ยวฉันจะนวดไหล่ให้คุณแล้วกัน? ”
ขณะที่พูด เซี่ยหยู่เวยก็ได้เดินมายังด้านหลังของหลินหยุน มือสองข้างที่นุ่มนวลอ่อนโยน วางอยู่บนไหล่ทั้งสองข้างของหลินหยุน
แม้ว่าจะมีเสื้อผ้าคั่นกลาง แต่หลินหยุนก็ยังคงสามารถรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลและอ่อนโยนของมือทั้งสองข้างของเซี่ยหยู่เวย
เวลานี้ ถ้าหากเป็นผู้ชาย ต่างก็อดไม่ได้ที่จะไปจับมือของผู้หญิงเบา ๆ แล้วโอบกอดผู้หญิงมาอยู่ในอ้อมอก
แต่ว่า หลินหยุนกลับเหมือนเป็นไม้แกะสลัก นิ่งไม่เคลื่อนไหว เหมือนกับเป็นรูปปั้นหินที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
“พอได้แล้ว” ในที่สุดหลินหยุนก็อดทนไม่ไหว จึงได้พูดสองคำนี้ออกมา
มือของเซี่ยหยู่เวย ได้หยุดนวดลง และกระซิบถามขึ้นว่า: “เป็นอะไรไปเหรอ แรงนวดไม่เหมาะสม ใช่ไหม? เดี๋ยวฉันจะนวดให้เบาลงหน่อย”
ขณะที่พูด ร่างกายของเซี่ยหยู่เวยก็โน้มเอนทับลงไปบนร่างกายของหลินหยุน
ไม่เห็นว่าหลินหยุนทำอะไร แต่ก็มีแรงพลังที่มองไม่เห็นได้ผลักดันเซี่ยหยู่เวยกระเด็นออกไป
เซี่ยหยู่เวยแสดงท่าทางที่ตกตะลึง แต่ไม่นานก็หายไป ทว่า ความบ้าระห่ำภายใต้ดวงตา กลับยิ่งชัดเจนมากขึ้นแล้ว
หลินหยุนมองไปที่เธอ ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาว่า: “คุณมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ? ”
เซี่ยหยู่เวยยิ้มและพูดขึ้นว่า: “คุณทำไมถึงได้ถามขึ้นแปลก ๆ คุณคือสามีของฉัน ฉันไม่มีธุระอะไรก็ไม่สามารถมาหาคุณได้เหรอ? ”
หลินหยุนพูดว่า: “คุณจะต้องหลอกตัวเองอยู่อีกทำไม? ระหว่างพวกเรานั้น ไม่มีความผูกพันอะไรต่อกันมาตั้งนานแล้ว”
“อีกทั้ง ฉันกับคุณก็ไม่ได้เป็นคนที่อยู่อาศัยบนโลกเดียวกัน โดยคุณในสายตาของฉันแล้ว ก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ภายนอกงดงามแต่ภายในโหดร้าย โดยเพียงชั่วครู่ ก็แก่ชราภาพลง”
หลินหยุนพูดขึ้นอย่างไร้เยื่อใย กอปรกับท่าทางของเขาที่เหมือนกับกำลังมองพวกมดแมลง ทำให้ยิ่งเหมือนกับมีดที่แหลมคม ทิ่มแทงเข้าไปยังจิตใจอันอ่อนแอของเซี่ยหยู่เวย
เพียงครู่เดียว ท่าทางเสแสร้งทั้งหมดของเซี่ยหยู่เวย ก็ได้เปิดเผยขึ้นอย่างไร้ความปราณี
ใบหน้าที่สง่างามและไม่สะทกสะท้านของเซี่ยหยู่เวยได้สูญสิ้นไป และถูกแทนที่ด้วยใบหน้าอันโหดร้ายเย็นชาเหมือนกับผู้หญิงที่รุนแรงหยาบคาย
“หลินหยุน คุณช่างใจร้ายอย่างมาก และเจ้าเล่ห์อย่างถึงที่สุด! ”
“ตระกูลเซี่ยของฉันได้เลี้ยงดูคุณมานานหลายปี โดยที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณมีความสามารถมากมายขนาดนี้ ทั้งหมอเทพหลิน ปรมาจารย์หลิน ตกลงว่าคุณยังมีสมญานามอีกมากเท่าไรที่พวกเรายังไม่รู้! ”
“แท้จริงแล้วคุณมีความสามารถมาก แต่กลับแสดงตัวต่อหน้าฉันว่าเป็นเพียงแค่คนที่ไม่ได้เรื่อง ได้ราว คุณจงใจที่จะทำให้ฉันรังเกียจคุณใช่ไหม จากนั้นจะได้ละทิ้งคุณไป แบบนี้คุณจึงสามารถที่จะนำความผิดทั้งหมดมาโทษใส่ที่ตัวของฉัน เพื่อต้องการเห็นฉันเสียใจในภายหลัง! ”
“เป็นแบบนี้ใช่ไหม? ”
เซี่ยหยู่เวยเหมือนกับคนบ้า โดยผู้หญิงที่สง่างามและละเอียดอ่อนเมื่อครู่นี้ กับเธอในตอนนี้ช่างแตกต่างกันเป็นคนละคน
หลินหยุนยังคงมองไปที่เธออย่างเงียบ ๆ ในความทรงจำของเขาแล้ว เซี่ยหยู่เวยไม่เคยที่จะลืมตัวยั้งสติไม่อยู่แบบนี้มาก่อน
ต่อให้ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายถึงชีวิต ก็ยังไม่เคยลืมตัวยั้งสติไม่อยู่ขนาดนี้
แต่ว่า เซี่ยหยู่เวยในตอนนี้ไม่เพียงแค่ยั้งสติไม่อยู่เท่านั้น แต่ถึงขั้นบ้าระห่ำไปแล้ว
ดูเหมือนว่า หลังจากที่สถานะของหลินหยุนถูกเปิดเผยแล้ว นับว่าเป็นการโจมตีใส่เธออย่างรุนแรงเลยทีเดียว
“คุณพูดว่าใช่ งั้นก็ใช่ตามนั้น! ” หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา โดยที่ไม่ได้โต้แย้งอะไรเหมือนก่อนหน้านี้
ก็เพราะเป็นคนที่เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกันมานานหลายปี อีกทั้งที่เซี่ยหยู่เวยเปลี่ยนเป็นแบบนี้ หลินหยุนเองก็ถือว่ามีความผิดด้วยอย่างแน่นอน
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าต่อไปทั้งสองฝ่ายจะไม่มีความผูกพันอะไรกันอีก แล้วจะไปกล่าวหาโจมตีเธออีกทำไมล่ะ?
แต่ว่า หลินหยุนยิ่งแสดงท่าทางที่สงบเงียบ ยิ่งทำให้เซี่ยหยู่เวยบ้าระห่ำมากขึ้น
“คุณยอมรับอย่างรวดเร็วถึงใจขนาดนี้เลย รู้สึกว่าในวันนี้แม้แต่คำพูดของฉันคุณก็ยังรำคาญที่จะฟังใช่ไหม? รู้สึกว่าคนบ้าอย่างฉันนี้ ไม่คู่ควรที่จะพูดคุยกับคุณใช่ไหม? ”
“แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการหรอกเหรอ? ที่ในวันนี้ฉันเป็นถึงขนาดนี้ได้ ไม่ใช่ว่าเพราะคุณให้ร้ายฉันหรอกเหรอ? ”
“หลินหยุน เวลานี้คุณคงสมใจแล้วล่ะสิ! ”
เซี่ยหยู่เวยใช้มือสองข้างดึงผมที่ดกดำเงางามของตัวเอง พร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหลพราก
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เวลานี้ ไม่ว่าจะพูดอะไร ก็ผิดทั้งนั้น
รอให้เซี่ยหยู่เวยใจเย็นสงบนิ่งลงก่อน
เซี่ยหยู่เวยบ่นว่าไม่หยุด พูดพึมพำอยู่คนเดียว: “ถ้าหากคุณแสดงความสามารถที่แท้จริงของตนออกมาก่อนหน้านี้ แล้วฉันจะดูถูกมองข้ามคุณทำไมล่ะ? ”
“ถ้าหากคุณบอกกับฉันก่อนว่าคุณเป็นปรมาจารย์หลิน แล้วทำไมฉันจะต้องไปหักหลังคุณด้วย! ”
“ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเพราะคุณให้ร้ายฉัน! เป็นเพราะคุณทั้งนั้น……ฮือฮือฮือ……”
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เซี่ยหยู่เวยจึงใจเย็นลงบ้างแล้ว และกลับไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง
แต่ว่า ท่าทางไร้สิ้นชีวิตชีวา เหมือนกับดอกโบตั๋นที่ไม่ได้รดน้ำมาหลายวัน และยังถูกเด็กตัวดีเด็ดทิ้งเป็นว่าเล่น
“ระบายออกมาเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปได้แล้ว อย่าได้ให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง” หลินหยุนพูดขึ้น
ไม่ว่าเขากับเซี่ยหยู่เวยจะล่วงเลยมาถึงขั้นไหน แต่ว่า บุญคุณที่โจวเฟินมีต่อเขานั้น หลินหยุนจดจำไปชั่วชีวิต
ถ้าหากเซี่ยหยู่เวยเกิดเรื่องอะไรขึ้น โจวเฟินคงจะเสียใจอย่างมากแน่นอน
นี่ก็คือเหตุผลที่หลินหยุนตอบรับมาเจอกับเซี่ยหยู่เวย
เซี่ยหยู่เวยไม่ได้กลับออกไป แต่ยังคงมองไปยังหลินหยุน และพูดขึ้นด้วยเสียงที่ราบเรียบว่า: “หลินหยุน ถ้าหากพวกเราทำเป็นว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น ยังพอที่จะมีหวังในการกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งไหม? ”
หลินหยุนมองไปที่เธอ และจ้องมองไปที่ประกายความคาดหวังในดวงตาของเธอ พร้อมกับให้คำตอบ
หลินหยุนยกแก้วน้ำชาที่เซี่ยหยู่เวยรินให้กับเขาขึ้น แล้วสาดลงไปบนพื้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “สายน้ำไม่อาจหวนคืนได้”
เซี่ยหยู่เวยหน้าตาขาวซีด ยิ้มพร้อมกับน้ำตาไหล: “ฉันเข้าใจแล้ว อันที่จริง ฉันเองก็ทราบถึงผลลัพธ์นี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ฉันยังอยากที่จะลองพยายามอีกสักครั้ง ก็เพราะ ที่ฉันเป็นอยู่ในวันนี้ ล้วนเป็นเพราะคุณให้ร้ายฉันทั้งสิ้น ”
“ใช่แล้ว ครั้งนี้ที่ฉันมาหาคุณ ยังมีธุระอีกเรื่องหนึ่ง”