จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 727 ความลำเอียงของท่านเซี่ย
ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย ต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก มองดูเซี่ยอิงเหา สีหน้าราวกับได้กลืนแมลงวันตัวหนึ่งลงไป
คิดอยากจะคายก็คายไม่ออก
“เซี่ยอิงเหานี่ ช่างหน้าไม่อายจริงๆเลย!”
แต่ว่า คำพูดพวกนี้ก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ แน่นอนที่ว่าไม่มีใครจะพูดออกมาได้
แม้แต่เซี่ยเจี้ยนลี่ ก็เพียงแต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ว่า เมื่อคิดดูอีกทีแล้ว เซี่ยเจี้ยนลี่ก็เข้าใจขึ้นมาทันที
เซี่ยอิงเหากำลังคิดจะใช้วิธีสาดโคลนมั่วใส่!
ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าวิชาฝังเข็มของตัวเอง สู้ของเซี่ยเจี้ยนโก๋ไม่ได้ งั้นก็เลยพยายามกวนน้ำให้ขุ่นไปเลย
เพียงแต่ว่า วิชาฝังเข็มทั้งสองเล่มนั้น ผู้เชี่ยวชาญมองดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเล่มไหนดีกว่ากัน เซี่ยอิงเหาทำเช่นนี้ แล้วจะมีประโยชน์เหรอ?
แต่ว่า ถ้าเปลี่ยนมุมมองความคิดใหม่ เซี่ยอิงเหาก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว จึงได้แต่ลองเสี่ยงดูสักตั้ง
เซี่ยเจี้ยนโก๋รู้สึกจุกจนแทบจะหายใจไม่ออก จ้องมองเซี่ยอิงเหาอย่างโกรธเคือง “เจ้าเด็กนี่ ช่างไร้ยางอายจริงๆเลย!”
เซี่ยหยู่เวยจ้องหน้าเซี่ยอิงเหาด้วยสายตาที่เยือกเย็น “เซี่ยอิงเหาคนนี้ หน้าด้านจริงๆเลย”
หลินหยุนเพียงแต่มองเซี่ยอิงเหาด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่ได้เกิดความสนใจอะไรขึ้นมาเลยความแตกต่างระหว่างวิชาฝังเข็มทั้งสองเล่มนั้น ไม่ใช่แตกต่างกันมากอย่างธรรมดาทั่วไป ใครคัดลอกใคร มองแค่แวบเดียวก็ดูออกแล้ว
เซี่ยอิงเหาไม่มีทางที่จะใส่ร้ายเซี่ยเจี้ยนโก๋ได้อย่างแน่นอน
นายท่านเซี่ยชีเจว๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย งานเลี้ยงวันเกิดยังไม่ทันได้เกิดขึ้นเลย แต่การต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้นก่อนแล้ว
แต่ว่า เมื่อได้ยินชื่อของเซี่ยเจี้ยนโก๋แล้ว ท่านเซี่ยถึงกับมึนงงสักพัก ดูราวกับว่ากำลังนึกว่าคนนี้เป็นใครอยู่
ถ้าให้เซี่ยเจี้ยนโก๋รู้ว่าในใจท่านเซี่ยตอนนี้คิดอะไรอยู่ คงจะเสียใจแย่เลย
นึกอยู่สักครู่ใหญ่ ท่านเซี่ยก็นึกขึ้นมาได้ว่า ดูเหมือนว่าตอนนั้นมีลูกชายคนหนึ่งถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป
ท่านเซี่ยมีลูกชายไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่น้อย ดังนั้น เมื่อขับไล่ลูกชายที่เป็นเศษสวะคนหนึ่งออกไป สำหรับท่านเซี่ยซึ่งเป็นคนของตระกูลที่เห็นแก่ผลประโยชน์สำคัญที่สุดเช่นนี้ อย่างมากก็เสียใจไม่กี่วัน หลังจากนั้นก็ลืมเรื่องทุกอย่างไปจนหมดสิ้นแล้ว
ท่านเซี่ยพูดด้วยเสียงเข้มงวดว่า “นายพูดมาซิ มันเรื่องอะไรกันแน่?”
เซี่ยอิงเหาก็เล่าว่า เขาได้พบวิชาฝังเข็มสามแล้ว จากนั้นก็ถูกเซี่ยเจี้ยนโก๋แย่งชิงไป ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะคืนให้เขาแล้วก็ตาม แต่คิดไม่ถึงว่าเซี่ยเจี้ยนโก๋ถึงกับไปคัดลอกออกมา แล้วใช้เป็นพื้นฐานในการแต่งเติมเขียนขึ้นมาใหม่กลายเป็นวิชาฝังเข็มสิบสาม
ความสามารถในการพูดกลับขาวให้เป็นดำเช่นนี้ ทำให้ทุกคนต่างก็แอบสะท้านใจ
เซี่ยเจี้ยนโก๋โกรธจนหน้าเขียวไปหมด แต่ว่า เกรงกลัวบารมีของท่านเซี่ย จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมาก่อน
ท่านเซี่ยพูดด้วยเสียงเข้มว่า “ไปเอาวิชาฝังเข็มทั้งสองเล่มนั้นมาให้ฉันดูหน่อยซิ”
เซี่ยอิงเหาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยื่นวิชาฝังเข็มสามของตัวเองเล่มนั้น ให้กับนายท่านไป
เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็เดินเข้าไปอย่างนอบน้อม ยื่นวิชาฝังเข็มสิบสามด้วยมือสองข้างให้กับนายท่านไป
เซี่ยชีเจว๋มองดูเขาแวบเดียว เมื่อเห็นท่าทางที่ระมัดระวังของเซี่ยเจี้ยนโก๋นั้นแล้ว ไม่ได้เกิดความสงสารอะไรเลย กลับรู้สึกขยะแขยงบ้างเล็กน้อย
มีแต่คนที่ไร้ความสามารถเท่านั้น จึงจะก้มหัวให้กับคนอื่นไปทั่ว
เซี่ยชีเจว๋เกลียดที่สุดก็คือคนที่ไร้ประโยชน์
คุณสามารถจะไม่เคารพเขาก็ได้ เขาจะไม่โกรธเลย แต่ว่าคุณจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถพอตัวก่อน
ถ้าคุณมีความสามารถทางด้านการแพทย์ที่เหนือกว่าเขาละก็ เซี่ยชีเจว๋ก็จะยอมรับคุณอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆเลย
เขาก็เป็นคนที่จริงจังกับการงานที่ชัดเจนเช่นนี้
เมื่อรับวิชาฝังเข็มของทั้งสองคนที่ยื่นมาให้แล้ว
เซี่ยชีเจว๋ก็เอามาพลิกดูอย่างไม่จริงจังอะไร
เขาเริ่มอ่านวิชาฝังเข็มสามของเซี่ยอิงเหาก่อน
“วิชาฝังเข็มสามเหรอ? ฮ่าๆๆ โกหกหลอกลวงทั้งเพ!” เซี่ยชีเจว๋แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
แต่เมื่อเปิดอ่านหน้าแรกแล้ว ท่าทีของท่านเซี่ยคนนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง จากเดิมที่ดูเหยียดหยามเมื่อครู่นี้ กลายเป็นสีหน้าตกตะลึง
หลังจากอ่านจบแล้ว เซี่ยชีเจว๋ก็มองไปยังเซี่ยอิงเหา พูดอุทานขึ้นว่า “อิงเหา นี่ถึงกับเป็นวิชาฝังเข็มที่มุ่งรักษาด้านจิตวิญญาณโดยเฉพาะเลย! นายไปหามาจากไหนเหรอ?”
เซี่ยอิงเหาไม่กล้าปิดบัง “คุณปู่ครับ นี่เป็นผลงานของหมอเทพแย่แห่งเมืองหลวงครับ!”
สำหรับชื่อเสียงของหมอเทพเย่นั้น เซี่ยชีเจว๋ก็เคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ว่า ในสายตาของเซี่ยชีเจว๋แล้ว ความสามารถอันน้อยนิดของหมอเทพเย่นั้น อย่างมากก็เป็นแค่ฝีมือข้างถนน ยังไม่ถึงระดับขั้นที่สามารถทำให้ผู้คนยอมรับได้เลย
แต่ว่า วิชาฝังเข็มเล่มนี้นับว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่ง หมอเทพเย่ถึงกับเป็นคนแต่งขึ้นมาเชียว
ท่านเซี่ยไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก
“นี่เป็นผลงานของตาแก่เย่จริงเหรอ? ไม่น่าจะใช่นะ เขาไหนเลยจะมีความสามารถขนาดนี้ได้! เทคนิควิธีการฝังเข็มที่พูดถึงในวิชาฝังเข็มเล่มนี้ มีบางอย่างที่แม้แต่ฉันก็ยังทำไม่ได้เลย ไม่มีทางที่ตาแก่เย่จะเขียนออกมาได้หรอก!”
เซี่ยอิงเหาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจเป็นไปได้ที่ตาแก่เย่ไปพบเหตุการณ์อัศจรรย์บางอย่างโดยบังเอิญก็ได้นะ”
“อึ่ม ก็เป็นไปได้” เซี่ยชีเจว๋ตอบพลาง ก็เปิดอ่านวิชาฝังเข็มสิบสามของหลินหยุนไปพลาง
หลังจากนั้น ท่านเซี่ยก็ยิ่งตกใจช็อกไปเลย!
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียดยิ่งขึ้นของท่านเซี่ยแล้ว ในใจของเซี่ยเจี้ยนโก๋ก็รู้สึกโล่งอก เหมือนยกภูเขาออกจากอก
แต่ว่า เซี่ยอิงเหากับเซี่ยเจี้ยนลี่สองคนพ่อลูก สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น
ท่านเซี่ยมองไปยังเซี่ยเจี้ยนโก๋ แล้วถามว่า “วิชาฝังเข็มเล่มนี้ นายเป็นคนหามาได้เหรอ?”
เซี่ยเจี้ยนโก๋รีบตอบด้วยสีหน้าตื่นเต้นตกใจว่า “ครับ”
“นายรู้ไหมว่าใครเป็นคนเขียน?” ท่านเซี่ยถาม
“อันนี้…….” เซี่ยเจี้ยนโก๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลินหยุนเคยกำชับเขาแล้วว่า อย่าบอกชื่อเขาออกมา
“ผมก็ไม่แน่ใจครับ ผมก็แค่บังเอิญไปพบมาเท่านั้นเอง”
“อึม” ท่านเซี่ยทำเสียงฮื่อใส่ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
เซี่ยเจี้ยนโก๋เห็นว่าท่านเซี่ยดูเหมือนจะยอมรับของขวัญของเขาแล้ว จึงกล้าเอ่ยปากพูดว่า “คุณพ่อครับ วิชาฝังเข็มสิบสามของผมเล่มนี้ ไม่ได้คัดลอกมาจากวิชาฝังเข็มสามของน้องรองนะครับ ขอให้คุณพ่อตรวจสอบให้แน่ชัดด้วย”
เซี่ยอิงเหาไม่พูดอะไร ในใจก็คิดว่าตัวเองจะต้องแพ้อย่างแน่นอนแล้ว
แต่ว่า เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงได้แต่ต้องยืนกรานหัวชนฝาสู้ให้ถึงที่สุด
“คุณปู่ครับ ปู่อย่าไปเชื่อเขานะ วิชาฝังเข็มสิบสามอะไรนั่น มันเป็นการคัดลอกจากวิชาฝังเข็มสามของผมชัดๆเลย!”
ท่านรองเซี่ยรู้สึกจะทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว จ้องหน้าเซี่ยอิงเหาอย่างเยือกเย็น “วิชาฝังเข็มสิบสาม ไม่ว่าจะดูจากด้านการวางค่ายกลหรือในแง่ทฤษฎี ก็ล้วนแต่สมบูรณ์แบบกว่าวิชาเข็มสามของนายมากเลย ใครคัดลอกของใครกันแน่ ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจดี!”
ในใจของเซี่ยอิงเหารู้สึกเกลียดชังปู่รองที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านคนนี้จะตายอยู่แล้ว แต่ต่อหน้าก็ไม่กล้าแสดงท่าทีก้าวร้าวแม้แต่นิดเดียว
“ปู่รองครับ เป็นเพราะว่ามีวิชาฝังเข็มสามก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงได้แรงบันดาลใจ ไปสร้างสรรค์ผลงานวิชาฝังเข็มสิบสามออกมาใหม่ อย่างที่โบราณว่าไว้ สีเขียวกำเนิดมาจากสีน้ำเงิน แต่เด่นกว่าสีน้ำเงิน ก็เป็นเพราะเหตุผลนี่ไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยอิงเหาพูดอย่างเอาสีข้างถู
เซี่ยหยู่เวยก็ทนไม่ไหวแล้ว พูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันโตมาจนขนาดนี้ ก็เคยได้ยินแต่ของที่ก๊อบปี้จากคนอื่นมา ก็มักจะมาจากพื้นฐานของต้นฉบับเดิมทั้งนั้น จะลดหรือย่อส่วนลงก็ได้ แต่ยังไม่เคยได้ยินว่าฉบับก๊อบปี้จะยิ่งดีกว่ายิ่งสมบูรณ์ครบถ้วนกว่าต้นฉบับเดิมเสียอีก?”
“จะพูดโกหกทั้งที ก็น่าจะมีตรรกะหน่อยได้ไหม?”
เซี่ยอิงเหาแสยะยิ้มแล้วโต้เถียงว่า “พวกคุณก็เป็นเพียงแค่เศษสวะที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปหลายสิบปีเท่านั้นเอง เป็นไปได้ยังไงที่จะได้วิชาฝังเข็มที่มีเทคนิคล้ำเลิศขั้นเทพขนาดนี้มาได้ ถ้าไม่ใช่คัดลอกจากของฉันไป ลำพังแค่ความสามารถพวกคุณ จะเอามาได้เหรอ?”
“หรือไม่พวกเรามาประลองแข่งกันตรงนี้เลย ฉันคนเดียวต่อให้พวกคุณทั้งครอบครัวสี่คนมาพร้อมกันเลย!”
การประลองที่เซี่ยอิงเหาพูดถึงนั้น ย่อมต้องเป็นการแข่งขันทางด้านวิชาการแพทย์อย่างแน่นอน
เซี่ยหยู่เวยหน้าถอดสี เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เซี่ยอิงเหาถึงกับเลวทรามต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้
นี่มันหน้าไม่อายชัดๆ
วิชาการแพทย์ของครอบครัวเซี่ยหยู่เวยนั้น ย่อมไม่มีทางที่จะไปเทียบกับคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับหลินหยุนแล้ว ถ้าประลองด้านการแพทย์ละก็ ไม่เห็นจะต้องไปเกรงกลัวเขาเลย
ในขณะที่เซี่ยหยู่เวยกำลังคิดไตร่ตรองอยู่ว่าจะยอมรับคำท้าประลองของเซี่ยอิงเหาหรือไม่นั้น ท่านเซี่ยก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ไม่ต้องทะเลาะกัน”
“ฉันรู้สึกว่าเซี่ยอิงเหาพูดถูกต้องแล้ว วิชาฝังเข็มสิบสามเล่มนี้ ได้คัดลอกมาจากวิชาฝังเข็มสามอย่างเห็นได้ชัด”
“แต่ว่า คนที่ลอกเลียนแบบออกมาได้นั้นก็นับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งทีเดียว ถึงกับสามารถทำให้วิชาฝังเข็มสามสมบูรณ์แบบได้ถึงเพียงนี้”
เมื่อสิ้นเสียงนายท่านเซี่ยชีเจว๋แล้ว ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย ต่างก็แสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมาทันที
ท่านรองเซี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูเซี่ยชีเจว๋ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
แต่เขาก็ไม่ได้สักถามข้อสงสัยอะไรต่อหน้าผู้คน อย่างน้อยเซี่ยชีเจว๋ก็เป็นถึงเจ้าบ้าน คำพูดของเขาแต่ละคำ สิ่งที่เขาทำแต่ละอย่าง ก็ย่อมจะต้องมีเหตุผลของเขาเอง