จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 729 หลิ่วหยวนมาเยือน
เซี่ยเจี้ยนโก๋ตกตะลึง มองไปยังหลินหยุน ถามด้วยอาการช็อกว่า “นายพูดว่ายังไงนะ!”
“ตอบตกลงเขาไป ถ้าหากคุณยังอยากจะอยู่อย่างมั่นคงในตระกูลเซี่ย” หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
เซี่ยเจี้ยนโก๋ตะคอกเสียงเบาว่า “เหลวไหล! นายรู้หรือเปล่าว่าฐานะของเซียนเซิงตันเฉินนั้นสูงส่งขนาดไหน? นายไม่เห็นเหรอว่า คนตระกูลเซี่ยมากมายขนาดนี้ยังไม่มีใครกล้าที่จะรับภารกิจของเจ้าบ้านเลยแม้แต่คนเดียว?”
“ด้วยฐานะของพวกเราตอนนี้ อย่าว่าแต่เซียนเซิงตันเฉินเลย แม้แต่ลูกศิษย์ของเซียนเซิงตันเฉินก็ยังไม่ได้พบเลย”
หลินหยุนมองดูเซี่ยเจี้ยนโก๋ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วแอบส่ายหน้า
ในเวลานี้เอง เซี่ยหยู่เวยที่แอบสังเกตหลินหยุนอยู่เงียบๆนั้น ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วพูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “เจ้าบ้านคะ ฉันยอมช่วยเอาผลงานวิชาฝังเข็มของท่านไปหาเซียนเซิงตันเฉิน เพื่อขอคำชี้แนะค่ะ”
ห้องโถงใหญ่เงียบสงัด เสียงที่สดใสของเซี่ยหยู่เวยดังชัดเจนมาก ก้องกังวานไปทั่วห้องโถงใหญ่
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนต่างก็จ้องไปที่ตัวเซี่ยหยู่เวย
หลินหยุนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูเซี่ยหยู่เวยแวบหนึ่ง ต้องยอมรับจริงๆว่า เซี่ยหยู่เวยมีความกล้าหาญมากกว่าพ่อของเธอเสียอีก
เซี่ยเจี้ยนโก๋ตกตะลึง หลังจากได้สติคืนมา ก็พูดตำหนิเสียงเบาๆว่า “แกจะบ้าเหรอ? เป็นไปได้ยังไงที่แกจะไปพบกับเซียนเซิงตันเฉินได้? อย่าเหลวไหล!”
ท่านเซี่ยมองไปยังเซี่ยหยู่เวย ก็รู้สึกเซอร์ไพรส์ แต่ก็ยังมีความอุ่นใจอยู่บ้าง
“คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่กล้ารับภารกิจนี้ของฉัน ถึงกับเป็นสตรีเพศคนหนึ่ง”
เมื่อเห็นว่าเป็นลูกสาวของเซี่ยเจี้ยนโก๋ที่รับภารกิจของนายท่านไปแล้ว ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลายต่างรู้สึกเสียหน้าทันที
พวกเขาคนจำนวนมากมายขนาดนี้ยังไม่กล้ารับเลย แกแค่เป็นลูกสาวของเศษสวะตระกูลเซี่ยคนหนึ่ง ถึงกับกล้ารับเชียว
นี่เป็นการตบหน้าพวกเขาชัดๆใช่หรือไม่?
เจ้าสามตระกูลเซี่ยก็รีบลุกขึ้นมา ถามด้วยความเย้ยหยันว่า “น้ำหน้าอย่างนายเหรอที่คิดจะไปพบกับเซียนเซิงตันเฉิน! รู้ไหมว่าเซียนเซิงตันเฉินเป็นใคร? หน้าตาเป็นยังไง? แล้วอยู่ที่ไหน?”
เซี่ยหยู่เวยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่ทราบค่ะ”
“ฮ่าๆ คุณไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ถึงกับกล้ารับภารกิจของท่านเซี่ยไป คุณกำลังล้อนายท่านเล่นอยู่หรือเปล่า?” เจ้าสามพูดเยาะเย้ย
เซี่ยหยู่เวยย้อนถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฉันล้อนายท่านเล่นแล้วจะมีประโยชน์อะไรเหรอ?”
เจ้าสามพูดไม่ออก ก็จริงที่ว่า เอาเรื่องอย่างนี้มาล้อนายท่านเล่น ถึงแม้สามารถแย่งซีนมาได้ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ว่าถ้าไม่สามารถที่จะไปพบกับเซียนเซิงตันเฉินแล้ว ก็รังแต่เป็นการหาเรื่องให้ตัวเองเสียหน้าเท่านั้นเอง แล้วยังจะทำให้นายท่านดูถูกอีกด้วย”
คนตระกูลเซี่ยที่เหลือ สีหน้าต่างก็นึกสงสัย
หรือว่าลูกสาวของเซี่ยเจี้ยนโก๋คนนี้ สามารถหาทางที่จะไปพบเซียนเซิงตันเฉินได้เหรอ?”
ถึงแม้ว่าท่านเซี่ยไม่เชื่อว่าเซี่ยหยู่เวยจะสามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จก็จริง แต่ว่าตระกูลเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้ายืนขึ้นมา
ยังไงก็ตาม ความกล้าหาญนี้ ก็สมควรที่จะได้รับคำชมเชย
“นายจะยอมรับภารกิจอันนี้จริงเหรอ?” ท่านเซี่ยถามด้วยเสียงหนักแน่น
เซี่ยหยู่เวยพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “จริงค่ะ”
“นายมีความมั่นใจขนาดไหน?” ท่านเซี่ยถาม
เซี่ยหยู่เวยพูดว่า “เต็มร้อยค่ะ”
ทุกคนต่างตกตะลึง!
ท่านเซี่ยก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปยังเซี่ยหยู่เวยด้วยสายตาที่แหลมคม
“หรือว่านายเคยรู้จักเซียนเซิงตันเฉินมาก่อนเหรอ?” ท่านเซี่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้จักค่ะ” เซี่ยหยู่เวยตอบอย่างเรียบเฉย
“งั้นแล้วทำไมนายถึงได้มั่นใจขนาดนี้?” ท่านเซี่ยมีความรู้สึกว่า เซี่ยหยู่เวยค่อนข้างยโสโอหังไปแล้ว
คนที่แม้แต่เซียนเซิงตันเฉินก็ยังไม่รู้จักเลย บอกว่ามีความมั่นใจเต็มร้อยที่จะพบกับเซียนเซิงตันเฉินได้ คำพูดนี้ใครจะไปเชื่อ?
การที่เซี่ยหยู่เวยมั่นใจขนาดนั้น ก็ย่อมเป็นเพราะว่าหลินหยุนอย่างแน่นอน
นี่เป็นเพราะว่าหลินหยุนออกหน้ามาบอกให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ตอบตกลงเอง
ด้วยช่วงเวลาที่ผ่านมา เซี่ยหยู่เวยได้เข้าใจหลินหยุนเป็นอย่างดี คำพูดที่หลินหยุนเคยรับปากไว้นั้น ไม่เคยผิดคำพูดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เซี่ยหยู่เวยกำลังเสี่ยงเดิมพันอยู่ เดิมพันว่าหลินหยุนจะหาทางที่ไปพบเซียนเซิงตันเฉินได้
ถ้าหากเซี่ยหยู่เวยสามารถทำเรื่องยากขนาดที่คนตระกูลเซี่ยทั้งหมดไม่สามารถทำได้เลย เช่นนั้นแล้วท่านเซี่ยก็จะต้องมองเห็นความสำคัญของครอบครัวพวกเธออย่างแน่นอน
“ถ้าหากแม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่เชื่อมั่นตัวเองว่าสามารถทำได้ แล้วจะทำสำเร็จได้อย่างไรกัน”
นี่คือคำตอบที่เซี่ยหยู่เวยให้กับท่านเซี่ย
ท่านเซี่ยพยักหน้า “ดี ฉันจะมอบหมายภารกิจนี้ให้กับนาย ถ้านายทำสำเร็จจริงๆละก็ ต่อจากนี้ไป นายก็สามารถเรียกฉันว่าคุณปู่ได้เลย!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ที่นั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกตื่นเต้นมาก คำว่าคุณปู่นี้ ไม่ใช่เป็นการเรียกขานที่ธรรมดาเลย แต่เป็นการยอมรับเซี่ยหยู่เวยแล้ว!
เซี่ยหยู่เวยกลับรู้สึกว่าไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเลย ถ้าเธอสามารถช่วยทำงานนี้ให้กับนายท่านได้สำเร็จละก็ นายท่านก็ย่อมไม่กล้าดูถูกครอบครัวของพวกเธออีกต่อไปแล้ว
นั่นก็เท่ากับว่ายอมรับครอบครัวของพวกเธอแล้ว
“ฉันจะไม่ทำให้เจ้าบ้านต้องผิดหวังแน่ค่ะ” เซี่ยหยู่เวยพูดพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย
เมื่อได้ยินว่านายท่านจะยอมรับครอบครัวของเซี่ยเจี้ยนโก๋แล้ว เซี่ยเจี้ยนลี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองหน้าเซี่ยหยู่เวยชัดๆ แต่กลับไม่พูดอะไรเลย
ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย ต่างก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ
“เซียนเซิงตันเฉินคนนั้นมีฐานะสูงส่งขนาดไหน แค่เด็กสาวโลกมโนธรรมคนหนึ่งอย่างเธอบอกว่าจะพบก็ได้พบงั้นเหรอ!”
“ฮื่อ ไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง!”
“ฮ่าๆ ลูกสาวที่เกิดมาจากเศษสวะคนหนึ่ง นอกจากเกิดมาหน้าตาสวยหน่อย ก็เป็นได้แค่แจกันไม้ประดับเท่านั้นเอง จะไปคาดหวังว่าเธอมีมันสมองด้วยเหรอ?”
ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย ต่างก็หัวเราะเยาะด้วยความโหดร้าย
ในใจของเซี่ยหยู่เวยไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลย แต่กลับรู้สึกว่าเหตุการณ์เช่นนี้ คล้ายกับว่าเคยพบเห็นมาก่อน
นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ตอนนั้นที่พวกเธอพูดเสียดสีเย้ยหยันหลินหยุนเหรอ?
นี่มันเป็นกงเกวียนกำเกวียนชัดๆเลย กรรมติดจรวดเร็วขนาดนี้ ก็หมุนเวียนมาเกิดกับเธอเซี่ยหยู่เวย ที่ต้องถูกผู้คนพูดเสียดสีเย้ยหยันเช่นนี้แล้ว
“รสชาติเช่นนี้ มันช่างทรมานจริงเลย! ตอนนั้นเขาอดทนได้อย่างไรกัน?”
เซี่ยหยู่เวยมองไปยังหลินหยุนที่สีหน้าเรียบเฉย ยืนอยู่ข้างหลังโจวเฟิน ในใจก็รู้สึกสำนึกผิดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ความรู้สึกสำนึกผิดเช่นนี้ ย่อมเกิดจากส่วนลึกของหัวใจ ไม่ได้แฝงด้วยผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น
เซี่ยอิงเหาเบ้ปากแล้วตะโกนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “คุณปู่ครับ ผมนึกขึ้นมาได้ว่า มีอีกเรื่องหนึ่งลืมบอกท่านไป”
เรื่องของหลินหยุนทำร้ายหลิ่วจื่อเทานั้น เซี่ยอิงเหาก็ปิดบังมาจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาลืมไป แต่ว่าเขากำลังหาจังหวะโอกาสที่เหมาะสมอยู่
โอกาสที่สามารถจู่โจมครอบครัวของเซี่ยเจี้ยนโก๋ให้ถึงที่สุด
เดิมทีคิดว่า โอกาสนี้ เกรงว่าจะต้องรอให้ถึงงานวันเกิดเลิกเสียก่อน แต่ว่า เซี่ยหยู่เวยถึงกับยืนขึ้นมา รับภารกิจของเจ้าบ้านไว้ด้วยตัวเอง
ถึงแม้ว่าต่อให้เซี่ยอิงเหาไม่พูดเรื่องนี้ออกมา อีกไม่กี่วันเซี่ยหยู่เวยก็ยังคงได้รับความขับอายจากสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้นอยู่ดี แต่ว่า ถ้าสามารถทำให้ครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋อับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนตอนนี้ จะยิ่งไม่ดีกว่าเหรอ?”
เซี่ยชีเจว๋มองไปยังเซี่ยอิงเหา แล้วถามว่า “นายมีเรื่องอะไรเหรอ?”
เซี่ยอิงเหาพูดว่า เมื่อวานที่ตลาดฉีหวง ครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋ได้ทำร้ายหลิ่วจื่อเทาคุณชายตระกูลหลิ่วครับ”
เมื่อเซี่ยอิงเหาพูดเช่นนี้ออกมา ภายในห้องโถงใหญ่ก็เกิดเสียงโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาทันที
“เขาถึงกับกล้าทำร้ายคุณชายตระกูลหลิ่ว!”
“โอสวรรค์ อย่างนี้แล้วเธอยังกล้ารับภารกิจของเจ้าบ้านไปอีก! เธอบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
“หรือเธอไม่รู้ว่า เจ้าบ้านตระกูลหลิ่ว หลิ่วหยวนก็คือศิษย์ผู้พี่ของเซียนเซิงตันเฉินหรือไง?”
“ฮ่าๆ เธอต้องไม่รู้แน่นอนเลย ถ้ารู้อย่างนั้นละก็ ไม่มีทางที่จะไปรับภารกิจของเจ้าบ้านไว้หรอก!”
เมื่อได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนทั้งหลายแล้ว เซี่ยเจี้ยนโก๋ถึงกับหน้าถอดสี แม้แต่เซี่ยหยู่เวยสีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก
คิดไม่ถึงว่า เซียนเซิงตันเฉินคนนั้นกับตระกูลหลิ่ว ถึงกับมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้
เช่นนี้แล้ว หลินหยุนยังมีความมั่นใจที่จะได้พบเซียนเซิงตันเฉินอีกหรือไม่?
ท่านเซี่ยก็แตกตื่นตกใจ มองไปยังเซี่ยเจี้ยนโก๋ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนสีอย่างกะทันหัน
“พวกนายถึงกับไปทำร้ายคุณชายหลิ่ว กล้าหาญชาญชัยเสียจริงนะ!”
“ตระกูลหลิ่ว ตอนนี้เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนทั้งเจ็ด แม้แต่ฉันก็ยังไม่กล้าไปล่วงเกินตระกูลหลิ่วเลย พวกนายถึงกับกล้าลงมือทำร้ายคุณชายตระกูลหลิ่ว!”
เซี่ยอิงเหาเชิดมุมปากขึ้น ตะโกนพูดเสียงดังว่า “คุณปู่ครับ ผู้หญิงคนนี้กำลังหลอกลวงคุณปู่อยู่ ผมสงสัยว่าเธอไม่ใช่จะเอาผลงานวิชาฝังเข็มของท่านไปหาเซียนเซิงตันเฉินหรอก แต่อยากจะเก็บไว้เป็นของตัวเอง จากนั้นก็หนีหายสาบสูญไป!”
ท่านเซี่ยก็เชื่อคำพูดของเซี่ยอิงเหาไปแล้วเจ็ดแปดส่วน มองดูเซี่ยเจี้ยนโก๋อย่างเย็นชาสอบถามขึ้นว่า “เซี่ยเจี้ยนโก๋ นายยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี หลินหยุนเป็นคนที่ทำร้ายคน เขาเองก็ไม่ได้คิดอยากทำหรอก!
“เจ้าบ้านครับ คุณชายหลิ่วคิดจะลวนลามลูกสาวผม ลูกเขยผมจึงลงมือตอบโต้ไป เรื่องนี้จะมาโทษพวกเราไม่ได้นะ!”
เมื่อสิ้นเสียงของเซี่ยเจี้ยนโก๋แล้ว ก็มีเสียงร้องตะโกนดังมาจากประตูด้านนอกว่า “เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วมาถึงแล้ว!”
เซี่ยอิงเหาดีใจมาก “คุณปู่ครับ ท่านได้ยินแล้วยัง เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วมาด้วยตัวเองแล้ว จะต้องมาสืบสาวเอาเรื่องอย่างแน่นอนเลย!”