จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 738 ส่งมาถึงบ้าน
โจวเฟินประหลาดใจ “มันเป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนี้”
“ว่าแต่ว่า พ่อแม่แท้ๆของเธอคือใคร? เธอหาพวกเขาเจอได้อย่างไร? ตอนนี้มีนักต้มตุ๋นมากมาย เธออย่าถูกหลอกล่ะ”
หลินหยุนพูดว่า “พ่อของผมชื่อหลินตงหัว และแม่ชื่อหวางซูเฟิน เป็นประธานของบริษัทตงหวางกรุ๊ป”
“รู้จักพ่อแม่ผ่านน้าหรันซึ่งเป็นคนเลี้ยงเด็กในตอนนั้น และหลักฐานก็เพียงพอ น้าเฟินวางใจได้
“ประธานบริษัทตงหวางกรุ๊ป คิดไม่ถึงว่าว่าพ่อแม่ของเธอ จะมีภูมิหลังที่ดี!” โจวเฟินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ในเมื่อล้วนแต่เป็นคนมีฐานะดี คงไม่หลอกเธอหรอก ถ้างั้นฉันก็วางใจ”
นอกประตู หลังจากที่เซี่ยหยู่เวยได้ยิน ก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น
“คิดไม่ถึงจริงๆ ที่แท้เขาไม่ใช่เด็กกำพร้า แต่เป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง!”
“ตลกสิ้นดี สวรรค์ส่งทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองมาอยู่ข้างกาย แต่ฉันกับทอดทิ้งเขาไป!”
โจวเฟินมองไปที่หลินหยุน ด้วยท่าทางลำบากใจ และรู้สึกเสียใจ และเศร้าใจเล็กน้อย “เสี่ยวหยุน เธอพบพ่อแม่แท้ๆของเธอแล้ว ต่อไปก็คงไม่กลับมาที่บ้านตระกูลเซี่ยแล้วใช่ไหม?”
หลินหยุนยิ้มและพูดว่า “ผมไม่ได้ไปหาพวกเขา ผมมีธุระส่วนตัวที่ต้องทำ ถ้าคุณมีเรื่องอะไร ก็โทรหาผม ผมจะรีบกลับมาทันที”
“ถ้าเป็นเช่นนี้!” โจวเฟินยังคงไม่สามารถยอมรับการจากไปของหลินหยุนได้ มีสีหน้าเศร้าสร้อย
“แล้วเธอกับหยู่เวย ไม่มีความหวังแล้วจริงๆเหรอ?” โจวเฟินถามอีกครั้ง
นอกประตู หัวใจของเซี่ยหยู่เวย ตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง
เสียงอันไร้ความรู้สึกของหลินหยุน แว่วมาจากห้อง “ไม่มีครับ”
“ความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอ ได้ตัดใจไปนานแล้ว”
“ความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอ ได้ตัดใจไปนานแล้ว……ความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอ ได้ตัดใจไปนานแล้ว……ได้ตัดใจไปนานแล้ว……”
ประโยคนี้ เหมือนกับคำสาปที่รุนแรง ข้างหูเซี่ยหยู่เวย ก้องอยู่ในหูตลอดเวลา
ฉึดๆๆ!
เซี่ยหยู่เวยถอยหลังไปสองสามก้าว ร่างโซเซ ต้องจับผนังบ้านไว้ ถึงยืนอย่างมั่นคงได้
ประโยคนี้สำหรับเธอ เป็นข่าวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ตัดใจ? หึหึ ตัดใจแล้ว……”
ในห้อง โจวเฟินลุกขึ้นยืนอย่างจนปัญญา ด้วยความเสียใจ
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอมีความมุ่งมั่น ฉันพูดมากกว่านี้ก็ไม่ดี ต่อจากนี้ไปเธออยู่ข้างนอกคนเดียว จะต้องระมัดระวังทุกเรื่อง เวลามีอะไร อย่าหุนหันพลันแล่นเกินไป!” โจวเฟินตักเตือน
“ผมจะจำไว้ครับ” หลินหยุนพยักหน้าอย่างจริงจัง
“โอเค เธอไปพักผ่อนเถอะ! ฉันไปแล้ว” โจวเฟินพูดจบ ก็เดินไปที่ประตู
“ผมไปส่ง” หลินหยุนก้าวไปข้างหน้า และพยุงโจวเฟิน
“ไม่ต้องแล้ว เธอพักผ่อนเถอะ! ฉันยังไม่ถึงขั้นเดินไม่ไหว ถึงเวลานั้นจริงๆแล้ว หวังว่าเธอจะมาช่วยพยุงฉัน!” โจวเฟินยิ้ม
“แน่นอนครับ” หลินหยุนเปิดประตูให้โจวเฟิน และยืนอยู่ที่ประตู ไม่ได้ส่งโจวเฟินออกไป
เขารู้ว่า เซี่ยหยู่เวยอยู่ข้างนอก เพื่อไม่ให้เธออับอาย หลินหยุนไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอ
เมื่อมองไปนอกประตูที่มืดมิด ดวงตาทั้งคู่ของหลินหยุนมีแววลึกซึ้ง เป็นเวลานานยังไม่ขยับ
“ตระกูลเซี่ย ผลกรรมระหว่างพวกเรา สิ้นสุดกันแล้ว!”
นอกห้องของหลินหยุน เซี่ยหยู่เวยเดินออกจากความมืด
เมื่อโจวเฟินเห็นเธอ ก็ถอนหายใจ “แม่ทำเต็มที่แล้ว คำพูดที่เสี่ยวหยุนพูดเธอน่าจะได้ยินหมดแล้ว”
“ตอนนี้เขาได้พบพ่อแม่แท้ๆของตัวเอง และมีคนที่ตัวเองชอบแล้ว แม้ว่าฉันจะอยากให้ลูกอยู่กับเขา แต่ตอนนี้ฉันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
เซี่ยหยู่เวยพูดอย่างเคร่งขรึม “หนูรู้ว่าแม่พยายามเต็มที่แล้ว ขอบคุณท่านมากค่ะ”
“เด็กโง่ กับแม่ยังต้องขอบคุณอีกเหรอ ทั้งหมดนี้ บางทีอาจเป็นโชคชะตา! บางครั้งโชคชะตากำหนดไว้จะได้สิ่งของนั้นมันก็จะได้ แต่ถ้าโชคชะตากำหนดไว้แล้วว่าไม่ได้ฝืนกันไปก็ไร้ประโยชน์” โจวเฟินถอนหายใจ
เซี่ยหยู่เวยยกมุมปาก “โชคชะตาเหรอ?”
“คุณแม่ พวกเราไปกันเถอะ!”
โจวเฟินมองดูเธออย่างกังวลใจ และพยักหน้า “ตกลง! แต่ว่า เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ” เซี่ยหยู่เวยยิ้ม “ไปกันเถอะ!”
โจวเฟินกับเซี่ยหยู่เวยต่างกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เซี่ยหยู่เวยเปิดกระเป๋าเดินทาง ค่อยๆหยิบเสื้อผ้าข้างในออกมา และเริ่มมองกระจก แล้วลองสวม
ในห้องของหลินหยุน ประตูห้องถูกปิดอีกครั้ง หลินหยุนไม่ได้ฝึกต่อไป แต่นั่งบนเก้าอี้ และดื่มชาอย่างเงียบๆ
ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเคาะอีกครั้ง
หลินหยุนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ประตู และถอนหายใจ “ในที่สุดก็มาถึง ฉันมั่นใจแล้วว่าเธอต้องไม่ยอมแพ้แน่นอน”
โบกมือเบาๆ ประตูถูกเปิดออกโดยพลังที่มองไม่เห็น
แต่งกายด้วยชุดสีแดง เซี่ยหยู่เวยแต่งหน้าเป็นพิเศษ ยืนอยู่ที่ประตูกับรูปลักษณ์ที่สวยงามมาก
บริเวณคอที่ขาวนวล ห้อยสร้อยคออัญมณีที่ออกแบบโดยปรมาจารย์ชาวฝรั่งเศส ส่องประกายระยิบระยับใต้แสงไฟช่างมีเสน่ห์ดึงดูด
รูปร่างที่สูงโปร่ง ด้วยรองเท้าส้นสูงเสริมด้วยชุดเดรสทรงยาว ใส่รวมกันแล้วยิ่งเข้ากันมาก
เธอ ในเวลากลางคืน เหมือนปีศาจจิ้งจอกที่เดินออกมา มีเสน่ห์ที่จะดึงดูดสิ่งมีชีวิตทุกคนให้ว้าวุ่นใจ
เซี่ยหยู่เวยค่อยๆเดินเข้ามา และปิดประตู แล้วล็อคด้านใน
หลินหยุนนั่งบนเก้าอี้ เฝ้าดูทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆ แววตาคมชัด
ตั้งแต่เซี่ยหยู่เวยเข้ามาในห้อง ก็เริ่มสังเกตสีหน้าของหลินหยุน จากนั้นเซี่ยหยู่เวยก็รู้สึกหวาดกลัว
เพราะว่า จากแววตาของหลินหยุน เซี่ยหยู่เวยมองไม่เห็นความเร่าร้อนแม้แต่น้อย
เซี่ยหยู่เวยมั่นใจ ด้วยสถานะปัจจุบันของเธอ ผู้ชายธรรมดาคนไหน ก็ไม่สามารถต้านทานได้
อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ตรงหน้าเธอ ซึ่งเธอมองว่าเป็นไอ้เศษสวะมาตลอด กลับต้านทานไว้ได้
“ไม่ ไม่ใช่สิ แต่ก่อนฉันเคยเห็นในแววตาของเขา เห็นความคิดสกปรกของผู้ชายคนนี้ แต่ทำไมตอนนี้ไม่มีอีกล่ะ?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเริ่มเปลี่ยนแปลง ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
เซี่ยหยู่เวยคิดถึงสิ่งนั้น ยิ่งคิดยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น
“เป็นไปได้ไหม หลินหยุนคนนี้ ไม่ใช่หลินหยุนในอดีตคนนั้นอีกต่อไป?”
“ฮึ่ม ไม่ว่านายจะเป็นใคร ตราบใดที่นายยังเป็นผู้ชาย ฉันไม่เชื่อหรอก นายจะกล้าปฏิเสธฉัน!”
เซี่ยหยู่เวยมีความมั่นใจ และก็มีความสามารถนี้
ยิ่งกว่านั้น ในส่วนลึกของหัวใจ บางทีสิ่งที่เธอชอบอาจเป็นเพียงหลินหยุนที่อยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ใช่ไอ้เศษสวะในอดีต
เซี่ยหยู่เวยเดินไปถึงตรงหน้าหลินหยุน ค่อยๆถกกระโปรง และนั่งบนตักของหลินหยุน แขนที่ขาวนวลปล่อยออกจากกระโปรง แล้ววางลงบนไหล่ของหลินหยุนอย่างนุ่มนวล
“ฉันสวยไหม?” เซี่ยหยู่เวยพ่นลมหายใจเบาๆ และทำท่าทางเหมืองใครอยากทำอะไรก็ได้
หลินหยุนมองดูเธออย่างเงียบๆ ดวงตาคมชัด โดยไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
“ช่วงที่พวกเราพักอยู่ด้วยกัน ฉันรู้มาตลอดว่านายอยากได้ฉัน แต่ก่อน ฉันผิดไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันเสียใจ ฉันขอให้นายให้โอกาสฉันสักครั้ง พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่”
หลินหยุนยังคงไม่ขยับ ดูเหมือนร่างที่บอบบางอ่อนหวานน่ารักที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา เป็นเพียงรูปปั้นไม้ที่ไม่มีแรงดึงดูดแม้แต่น้อย
“นายวางใจได้ ตอนนี้ฉันยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฉันไม่เคยปล่อยให้เว่ยเทียนหมิงแตะต้องตัวฉัน สิ่งล้ำค่าที่สุดของฉัน จะมอบให้กับคนที่ฉันรักเท่านั้น”
ในที่สุดหลินหยุนก็พูด ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและไม่แยแส “ทำไมเธอถึงทำขนาดนี้?”
“ในสายตาของฉัน เธอเป็นแค่โครงกระดูกไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเลย”
หลังจากพูดจบ ก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆของหลินหยุน พลังที่มองไม่เห็น ได้ผลักเซี่ยหยู่เวยกระเด็นออกไป
แสงแห่งความประหลาดใจแวบเข้ามาในดวงตาของเซี่ยหยู่เวย วิธีการเช่นนี้ เหมือนกับเทวดา
และยิ่งหลินหยุนแสดงความแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร เซี่ยหยู่เวยก็ยิ่งต้องการตัวหลินหยุนมากขึ้น และต้องการเอาความรักนั้นกลับมา
เซี่ยหยู่เวยแสดงรูปลักษณ์ที่น่าสมเพช น้ำตาไหลอาบแก้ม ใบหน้าของเธอไม่ได้แต่งหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงคนนี้สวยโดยธรรมชาติจริงๆ
“หลินหยุน ฉันรู้ตัวว่าฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันไม่กล้าขอให้นายยกโทษให้ฉัน ฉันแค่ต้องการให้นายให้โอกาสฉันได้แก้ตัวอีกครั้ง”
“ได้โปรดเห็นแก่ความสัมพันธ์สามีภรรยาที่เคยมี ให้โอกาสฉันสักครั้งเถอะ!