จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 747 เทคโนโลยีกับกระบี่
หลินหยุนรีบออกมามาจากซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ยืนอยู่บริเวณที่ไกลออกไป และมองไปที่ตำหนักหลิงเซียวที่พังทลายลง
“ดูเหมือนว่า สัตว์ประหลาดตัวนั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับตำหนักหลิงเซียวอย่างแน่นอน หลังจากที่ฉันสังหารมันแล้ว ทั้งตำหนักหลิงเซียว ก็พังทลายลงตามเช่นกัน”
“หรือว่าบางที อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับดาบเฮ่าเทียน……”
เจ้าของตำหนักหลิงเซียวหลังนี้คือใครกันแน่? และมีความเกี่ยวข้องอะไรกับดาบเฮ่าเทียนและสัตว์ประหลาดตัวนั้นด้วย? แม้ว่าหลินหยุนจะเกิดความสงสัย แต่ ก็ไม่มีทางที่จะทราบความจริงได้
หากจะสืบค้นวิเคราะห์ต่อไป ก็คงจะไม่มีประโยชน์
หลินหยุนออกมาจากตำหนักหลิงเซียว แล้วก็มุ่งหน้าต่อไป
พูดไปก็แปลกเหมือนกัน ท่ามกลางซากปรักหักพังของเมือง นอกจากสัตว์ประหลาดหัววัวตัวนั้นแล้ว ก็ไม่พบกับสัตว์ประหลาดตัวอื่นสักตัวอีกเลย
“ดูเหมือนว่า อาณาเขตของสัตว์ประหลาดหัววัวตัวนี้ จะครอบคลุมไปทั่วทั้งเมือง”
หลินหยุนมุ่งหน้าตรงไป เพื่อตามล่าสัตว์ประหลาดต่อ ซึ่งก็ค่อย ๆ ออกห่างจากเมืองแห่งนั้นมาไกลมากแล้ว
ในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีกลางวันกลางคืน ซึ่งหลินหยุนได้คาดการณ์เวลาว่า นับตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ น่าจะผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งวันกับหนึ่งคืน
นอกจากนี้ จากระดับความรวดเร็วของเขา นอกจากได้พบกับผู้เข้าแข่งขันชาวญี่ปุ่นสองคนนั้นแล้ว ก็ยังไม่ได้พบกับผู้เข้าแข่งขันชาติอื่นสักคนเลย
ดูเหมือนว่า สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่มากจริง ๆ!
เดินทะลุผ่านไปอีกหนึ่งป่าไม้ หลินหยุนก็ได้พบกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่มีทั้งเขี้ยวและกรงเล็บ ดูจากลักษณะแล้วคล้ายกับแมงมุม คงน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์มาจากแมงมุม
จนถึงตอนนี้ นอกจากสัตว์ประหลาดหัววัวตัวนั้นแล้ว สัตว์ประหลาดที่หลินหยุนได้พบเจอนั้น ต่างก็ได้รับผลกระทบจากพลังทิพย์และรังสีในสถานที่แห่งนี้ จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์
“พลังทิพย์ของที่แห่งนี้ มีความหนาแน่นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ ภายในนั้นประกอบด้วยพลังของธาตุกัมมันตรังสีอย่างมหาศาล ซึ่งไม่สามารถที่จะดูดซับได้”
หลินหยุนเตรียมที่จะสังหารสัตว์ประหลาดแมงมุมตัวนั้น แต่ว่า ที่ปลายเขาทางฝั่งนั้น ก็พลันปรากฏเด็กหนุ่มชาวผิวขาวที่รูปร่างสูงใหญ่สองคน
“เป็นชาวอเมริกา! ”
แม้ว่าจะเห็นพวกเขาทั้งสองกำลังมุ่งหน้าตรงมาหาเขา แต่ว่า หลินหยุนก็ไม่ได้หยุดกระบวนท่าลง โดยได้ลงมือสังหารสัตว์ประหลาดแมงมุมตัวนั้น แล้วก็นำแก้วหินออกมา
“เฮ้ย ไอ้หนุ่ม นำแก้วหินมอบออกมา! ”
ผู้แข่งขันชาวอเมริกาสองคนที่เพิ่งตามมาถึงนั้น จ้องมองไปยังหลินหยุนด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร และได้พูดภาษาจีนขึ้นอย่างไม่คล่องแคล่ว
“หากว่าข้าไม่นำออกมามอบให้ล่ะ? ” หลินหยุนมองไปที่สองคนนั้น และถามกลับอย่างไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก
“แหะแหะ ชาวจีนผู้โง่เขลา อย่างนั้นข้าก็จะลงมือสังหารนายก็แล้วกัน! ”
เมื่อสองคนพูดจบ ขณะเดียวกันก็ได้กดปุ่มสีแดงที่แขน
แครกแครก!
เสียงประกอบกันของเครื่องกลดังขึ้น เกราะป้องกันที่แขนของทั้งสองคน ได้กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย โดยเกราะป้องกันบางสีเงินหนึ่งชั้น ได้ห่อหุ้มผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกาทั้งสองคนเอาไว้ อย่างแน่นหนามิดชิด
เทคโนโลยีนี้ อย่างน้อยมีความก้าวล้ำมากกว่าบนโลกเป็นร้อยปี ซึ่งโลกปัจจุบันนี้ไม่สามารถที่จะมีใช้อยู่อย่างแน่นอน
“ไปตายซะเถอะ! ”
ทั้งสองคนยกแขนขึ้น โดยแขนของพวกเขากลายเป็นกระบอก เหมือนกับกระบอกปืนอย่างไรอย่างนั้น แล้วเล็งเป้าไปที่หลินหยุน
ปังปังปังปัง!
สาดยิงปืนกลเข้าใส่ กระหน่ำรัวไม่ยั้ง ซึ่งยิงเข้าไปที่ร่างของหลินหยุนทั้งหมด
แต่ว่า กลับกระเด็นออกมาเมื่อปะทะกับแสงสีทองที่คุ้มกันรอบกายของหลินหยุน
“โอ้ว ไม่ นี่เจอผีเข้าให้แล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะสามารถต้านทานกระสุนปืนของพวกเราได้! ”
ผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกาสองคน ตะโกนเสียงดังพร้อมกัน โดยเสียงทะลุผ่านเกราะป้องกันออกมา คล้ายกับเสียงของโลหะ
ไม่เพียงแค่สองคนนั้นที่ตกตะลึง หลินหยุนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
“กระสุนปืนนี้ผ่านการผลิตแบบพิเศษขึ้นโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีอานุภาพที่ทรงพลังกว่าปืนกลบนโลกเป็นอย่างมาก เกือบที่จะทะลุพลังแสงคุ้มกันกายเลยทีเดียว”
“ต่อให้เป็นนักบู๊ขั้นปรมาจารย์ระดับใหญ่ เกรงว่าก็ไม่สามารถที่จะต้านทานกระสุนปืนเหล่านี้ได้! ”
“มิน่าล่ะที่ชาวอเมริกันพวกนี้ ใช้เพียงแค่คนธรรมดาไม่กี่คน ก็กล้าที่จะมาเข้าร่วมสนามล่าเจ็ดเผ่า! ”
แม้ว่าผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกาสองคนจะตกตะลึง แต่ไม่นานก็กลับสู่สภาพที่สงบลง
แกร็กแกร็กแกร็ก!
เสียงการหมุนขับเคลื่อนเครื่องกลดังขึ้น กระบอกปืนที่แขนของสองคนนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อเทียบกับเมื่อครู่แล้ว มีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงสองเท่า
“ไอ้หนุ่มชาวจีนที่สมควรตาย แม้ว่านายจะสามารถต้านทานกระสุนปืนของพวกเราได้ แต่ข้าไม่เชื่อว่าแม้แต่ขีปนาวุธนายก็จะสามารถต้านทานได้”
ผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกาสองคน ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และก็กดปุ่มทำการยิง
ตูมตูม!
ขีปนาวุธขนาดเล็กที่มีหางลากยาวเป็นเปลวไฟสองลูก ที่ไม่มีการเผาไหม้นั้น ได้ยิงพุ่งตรงออกไป เหมือนกับปืนกลอย่างไรอย่างนั้น
ระยะห่างที่ใกล้มากขนาดนี้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ ก็ยากที่จะหลบหลีกได้
แต่ว่า จากความเร็วของหลินหยุนแล้ว สามารถที่จะหลบหลีกได้ทันแน่นอน
แต่ว่า หลังจากที่หลบหลีกแล้ว ขีปนาวุธขนาดเล็กสองลูกนี้ เหมือนว่ามีดวงตาอย่างไรอย่างนั้น หมุนตัวเลี้ยวกลับกลางอากาศ แล้วก็พุ่งตรงมาทางหลินหยุนอีก
“ฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่มชาวจีนหน้าโง่ นายคิดว่านายจะสามารถหลบหลีกขีปนาวุธล่องเรือขนาดเล็กนี้ได้อย่างนั้นเหรอ? ”
หลินหยุนครุ่นคิดในใจ: “ดูเหมือนว่า ซากวัตถุโบราณทางอารยธรรมที่ชาวอเมริกาได้พบเจอนั้น ก้าวล้ำนำสมัยเป็นอย่างมาก คิดที่ไม่ถึงว่าจะสามารถสร้างขีปนาวุธล่องเรือขนาดเล็กนี้ได้! ”
โครงสร้างของขีปนาวุธล่องเรือขนาดเล็กนี้ หลินหยุนเข้าใจอย่างชัดเจน
ในชาติที่แล้ว ตอนที่เขาตระเวนเดินทางท่องจักรวาลและดวงดาว ก็ได้เคยไปยังดวงดาวที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าโลกเป็นร้อยเท่า
ที่นั่น เขาเคยได้เห็นสุดยอดอาวุธนิวเคลียร์นาโนเทคโนโลยีมาแล้ว
แน่นอนว่า ขีปนาวุธล่องเรือขนาดเล็กนี้ ก็คงไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร
ดูเหมือนว่า ซากวัตถุโบราณทางอารยธรรมที่ชาวอเมริกาได้พบเจอนั้น แม้ว่าจะไม่ได้เหนือไปกว่าดวงดาวเทคโนโลยีที่หลินหยุนเคยได้ไปมา แต่ก็มีความแตกต่างกันไม่มากเท่าไร
“ดูเหมือนว่า โลกในสมัยโบราณ ยังคงมีอารยธรรมทางเทคโนโลยีชั้นสูงอยู่ช่วงหนึ่งด้วย”
ก่อนหน้านี้ ตอนที่หลินหยุนเป็นเพียงแค่คนธรรมดา คำพูดที่เกี่ยวกับอารยธรรมโบราณบนโลก รวมถึงอารยธรรมโบราณนอกโลกนั้น เขาเองก็ยังมีความสงสัยคลางแคลงใจมาโดยตลอด
แต่ว่า จากที่หลินหยุนมีความรู้มีประสบการณ์และโลกทัศน์ที่เพิ่มมากขึ้น เขาก็ได้รับรู้และเข้าใจขึ้นใหม่เกี่ยวกับช่วงประวัติศาสตร์อารยธรรมโบราณบนโลก
โครม!
ขีปนาวุธล่องเรือขนาดเล็ก ได้พุ่งชนเข้าใส่หลินหยุน
และเกิดเป็นเมฆรูปเห็ดขนาดเล็กลอยพุ่งขึ้น
“ฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่มชาวจีน นายไม่รอดแน่! ”
ผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกาสองคนหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นอย่างดีใจ
ทันใดนั้น ลำแสงสีแดงก็พลันพุ่งขึ้นมาจากกลุ่มหมอกควัน ด้วยความรวดเร็วและรุนแรง และฟันไปยังร่างของผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกาสองคนนั้น
ตุบ!
ทั้งสองคนถูกพลังพุ่งเข้าใส่อย่างรุนแรง จนกระเด็นลอยออกไปไกล และตกลงสู่พื้นในบริเวณที่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร
แต่ว่า การฟันในครั้งนั้น กลับไม่สามารถทำลายชุดเกราะเครื่องกลบนร่างของสองคนลงได้
หลินหยุนเดินออกมาจากฝุ่นควัน โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แม่แต่บนเสื้อผ้า ก็ยังไม่ เปรอะเปื้อนฝุ่นละอองอะไรเลย
“โอ้ว ไม่ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
“ไอ้คนชั่วที่สมควรตาย ทำไมแม้แต่ขีปนาวุธล่องเรือเขาก็ไม่เกรงกลัวเอาเสียเลย! ”
ผุ้เข้าแข่งขันชาวอเมริกันสองคนที่นอนกองอยู่ที่พื้น ตะโกนเสียงดังด้วยความหวาดกลัว
หลินหยุนมองไปที่ทั้งสองคนอย่างเย็นชา สีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “อานุภาพของดาบเฮ่าเทียนนี้ช่างทรงพลังอย่างมาก ข้าใช้พลังบำเพ็ญเพียงแค่ห้าส่วน นึกไม่ถึงพลังอานุภาพสามารถเทียบเท่าได้กับตอนที่ข้าใช้สิบแปดท่าต้าเต๋าอย่างเต็มพลังแล้ว! ”
ผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกาสองคน ลุกขึ้นจากพื้น โดยที่ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย และกลับยิ้มเยาะให้กับหลินหยุนอย่างมั่นใจ: “ไอ้หนุ่มชาวจีน ข้ายอมรับว่านายแข็งแกร่งมาก ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่านักบู๊ชาวจีนที่พวกข้าเคยพบเจอมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด แต่ว่านายก็ไม่สามารถที่จะทำลายชุดเกราะของพวกข้าลงได้”
“ถ้าหากต่อสู้กันต่อไปอีก ชี่แท้ของนายก็คงจะถูกพวกข้าล้างผลาญไปจนหมด นายไม่มีทางเอาชนะพวกข้าได้หรอก”
“นำแก้วหินออกมามอบให้ซะดี ๆ แล้วพวกข้าก็จะปล่อยนายไป”
ชาวเอมริกาสองคนนี้ คาดการณ์ได้เฉียบแหลมมาก โดยที่ชี่แท้ของหลินหยุนก็จะสิ้นเปลืองไปจนหมด ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขาก็จะลดน้อยลงไปอย่างรวดเร็ว
หากไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์แล้ว ชุดเกราะนี้ก็เหมือนกับเสือที่ไร้เขี้ยวไร้กรงเล็บ ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
“พวกนายคิดว่า ข้าไม่สามารถทำลายกระดองเต่าของพวกนายได้อย่างนั้นเหรอ? ” หลินหยุนสีหน้าเฉยชา เมื่อนึกคิดขึ้น ลำแสงสีแดง ก็ล่องลอยมาจากแดนไกล ลอยวนเวียนอยู่เหนือศีรษะของเขาประมาณสามฟุต
“ไป! ”
ดาบเฮ่าเทียนเปล่งประกายแสงสีแดง และพุ่งเข้าจู่โจมด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า ฟาดฟันเข้าใส่ผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกาสองคนนั้นอีกครั้ง
“ไอ้หนุ่ม พวกนายชาวจีนมีคำพูดอยู่คำหนึ่งว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ต่อให้พลังการโจมตีของนายจะทรงพลังมากแค่ไหน แต่ก็ยังคงไม่สามารถทำลายชุดเกราะของพวกข้าลงได้”
“ตอนนี้ จะทำให้นายต้องตายใจ! ”
ผู้เข้าแข่งขันชาวอเมริกา ยืนตรงยืดอกขึ้น แล้วมองไปที่หลินหยุนด้วยความเหยียดหยาม โดยที่ไม่มีการหลบหลีกใด ๆ