จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 751 คนตระกูลหลินสู้รบกันเอง
โจงจินเล่ย์เดินขึ้นไปข้างหน้าสองก้าว มองดูเยนหนานเทียน แล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ท่านลงมือ ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ!”
เยนหนานเทียนมองดูโจงจินเล่ย์ สีหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นเดิม “แกอยากจะออกหน้าแทนเขาเหรอ?”
“นั่นเป็นลูกศิษย์ของฉัน ท่านสังหารลูกศิษย์ของฉันต่อหน้าฉัน ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาไปหน่อยแล้ว!” ยังไงเสียโจงจินเล่ย์ก็ยังนับว่าเป็นปรมาจารย์บู๊คนหนึ่ง มีความหยิ่งทะนงในตัวของตัวเอง
“ฉันก็ไม่เคยเห็นแกอยู่ในสายตาอยู่แล้ว” เยนหนานเทียนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ท่าทีกลับดูจริงจังมาก
“ท่าน……” โจงจินเล่ย์สีหน้าโกรธเคือง
“งั้นก็ให้ฉันรับมือกระบวนท่าเด็ดของท่านหน่อย!”
พูดถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้โจงจินเล่ย์ไม่อยากจะลงมือ แต่ก็ต้องลงมือแล้ว
ฟุ๊บ!
เหมือนสายลมแรงพัดผ่านไป
เมื่อสิ้นเสียงของโจงจินเล่ย์ลง ทันใดนั้นก็ปรากฏลำแสงสีขาวเว็บเข้ามาตรงหน้าทันที เยนหนานเทียนใช้นิ้วทั้งสองแทนกระบี่ ทิ่มลงไปบนหน้าอกของโจงจินเล่ย์
“ไวมากเหลือเกิน!”
โจงจินเล่ย์ตกใจ รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งชกหมัดออกไปหนึ่งที “หมัดเทพสมปราถนา!”
คลิกคลัก!
แขนของโจงจินเล่ย์ง ก็แตกละเอียดทันที
แต่ว่า นิ้วที่เสมียนกระบี่ของเยนหนานเทียนนั้น ก็ยังคงไม่ลดราวาศอก ทิ่มทะลุลงไปใจกลางหน้าอกของโจงจินเล่ย์ทันที
แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น โจงจินเล่ย์ก็ตายแล้ว!
ก่อนที่จะสิ้นลมนั้น สีหน้าของโจงจินเล่ย์ ยังคงแสดงความเหลือเชื่อออกมา
เป็นถึงปรมาจารย์บู๊คนหนึ่ง ถึงกับถูกคนสังหารด้วยกระบวนท่าเพลงเดียวเท่านั้น!
ถ้าหากลือไปถึงหูของคนในวงการโลกบู๊ละก็ จะต้องกลายเป็นหัวข้อประเด็นร้อนที่พูดคุยกันไม่จบสิ้นอย่างแน่นอน
ปรมาจารย์โลกบู๊ นั่นล้วนแต่ต้องเป็นคนที่ยืนอยู่จุดสูงสุดในโลกบู๊เท่านั้น
แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงแล้ว เป็นถึงปรมาจารย์โลกบู๊ ถึงกับไม่มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้อะไรได้เลย
“ไปกับฉัน หรือว่าตอนนี้จะให้ฉันฆ่าพวกแกให้ตายหมดตรงนี้ก่อน” เยนหนานเทียนสีหน้าไร้ความรู้สึก มองดูนายท่านหลินด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ดูราวกับว่า ได้สังหารผู้คนไปติดต่อกันถึงสองคน เหมือนกับใช้มือบี้มดตายไปสองตัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไม่สามารถทำให้ในใจของเยนหนานเทียนรู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
สีหน้านายท่านหลินเคร่งเครียด ตอนนี้ เขาก็เข้าใจบ้างแล้วว่าคนที่ท่าทางคล้ายครูบาอาจารย์ในชุดยาวสีขาวคนนี้ เป็นคนประเภทไหนกันแน่
ถึงแม้ว่านายท่านหลินไม่ใช่คนในวงการโลกบู๊ก็ตาม สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับโลกบู๊นั้น ก็พอได้ยินมาบ้างไม่น้อย
เขามองดูเยนหนานเทียน พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “สัญญาข้อตกลงระหว่างโลกบู๊กับโลกมนุษย์นั้น คุณคิดจะทำลายเหรอ?”
เยนหนานเทียนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ฉันได้ทำลายไปหมดแล้ว”
นายท่านหลินก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไป ก้มหน้าลง ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เขาก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “คนตระกูลหลินจะไปกับคุณ!”
“อย่านะ เจ้าบ้าน เขาสามารถฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าพวกเราไปเขาแล้ว จะต้องตายอย่างแน่นอนเลย” หลินตงเย่วร้องตะโกนอย่างตกใจกลัว
“มือสังหารคือหลินหยุน ทำไมถึงต้องให้พวกเราตายแทนเขาด้วยล่ะ! เขาฆ่าคนแล้ว ก็หนีหายจากไปไม่เห็นแม้แต่เงา กลับจะให้พวกเรารับเคราะห์แทนเขา มีสิทธิ์อะไรล่ะ!”
“ถูกต้อง! ฉันก็เคยพูดแต่แรกแล้วว่า หลินหยุนเป็นตัวซวย จะช้าหรือเร็วก็ต้องทำให้ตระกูลหลินพบกับหายนะอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกคุณเชื่อแล้วสินะ!” หลินเห้าก็ยืนขึ้นมาตะโกนพูด ในใจถึงกับมีความรู้สึกสะใจที่ได้ระบายอารมณ์โกรธแค้นนี้ออกมา
หานเจียวเจียวก็ถือโอกาสลุกขึ้นมา ชี้หน้าหวางซูเฟินแล้วตะโกนพูดว่า “เธอก็คือแม่บังเกิดเกล้าของหลินหยุน แกอยากจะแก้แค้น ก็ไปหาเธอได้เลย อย่ามาหาพวกเรา พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์นะ!”
สวี่เหม่ยเย้นพูดเยาะเย้ยด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “ถูกต้อง ใครเป็นต้นเหตุก็ไปหาคนนั้นสิ ถ้าแกต้องการแก้แค้นก็ไปหาพ่อแม่ของเขาก็ได้ อย่ามาทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วยเลย!”
“พวกเราต่างก็ไม่ชอบหน้าเจ้าเด็กนั่นมาโดยตลอด ถ้าเขาตายไปได้ พวกเขาจะตบมือฉลองด้วยความยินดีเลย!”
เดิมทีพวกเดินสายกลางที่ค่อนข้างเอนเอียงมาทางหลินหยุนนั้น เมื่ออยู่ภายใต้การข่มขู่ของเยนหนานเทียนแล้ว ตอนนี้ต่างก็รีบลุกขึ้นมาด่าทอหลินหยุนกันใหญ่ รีบตัดความสัมพันธ์กับหลินหยุนออกไปทันที
ดูราวกับว่าถ้ายิ่งด่ารุนแรงมากขึ้นเท่าไร เยนหนานเทียนก็จะยอมปล่อยพวกเขาไป
หลินตงหัวสีหน้าโกรธเคือง ขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกละอายใจ เดิมทีนึกว่า หลินหยุน เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหลิน แต่คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้สร้างความรุ่งเรืองให้กับตระกูลหลินเลย ก็นำพาหายนะอันใหญ่หลวงขนาดนี้มาสู่ตระกูลหลินแล้ว
หวางซูเฟินก็แอบร้อนใจ พลังความสามารถของคนที่อยู่ตรงหน้า แข็งแกร่งจนทำให้รู้สึกหวาดผวา เกรงว่าต่อให้หลินหยุนกลับมาทัน ก็ไม่สามารถรับมือไหวได้
หลินตงหัวเดินไปตรงข้างหน้านายท่านหลินคู่ คุกเข่าโขกศีรษะลงบนพื้น แล้วพูดว่า “คุณพ่อครับ เป็นเพราะผมเลี้ยงลูกไม่ดีเอง ทำให้ตระกูลหลินต้องเดือดร้อน ถ้าหากทำได้ละก็ ผมยอมรับผิดแทนหลินหยุนเอง ชดใช้ความผิดที่หลินหยุนได้ทำเอาไว้ด้วยความตาย!”
หานเจียวเจียวรีบตะโกนใส่เยนหนานเทียนด้วยความดีใจว่า “คุณได้ยินหรือยัง เขายอมรับผิดแทนลูกชายแล้ว ให้เขาใช้ชีวิตแลกชีวิตไปสิ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะ!”
“ใช่ ลูกชายทำผิด พ่อก็ต้องรับกรรมแทน เป็นเรื่องที่ถูกทำนองคลองธรรมแล้ว อย่ามาทำให้คนอย่างพวกเราที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย!”
คนตระกูลหลินร้อยละแปดสิบ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน พยายามขายหลินตงหัวออกไป อย่างสุดฤทธิ์
นายท่านหลินสีหน้าดำคล้ำ
นี่ก็คือคนของตระกูลหลิน ที่สามารถขายพี่น้องร่วมท้องเดียวกันของตัวเองออกไป อย่างไร้เยื่อใยยิ่งกว่าศัตรูเสียอีก
ตระกูลหลินเช่นนี้ ยังจะไปได้ไกลอีกนานเท่าไหร่กัน”
แต่ว่า เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามถึงชีวิตตรงหน้าแล้ว ต่อให้เขาเป็นเจ้าบ้าน ก็ไม่มีทางที่จะไปยื่นเงื่อนไขอะไรให้คนอื่นทำตามได้เลย
ได้แต่พูดตำหนิด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดว่า “หุบปาก จะยังไงก็แล้วแต่ตงหัวก็ยังเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับพวกนาย พวกนายทำกับเขาได้ถึงเพียงนี้เชียวเหรอ?”
ถ้าอยู่ในสภาวะปกติแล้ว คำพูดของนายท่านหลิน อาจจะพูดมีน้ำหนักอยู่บ้าง อย่างน้อย อำนาจบารมีของเจ้าบ้านก็ยังอยู่ตรงหน้า
แต่ว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็เผชิญกับภัยคุกคามถึงชีวิตที่อยู่ตรงหน้า แม้แต่ชีวิตก็แทบจะหาไม่แล้ว ใครจะไปแยแสว่า เจ้าบ้านจะโกรธหรือไม่?
รักษาชีวิตของตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า!
มิหนำซ้ำหานเจียวเจียวยังตะโกนพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยท่ามกลางผู้คนว่า “เจ้าบ้าน พวกเรารู้ดีว่าในใจของท่านให้ความสำคัญกับเจ้าเด็กหลินหยุนนั่นอย่างมาก แต่ว่า ความหายยานะครั้งนี้เขาเป็นคนก่อขึ้นเอง ไม่ควรให้พวกเราต้องเดือดร้อนไปตายพร้อมกับเขาด้วยเลย!”
“หลินหยุนเป็นหลานชายคุณ ในตัวพวกเราก็มีเลือดของตระกูลหลินอยู่ด้วยกันทั้งนั้น คุณจะมาลำเอียงอย่างนี้ไม่ได้นะ!”
คำพูดของหานเจียวเจียวที่ราดน้ำมันลงบนกองไฟ ทำให้คนบางส่วนที่เดิมทียังเกรงกลัวบารมีของเจ้าบ้านอยู่บ้าง ถึงกับไม่แยแสอะไรอีกต่อไปแล้ว
“ถูกต้อง พวกเราต่างก็เป็นลูกหลานของตระกูลหลินเหมือนกัน เจ้าบ้านจะทำเพื่อหลินหยุนเพียงคนเดียว แล้วให้พวกเราไปตายด้วยกันหมดไม่ได้นะ!”
“ใครทำอะไรไว้ก็ต้องไปสะสางกับคนนั้น คุณอยากแก้แค้น ก็ไปหาหลินหยุนและยังมีพ่อแม่ของเขาอีก พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งนั้น!”
“พ่อแม่ของหลินหยุนก็อยู่ที่นี่แล้ว คุณก็จับพวกเขาไปก็สิ้นเรื่อง อย่าทำให้พวกเราเดือดร้อนเลยนะ!”
ผู้คนต่างตะโกนร้องด้วยความร้อนรน บางคนก็รีบตัดความสัมพันธ์กับหลินหยุนทันที ยิ่งไปกว่านั้นยังเริ่มด่าทอหลินหยุนเป็นกันใหญ่ สาปแช่งหลินหยุนไม่ให้ตายดี
นายท่านหลินและผู้อาวุโสทั้งสี่ของตระกูลหลินที่เหลือ ก็พยายามลุกขึ้นมา พูดเตือนทุกคนให้ใจเย็นลงก่อน
แต่ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ นายท่านทั้งห้าของตระกูลหลินก็ไม่สามารถควบคุมไว้ได้อีกแล้ว
ในเสี้ยวเวลาที่ชีวิตเผชิญกับภัยคุกคามนั้น ก็เป็นเวลาที่แสดงธาตุแท้ของผู้คนออกมาได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
เยนหนานเทียนมองดูคนของตระกูลหลินสู้รบกันเองอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน
เขาชอบบรรยากาศเช่นนี้มาก ทำให้ศัตรูคู่แค้นของเขาทุกคน รู้สึกมีภัยอยู่รอบด้าน ได้รับความทรมานจากความหวาดกลัว หลังจากนั้นก็ให้ความหวังแก่พวกเขา ทำให้พวกเขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็สังหารพวกเขาอย่างเลือดเย็น
ในเวลานั้น ความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาย่อมจะต้องเผชิญกับความสิ้นหวังที่พังทลายลงตรงหน้า พวกเขาก็จะละทิ้งเกียรติยศศักดิ์ศรีทุกอย่าง แล้วเหมือนสุนัขที่กระดิกหางเพื่อขอความเมตตาสงสาร
เขาต้องการที่จะทรมานคนตระกูลหลิน ให้ดีที่สุดจะต้องทำต่อหน้าปรมาจารย์หลินด้วย ให้เขาเห็นความน่ารังเกียจของญาติสนิทของตัวเอง ให้เขาเห็นตระกูลของตัวเองดับสูญไปด้วยตาตัวเอง
มีเพียงเช่นนี้เท่านั้น จึงจะสามารถสลายความแค้นในใจของเยนหนานเทียนได้!
เมื่อรอถึงเวลาที่เหลือแต่เสียงสาปแช่งและด่าทอหลินหยุนของคนตระกูลหลินแล้ว เยนหนานเทียนจึงเอยปากพูด ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียดสี
“ฉันจะฆ่าใคร ต้องรอให้พวกคุณเลือกให้ด้วยเหรอ?”
ภายในห้องโถงใหญ่นั้น ก็เงียบสงบลงทันที
คาดว่าคนจำนวนมากที่ขายแม้กระทั่งพี่น้องตระกูลเดียวกันเช่นนี้ สุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นเคราะห์กรรมอยู่ดี
ในขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น เยนหนานเทียนก็เปลี่ยนเรื่องพูดทันทีว่า “แต่ว่า ฉันต้องการคัดเลือกสิบคนออกมา รับผิดชอบคุ้มกันคนที่เหลือ เพื่อไปส่งที่หน้าหลุมฝังศพของลูกชายและหลานชายของฉัน! พวกแกใครจะยอมอาสารับผิดชอบคุ้มกันคนตระกูลเดียวกับตัวเองไปบ้าง?”
“ต้องการเพียงแค่สิบคนเท่านั้น รับจำนวนจำกัด ใครมาก่อนมีสิทธิ์ก่อน!”