จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 752 หินทิพย์
ทุกคนตระกูลหลิน ต่างก็อยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ถ้าหากเป็นคนสิบคนนี้ ย่อมไม่ต้องตายแล้ว
แต่ว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าทรยศต่อวงศ์ตระกูล แล้วยังจะต้องฉาวโฉ่ด้วยการถูกประณามว่าไม่ซื่อสัตย์ อกตัญญู แล้งน้ำใจอีกด้วย มิหนำซ้ำหลังจากตายไปแล้ว ยังต้องถูกผู้คนถ่มน้ำลายสาปแช่ง ทำให้เสียชื่อเสียงไปตลอดกาลชั่วลูกชั่วหลาน
แต่ถ้าไม่ทรยศต่อวงศ์ตระกูล งั้นก็จะต้องไปตายแทนเจ้าเด็กหลินหยุนนั่น
นายท่านตระกูลหลินพูดด้วยสีหน้าโกรธเคืองว่า “ทุกคนอย่าได้หลงกล เขาเจตนาทำให้พวกเราตระกูลหลินต้องฆ่ากันเอง!”
ไม่มีใครเชื่อฟังคำพูดของนายท่านหลินเลย ต่อให้ทุกคนต่างก็ดูออกว่าเป็นแผนการชั่วร้ายของเยนหนานเทียนก็ตาม แต่ว่าขอเพียงรักษาชีวิตของตัวเองให้ปลอดภัยไว้ก่อน จะฆ่าทำลายหลินหยุนอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองเลย
“ฉัน ฉันยอมช่วยคุ้มกันคนพวกนี้ให้คุณเอง!” หานเจียวเจียวเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นมา แล้ววิ่งไปอยู่ข้างกายของเยนหนานเทียน ด้วยท่าทางที่แทบจะคุกเข่าให้อย่างไร้ศักดิ์ศรี
หลินเหวยคางสามีของหานเจียวเจียว ตะคอกเสียงดังว่า “เจียวเจียว คุณทำอะไรเนี่ย? กลับมานะ!”
ถึงแม้ว่าหลินเหวยคางคอยช่วยเหลือหานเจียวเจียวในการกดดันครอบครัวของหลินหยุนก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การต่อสู้กันภายในครอบครัวเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นคนตระกูลหลิน
ถ้าให้เขาทรยศต่อตระกูลหลินละก็ หลินเหวยคางก็ไม่มีทางที่จะยอมรับได้
หานเจียวเจียวพูดเยาะเย้ยว่า “กลับไปทำไมล่ะ? ไปตายหรือไง? เจ้าบ้านเข้าข้างแต่เจ้าเด็กหลินหยุนนั่น คิดจะเอาคนทั้งหมดไปตายแทนเจ้าเด็กนั่น ฉันคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ฉันจะไม่ยอมตายแทนเจ้าเด็กคนนั้นอย่างเด็ดขาด”
หลินเหวยคางพูดด้วยความโกรธว่า “งั้นคุณก็ไม่ควรจะไปช่วยศัตรูทำเรื่องชั่วร้าย ช่วยเขาคุ้มกันคนตระกูลหลินไปส่งนี่นา! คุณอยากจะถูกสาปแช่งไปตลอดกาลชั่วลูกชั่วหลานเหรอ?”
หานเจียวเจียวพูดเยาะเย้ยด้วยความเหยียดหยามว่า “ถูกสาปแช่งไปตลอดกาลชั่วลูกชั่วหลานเหรอ? ฮ่าๆ อีกไม่กี่วันตระกูลหลินจะยังอยู่อีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ถ้าคนตระกูลหลินตายกันหมดแล้ว ใครจะมาด่าฉันล่ะ?”
“เหวยคาง คุณอย่าโง่ไปเลย รีบเข้ามาเร็ว อย่าไปตายแทนเจ้าเด็กนั่นเลย มีโควตาเพียงแค่สิบคนเท่านั้น อีกประเดี๋ยวก็จะไม่มีโอกาสแล้ว”
หลินตงเย่วสีหน้าบึ้งตึง ไม่พูดไม่จาแล้วเดินเข้าไปหา “ฉันก็ยอมช่วยคุ้มกันคนตระกูลหลินไปส่งให้คุณ!”
นายท่านหลินสีหน้าสิ้นหวัง หลินตงเย่วเป็นลูกชายแท้ๆในไส้ของเขาเอง คิดไม่ถึงเลยว่า เขาถึงกับทรยศต่อตระกูลหลินได้
หลังจากนั้น สวี่เหม่ยเย้นภรรยาของหลินตงเย่วก็เดินเข้าไป
“โร่หลัน โร่สุ่ย พวกแกสองคนก็เข้ามานี่!”
หลินโร่หลันเดินเข้าไปอย่างเงียบๆด้วยสีหน้าบึ้งตึง ยืนอยู่ข้างกายสวี่เหม่ยเย้น ไม่พูดไม่จาอะไร
สีหน้าของหลินโร่สุ่ยตกตะลึง ทั้งละอายใจและโกรธแค้น “พ่อคะแม่คะ พี่ พวกนายทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้!”
“ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่ยอมเข้าไป!”
นายท่านหลินสีหน้าท่าทางพูดอะไรไม่ออก พูดอย่างหมดทางเลือกว่า “เจ้าสาม นายทำให้ฉันผิดหวังมากเลย!”
หลินตงถิงก็พูดตำหนิว่า “เจ้าสาม นายทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ได้! คนอื่นสามารถจะทรยศตระกูลหลินได้ แต่ต้องไม่ใช่นาย รีบกลับมาเร็ว!”
หลินตงเย่วไม่ได้สนใจ ดูเหมือนว่าตัดสินใจแน่วแน่แล้วที่จะทรยศตระกูลหลิน
เยนหนานเทียนแสดงท่าทีเหมือนเล่นเกมแมวจับหนู แล้วพูดว่า “ยังเหลืออีกหกคนเท่านั้น พวกแกก็รีบตัดสินใจเร็วหน่อยนะ รับจำนวนจำกัด”
“ฮื่อ แม้แต่สวี่เหม่ยเย้นกับหลินตงเย่วก็ยังเข้าไปเลย พวกเราจะยืนหยัดไปเพื่ออะไรกัน!”
“ก็นั่นน่ะสิ หลินตงเย่วเป็นถึงลูกหลานสายเลือดโดยตรงของเจ้าบ้านเชียวนะ แม้แต่เขายังทรยศเลย แล้วพวกเรามีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปตายแทนหลินหยุนล่ะ!”
“ฉันก็ยอมช่วยคุ้มกันคนตระกูลหลินไปส่งให้คุณด้วย”
ก็มีคนอีกหนึ่งวิ่งเข้าไปแล้ว
“ฉัน ฉันก็ยอม!”
คราวนี้มีถึงสิบคนที่วิ่งเข้าไปพร้อมกัน
เยนหนานเทียนพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ยังเหลือโควตาอีกแค่ห้าคนเท่านั้น พวกแกภายใน สิบคนนี้ จะอยู่ได้เพียงแค่ห้าคนเท่านั้น”
“อ้าว ทำยังไงดีล่ะ?” ทั้งสิบคนนั้น มองหน้ากันไปมา ต่างก็ไม่ยอมถอยออกไป
เสียงที่เต็มไปด้วยมนตร์คาถาของเยนหนานเทียนก็ดังขึ้น “สังหารคู่ต่อสู้ของพวกแกสิ ก็จะไม่มีใครที่มาแย่งชิงกับพวกแกอีกแล้วไง?”
ลูกหลานตระกูลหลินทั้งสิบคน ต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้น ดวงตาก็แดงก่ำ
“ถูกต้อง ขอเพียงกำจัดอีกห้าคนออกไป ฉันก็สามารถได้โควตาหนึ่งในนั้นได้แล้ว”
ในใจของคนทั้งสิบคนนี้ ก็เกิดความคิดชั่วร้ายที่น่ากลัวเช่นนี้ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
การต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันภายในห้องโถงใหญ่ตระกูลหลิน อย่างไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อนเลย
นายท่านหลินโกรธจัด “หยุด ทั้งหมดหยุดเดี๋ยวนี้!”
แต่ว่า ไม่มีใครฟังเขาพูดอีกแล้ว คนของตระกูลหลินเหล่านี้ เหมือนเสียสติไปหมดแล้ว
“แกทำอะไรกับพวกเขาไว้!” นายท่านหลินมองหน้าเยนหนานเทียนด้วยความโกรธ แล้วพูดตะคอกใส่
เยนหนานเทียนหัวเราะเยาะด้วยสีหน้าดูถูก ราวกับเทพเจ้าสูงส่งที่อยู่เบื้องบน เยือกเย็นไร้ความปรานี “ฉันเพียงแค่ดึงความคิดภายใต้จิตสำนึกที่แท้จริงของเขาออกมาเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรเลย”
นายท่านหลินตะคอกเสียงดังด้วยความร้อนรนว่า “ทั้งหมดหยุดเลย! ฉันในฐานะของเจ้าบ้าน สั่งให้ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!”
ไม่มีประโยชน์ ในเวลาที่วิกฤติที่สุดของชีวิตเช่นนี้ อำนาจบารมีไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
นายท่านหลินได้แต่มองดูคนพวกนั้นต่อสู้กัน จนมีคนค่อยๆบาดเจ็บล้มตายไป
นายท่านหลินจนปัญญา หันหน้าไปมองเยนหนานเทียนด้วยความโกรธ “ฉันก็ตกลงไปกับแกแล้วไง ทำไมแกยังจะทำอย่างนี้อีก?”
เยนหนานเทียนพูดอย่างดูถูกว่า “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย นี่เป็นการเลือกทางเดินของคนตระกูลหลินพวกคุณเองทั้งนั้น”
คนที่เข้าร่วมต่อสู้กันนั้น เดิมทีจากสิบกว่าคน ก็ขยายวงกว้างขึ้นเป็นหลายสิบคนแล้ว
สุดท้าย ต่างก็ล้มลงไปบนพื้นด้วยความเหนื่อยล้าอ่อนกำลัง
เหลืออีกไม่กี่คนที่สามารถขยับตัวได้ เยนหนานเทียนไม่ได้ผิดสัญญา ก็ให้โควตาพวกเขาไป
“เจ้าบ้านหลิน ตามฉันมา!”
“พวกแกรับผิดชอบคุ้มกันไปส่งพวกเขา ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งหนีรอดไปได้ ฉันก็จะเอาพวกแกมาชดใช้แทน”
เยนหนานเทียนพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น เต็มไปด้วยพลังจิตสังหาร
พวกหลินตงเย่ว ต่างก็รู้สึกตกใจ รีบพยักหน้าตอบรับ
คนจำนวนมากมายก็ยกขบวนอย่างเอิกเกริก มุ่งหน้าไปยัง ภูเขาเจี้ยนเฟิงมณฑลเจียงหนาน
……
ภายในสนามล่าเจ็ดเผ่านั้น หลินหยุนกำลังตามล่าสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่อง
ริมทางข้างลำธารเล็กๆแห่งหนึ่ง ได้พบกับสมาชิกทีมฝรั่งเศสหนึ่งคนและสมาชิกทีมอังกฤษอีกหนึ่งคน
ทั้งสองคนเมื่อเห็นหลินหยุนมาคนเดียว รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
“เจ้าเด็กน้อยชาวจีนช่างน่ารักและโง่เขลาจริงๆ เขาถึงกับมาล่าสัตว์ประหลาดโดยลำพังคนเดียว!”
ชายหนุ่มรูปหล่อชาวฝรั่งเศสคนนั้น สีหน้าที่ชั่วร้ายพูดด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
“กอร อย่าพูดไร้สาระ ให้เขามอบแก้วหินออกมา!” ชายวัยกลางคนตาน้ำข้าวผมสีทอง ชาวอังกฤษคนนั้น ตะคอกด้วยเสียงเข้ม
ชายหนุ่มที่ชื่อกอร เมื่ออยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคนชาวอังกฤษ ดูเหมือนรู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด “รู้แล้ว นายไม่ต้องมาสอนฉันหรอก!”
หลังจากนั้น ในขณะที่มองดูหลินหยุนนั้น ท่าทางของกรอกลับนุ่มนวลเป็นมิตรมากขึ้น
“คุณมาคนเดียว น่าจะได้พบแก้วหินไม่น้อยเลยสิ! เอาแก้วหินออกมาให้หมด แล้วฉันจะปล่อยคุณไป” กอรพูดด้วยสีหน้าหว่านล้อม
หลินหยุนมองดูกอร แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “คุณเป็นแค่ชนเผ่าโลหิตรุ่นสามเท่านั้นเอง ยังไม่คู่ควรที่จะมาแย่งของของฉัน”
พูดจบ หลินหยุนก็ลงมือทันที
เมื่อโบกมือเบาๆ ก็เกิดพลังแข็งแกร่งขึ้นมา พุ่งตรงไประเบิดกอรทันที
แต่ว่า ปฏิกิริยาโต้ตอบของกอรก็ว่องไวมาก หลินหยุนไม่สามารถสัมผัสแม้แต่ปลายเสื้อของกอรเลย
แน่นอน หมัดนี้หลินหยุนเพียงแค่ใช้ทดสอบเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาที่จะจู่โจมเขาอย่างจริงจัง
กอรก็ไปปรากฏตัวอยู่อีกทางหนึ่ง มองดูหลินหยุนด้วยสีหน้าภูมิใจแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กน้อยชาวจีน คุณถึงกับกล้าลอบทำร้ายเอิร์ลแดรกคูลาผู้สูงศักดิ์ คุณจะต้องชดใช้สิ่งที่ทำเอาไว้อย่างสาสม”
ร่างกายของกอรก็หายวับไปทันที กลายเป็นกระแสลม พุ่งชนไปยังหลินหยุนอย่างรวดเร็ว
ชายวัยกลางคนชาวอังกฤษคนนั้น ก็ยกหอกอัศวินในมือของเขาขึ้นมา แทงไปยังหลินหยุนอย่างแรง
กอรเป็นเพียงแค่ท่านเอิร์ลเผ่าโลหิตเท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับคาร์นอตวิลเลียมแล้วยังห่างไกลกันมาก ถึงแม้ว่ายังมีอัศวินโต๊ะกลมคนหนึ่งคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆก็ตาม ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินหยุนเลย
เพียงแค่กระบวนท่าเดียวนี้ ทั้งสองคนถึงกับถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำลายยันต์หยกไปด้วย
“หนีไป!”
หลินหยุนไม่ได้รั้งสองคนนั้นไว้ ทั้งสองคนนี้เป็นเพียงแค่ตัวประกอบเล็กๆเท่านั้น ชีวิตของพวกเขาสำหรับหลินหยุนแล้ว ไม่ได้น่าสนใจอะไรเลย
มองไปยังตำแหน่งเดิมที่ทั้งสองคนยืนอยู่นั้น หลินหยุนยื่นมือออกไป มีหินหยกแวววาวชิ้นหนึ่ง ลอยขึ้นมาจากพื้นแล้วตกลงบนมือของหลินหยุน
“นี่ถึงกับเป็นหินทิพย์เชียว!”
หลินหยุนรู้สึกตกใจ จากนั้นก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันที