จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 778 ผังการจัดลำดับเทพปรากฏขึ้นแล้ว
ในสมัยโบราณกาล เคยมีผู้วิเศษคนหนึ่ง มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการดูดซับพลังชี่จากฟ้าดินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
สามารถพลิกแม่น้ำฝ่ามหาสมุทร เรียกลมเรียกฝน เดินทางหมื่นลี้ภายในวันเดียว
ผู้คนต่างเรียกเขาว่า ผู้ฝึกชี่
ในซานไห่จิงเคยบันทึกถ้อยคำตอนนี้เอาไว้ น่าจะเป็นการบรรยายถึงผู้บำเพ็ญเซียนในยุดสมัยเริ่มแรก
ในตอนนั้น ถูกเรียกว่าผู้ฝึกชี่
จะเห็นได้ว่า พื้นฐานของผู้บำเพ็ญเซียน ก็อยู่ที่คำว่าชี่นี่เอง
ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นการฝึกฝนนั้น ต้องเริ่มจากการรับรู้ชี่ทิพย์ฟ้าดินก่อน จากนั้นก็สูดชี่เข้าไปสู้ร่างกาย เพื่อฝึกจิงให้สร้างชี่ซึ่งก็คือพลังชีวิต
หลังจากนั้น ก็ฝึกซี่ให้เป็นเสินหรือเรียกว่าจิตนึกคิด จนเกิดญาณหยั่งรู้ได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่พ้นคำว่าชี่เลย
ฝึกฝนพลังชี่ฟ้าดินได้สำเร็จ สามารถกลั่นยาวิเศษได้
การกลั่นยาทองออกมาได้นั้น ก็ต้องเริ่มจากการฝึกชี่นั่นเอง
ตัวอ่อนยาทอง ก็คือรากฐานของยาทอง เปรียบเสมือนรากฐานของสิ่งก่อสร้างที่สูงเสียดฟ้านั่นเอง
ถ้าหากเปรียบยาทองเสมือนเด็กทารกคนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วตัวอ่อนยาทองก็เทียบเท่ากับตัวอ่อนที่จะเติมโตเป็นเด็กทารกนั่นเอง
การสร้างตัวอ่อนยาทอง เป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก
ก่อนอื่น จะต้องผนึก‘ชี่’ให้แน่วแน่ถึงจุดระดับหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆขัดให้เรียบจนได้รูปทรงที่แน่นอน
ในเวลานี่เอง รูปทรงแรกเริ่มของยาทองก็เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว
โดยทั่วไปแล้ว ผู้บำเพ็ญเซียนในเวลานี้ ก็จะต้องเข้าถึงแดนรวมยาระยะแรกแล้ว
หลินหยุนก็ปล่อยปราณสีม่วงหงเหมินที่อยู่ในแหวนเก็บของออกมา จากนั้นก็กลืนกินลงไปจนหมด
หลังจากนั้น วิชาผนึกกำลังสุดกลืนสวรรค์ที่แข็งแกร่งก็ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเริ่มผนึกปราณสีม่วงหงเหมิน
เมื่อปราณสีม่วงหงเหมินถูกผนึกจนได้ที่แล้ว หลินหยุนก็เริ่มใช้พลังภายในค่อยๆขัดปราณสีม่วงหงเหมินให้เรียบจนเสร็จสมบูรณ์ กลายเป็นรูปทรงแรกเริ่มของยาทอง จากนั้นก็ยึดรูปทรงให้แน่น จึงนับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ในเวลานี้ พลังทิพย์ที่สะสมอยู่ในตัวของผู้บำเพ็ญเซียน ก็จะเคลื่อนจากจุดตันเถียนไป กลายเป็นตัวอ่อนยาทอง
ถ้าหากเปรียบจุดตันเถียนเป็นเหมือนทะเลกว้างใหญ่ เช่นนั้นแล้ว ตัวอ่อนยาทองก็คือเกาะเกาะหนึ่งในทะเลกว้างใหญ่นั่นเอง
น้ำในทะเลกว้างใหญ่ที่ไร้ขอบเขต มีปริมาณมากกว่าหมู่เกาะไม่รู้กี่เท่าตัว
แต่ว่า ถึงแม้น้ำทะเลจะมีมากเพียงใด ก็เทียบไม่ได้กับมวลน้ำหนักของพื้นดิน
ผู้บำเพ็ญเซียนที่ไม่สามารถสร้างตัวอ่อนยาทองนั้น ชี่ทิพย์ในร่างก็เหมือนกับน้ำในทะเล กว้างใหญ่ ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนที่สร้างตัวอ่อนยาทองได้แล้ว ชี่ทิพย์ในร่างก็จะเปลี่ยนจากน้ำเป็นผืนแผ่นดินบนหมู่เกาะ
ถึงแม้จำนวนปริมาณน้อยมากก็ตาม แต่ว่า ในด้านมวลน้ำหนักก็ยังแข็งแกร่งกว่าหลายเท่าตัวทีเดียว
ความแตกต่างระหว่างทั้งสอง ก็เหมือนกับสาดน้ำหนึ่งถังลงบนศีรษะคุณ กับการใช้ก้อนหินทุบลงบนศีรษะคุณเช่นนั้น
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ยาทอง ก็เปรียบเสมือนเป็นจุดเปลี่ยนของการยกระดับคุณภาพชี่ทิพย์ของผู้บำเพ็ญเซียนนั่นเอง
ใช้ชี่ทิพย์ภายในจุดตันเถียนที่มีความซับซ้อนมาก มาปรับเปลี่ยนให้เป็นชี่ทิพย์ที่มีพลังแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ตัวอ่อนยาทอง และยาทองมีสรรพคุณคล้ายคลึงกัน แต่ว่าเมื่อเทียบกับยาทองจริงๆแล้ว พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงก็ยังด้อยกว่ามากทีเดียว
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เมื่อเทียบกับตอนที่ไม่มีตัวอ่อนยาทองแล้ว พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงก็ยังแข็งแกร่งมากกว่าหลายเท่า
ถ้าเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่สร้างตัวอ่อนยาทองเป็นครั้งแรก นั่นเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากมากอัตราความล้มเหลวมีถึง 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
เมื่อชาติที่แล้ว ตอนที่หลินหยุนสร้างตัวอ่อนยาทองขึ้นครั้งแรกนั้น ต้องทำถึงสามครั้งถึงจะสำเร็จ แต่นั่นก็ยังนับได้ว่าเป็นถึงอัจฉริยะแล้ว
แต่ว่าในคราวนี้ หลินหยุนมีความมั่นใจว่าจะไม่ล้มเหลวอีกแล้ว
หลินหยุนตั้งหน้าตั้งตาสร้างตัวอ่อนยาทอง จึงได้ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
กลับไม่รู้ว่าตอนนี้โลกภายนอกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดที่ว่าพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกันเลยทีเดียว
ตอนแรกก็เป็นผังการจัดลำดับที่แจ้งเกิดล่าสุดของหอพันกล หลินชางฉองเมื่อก่อนเป็นคนที่ได้ที่หนึ่งในผังจัดลำดับปรมาจารย์นั้น ก็ได้ถูกลบออกจากผังการจัดลำดับปรมาจารย์ไปแล้ว
หลังจากนั้น ทุกคนต่างก็พบว่า ผังการจัดลำดับที่มีอยู่เดิมนั้น ถึงกับมีผังการจัดลำดับเทพเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งผังแล้ว
ส่วนชื่อของหลินชางฉอง ก็ได้มาอยู่อันดับที่หนึ่งในผังการจัดลำดับเทพนี้แทน
แต่ว่า นี่ไม่ได้แปลว่าพลังความสามารถของหลินชางฉอง สามารถกระโดดข้ามจากผังการจัดลำดับปรมาจารย์ไปยังผังการจัดลำดับเทพได้เลย จากนั้นก็จะยึดครองผังการจัดลำดับเทพไว้ได้ทั้งหมด
แต่เป็นเพราะว่าผังการจัดลำดับเทพนั้น มีแค่หลินชางฉองเพียงคนเดียวเท่านั้น
พวกนักบู๊ทั้งหลายที่มีพลังฝึกฝนค่อนข้างน้อย ต่างก็รู้สึกฉงน ในความรู้สึกของพวกเขาแล้ว ปรมาจารย์นักบู๊ ก็นับว่าเป็นระดับสูงสุดของโลกบู๊แล้ว
สำหรับผังการจัดลำดับเทพมีความหมายอย่างไรนั้น คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
แต่ว่า ก็ยังมีนักบู๊ที่มีพลังฝึกฝนค่อนข้างสูงจำนวนมาก หลังจากที่ได้เห็นผังการจัดลำดับเทพแล้ว สีหน้าต่างก็เกิดอาการช็อก
เห็นได้ชัดว่า ในจำนวนนักบู๊พวกนี้ ก็รู้ว่ามีแดนเทพปรากฏอยู่จริง
ส่วนพวกผู้คนระดับสูงสุดของโลกบู๊ที่มีจำนวนน้อยมากนั้น กลับรู้สึกกังวลใจมากขึ้น
แดนเทพปรากฏ บู๊โบราณเผยตัว ยาทองเสร็จสิ้น ประตูเซียนเปิดออก
คำพูดที่ร่ำลือกันในตำนาน นักบู๊ระดับต่ำก็ได้แต่เห็นเป็นเรื่องน่าขบขัน
ส่วนพวกนักบู๊ระดับสูงทั้งหลายกลับเข้าใจดีว่า นี่ไม่ใช่เรื่องตลกอย่างแน่นอน
ตอนนี้ ผังการจัดลำดับเทพปรากฏขึ้นแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าในโลกบู๊ มีคนเข้าไปถึงระดับแดนที่ร่ำลือในตำนานนั้นได้แล้วในที่สุด
เช่นนั้นแล้ว โลกบู๊โบราณก็จะเปิดเผยตัวตามมาด้วยใช่หรือไม่?
วงการโลกบู๊ทั้งหมด ก็เกิดกระแสคลื่นใต้น้ำที่แอบเคลื่อนไหวอยู่ ถึงแม้ยังไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่โตอะไรก็จริง แต่ก็เป็นความเงียบสงบที่เหมือนสัญญาณแจ้งเตือนก่อนที่จะเกิดฝนฟ้าคะนองขึ้น
ในที่สุดความสงบเงียบเช่นนี้ ก็เกิดขึ้นหลังจากที่หลินหยุนเก็บตัวได้เจ็ดวันเท่านั้น โดยมีสำนักบู๊เล็กๆสำนักหนึ่งที่อยู่ตามชายแดนซีหนานแจ้งปิดตัวลง เพราะถูกถล่มจนราบคาบ
สำนักบู๊นั้น มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น คนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดภายในสำนักนั้น ก็เพียงแค่แดนพรสวรรค์ระดับใหญ่เท่านั้นเอง
สำนักเช่นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่โดดเด่น แต่ก็ยังเป็นส่วนที่สำคัญในการก่อตั้งโลกบู๊ของประเทศจีน
ส่วนในโลกมโนธรรมนั้น สำนักที่มีพลังความสามารถเช่นนี้ ก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว มากพอที่ทำให้คนธรรมดาทั่วไปชะเง้อมองตามแล้ว
ส่วนคนร้ายที่ทำลายสำนักนี้ กลับใช้สถานที่ของสำนักนั้น ยึดมาเป็นสำนักงานของตัวเองอย่างสบายใจ
บอกว่าเพื่อต้อนรับการกลับมาของยุคสมัยบู๊โบราณ พวกเขาจะใช้ที่นี่เป็นจุดประสานงานกับผู้คนภายนอก
ใช้คำพูดสมัยนี้มาอธิบาย ก็คือที่ทำงานที่อยู่นอกสถานที่ของบริษัทนั่นอง
หลังจากที่สำนักเล็กๆแห่งนี้ถูกทำลายไป เรื่องทำนองนี้ ก็ทยอยเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องราวกันดอกเห็ด
ประเทศจีนทั่วทั้งแผ่นดิน ก็ได้เกิดเรื่องการทำลายล้างสำนักโลกบู๊เช่นนี้ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
แต่ว่า นี่เป็นเพียงการสู้รบกันเองระหว่างนักบู๊ด้วยกันเท่านั้น คนธรรมดาทั่วไปก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ยังคงใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความร่มเย็นเป็นสุข โดยใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่เป็นเรื่องเช่นเดิม
คฤหาสน์ประธานาธิบดีจีน ที่เมืองหลวง
ข่าวคราวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะนี้ ก็ถูกส่งเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นข่าวคราวที่สมาชิกหน่วยมังกรที่รับผิดชอบตรวจตราสำนักโลกบู๊ในแต่ละท้องที่ส่งกลับเข้ามาให้ทั้งนั้น
ประธานาธิบดีนั่งจ้องดูอีเมลแต่ละฉบับบนคอมพิวเตอร์ แล้วพูดกับหงซานเหอที่อยู่ข้างๆว่า “ท่านหง ที่เมืองเจียวในมณฑลตงฝู ก็มีสำนักหนึ่งของโลกบู๊ถูกทำลายล้างไปแล้ว”
“ข่าวแบบนี้ สองสามวันที่ผ่านมาฉันก็ได้รับมาหลายสิบเรื่องแล้ว”
หงซานเหอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แดนเทพปรากฏ บู๊โบราณเผยตัว ยาทองเสร็จสิ้น ประตูเซียนเปิดออก”
“ตอนนี้ แดนเทพก็ได้ปรากฏขึ้นแล้ว สงสัยว่า โลกบู๊โบราณก็คงจะอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว”
“แต่ว่าพวกสำนักเล็กๆพวกนี้ น่าจะเป็นการลองเชิงของพวกเขามากกว่า เก้าสำนักใหญ่สี่สำนักรองเจ็ดสาขาของโลกบู๊ และยังมีอำนาจที่แอบแฝงอยู่ในพรรคเล็กๆพวกนี้ด้วย พวกเขาต่างก็ไม่กล้าที่จะขยับเลย”
“สำนักที่ถูกทำลายไปแล้ว ล้วนแต่เป็นสำนักเล็กๆที่ไม่มีแรงหนุนอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น”
“อีกทั้งพวกที่กระโดดโลดเต้นออกมาตอนนี้ ก็ล้วนแต่เป็นสำนักเล็กๆของโลกบู๊โบราณทั้งนั้น คนของโลกบู๊โบราณทั้งสี่ค่ายใหญ่ ห้าสำนักใหญ่ และตระกูลใหญ่ทั้งเจ็ด ก็ยังไม่มีใครปรากฏตัวออกมาเลย”
ประธานาธิบดีถามว่า “หลินหยุนทางนั้น ไม่รู้เป็นยังไงบ้างแล้ว? ได้ข่าวว่าหวางซูเฟินของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป มีทีท่าว่าจะมาเคลื่อนไหวที่เมืองหลวงแล้ว”
หงซานเหอตกใจ “สงสัยว่า เจ้าเด็กนี่คงเตรียมจะบุกลุยตระกูลหวางแล้วล่ะ!”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ ตระกูลหวางไม่ใช่จะไปแตะต้องตามอำเภอใจได้ เขายังเด็กเกินไป ยังไม่สุขุมเยือกเย็นพอ ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เบื้องหลังของตระกูลหวางเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ได้การแล้ว ฉันจะต้องรีบไปหาเขา แล้วเตือนเขาให้ล้มเลิกความคิดนี้ไปเสีย”
“ยังไงก็ตาม ตระกูลหวางก็ไม่ใช่ที่เขาจะสามารถล้มได้ในตอนนี้”
ประธานาธิบดีพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ต่อให้คุณไปเตือนเขา ก็ห้ามเขาไม่อยู่ นิสัยของเขาคุณน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะ”
หงซานเหอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “งั้นทำยังไงดีล่ะ? เจ้าเด็กนี่เป็นบุคคลที่มีความสามารถทีเดียวจะต้องไม่ให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขาเป็นอันขาด!”
ประธานาธิบดียิ้มเล็กน้อย สายตาค่อนข้างลึกล้ำ “จะต้องมีใครสักคนหนึ่งไปขัดขวางเขาไว้แน่”
หงซานเหอรีบพูดว่า “ในเวลานี้ ยังจะมีใครสามารถห้ามเขาได้อีกล่ะ?”
ทันใดนั้น หงซานเหอก็อึ้งไปสักครู่ มองดูประธานาธิบดีที่สีหน้ายิ้มแย้ม แล้วพูดด้วยความแตกตื่นว่า “คุณหมายถึง คนของสำนักโม่เหมิน!”