จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 781 ถึงกับเป็นผู้บำเพ็ญเซียน
หลินหยุนไม่ได้เชื่อคำพูดของโม่เฉินเลย
แม้แต่สำนักของผู้บำเพ็ญเซียน ก็ไม่มีใครทำตามกฎระเบียบของสำนักทั้งนั้น
กฎระเบียบของสำนักส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นเพียงแค่ไม้ประดับเท่านั้นเอง
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพวกสำนักบู๊บนโลกใบนี้อีกด้วย
กฎระเบียบสำนักของพวกเขา ยิ่งไม่น่าที่จะไปเอ่ยถึงเลย
“ทำตามกฎระเบียบของสำนัก กฎระเบียบของสำนักพวกคุณคืออะไร? คงไม่ใช่ให้คุณมาขวางเส้นทางนี้ของฉันใช่ไหม?” หลินหยุนถามกลับไปอย่างเยาะเย้ย
“กฎระเบียบของสำนักโม่เหมิน มีอยู่สี่ประโยคเท่านั้น” สีหน้าโม่เฉินค่อนข้างสุขุมเคร่งขรึม ท่องเสียงดังออกมาว่า
“มีจิตเมตตาต่อมนุษยชาติ”
“สร้างทางชีวิตใหม่ไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น”
“สืบทอดความรู้นักปราชญ์ในอดีต”
“สร้างความสันติสุขแก่ชาวประชา”
ในขณะที่โม่เฉินท่องสี่ประโยคนี้ น้ำเสียงมุ่งมั่นฮึกเหิม ราวกับคำสาบานที่ให้ไว้เป็นครั้งสุดท้ายของนักรบคนหนึ่ง ที่กำลังเผชิญกับความตายอย่างกล้าหาญ
แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีจิตใจมั่นคงอย่างหลินหยุน ก็อดไม่ได้ที่เกิดอารมณ์ร่วมไปด้วย
จะเห็นได้ว่า ในใจของชายหนุ่มที่แปลกประหลาดคนนี้ คำพูดทั้งสี่ประโยคนี้ไม่ใช่เป็นแค่กฎระเบียบของสำนักเท่านั้น แต่เป็นความเชื่อมั่นศรัทธาของเขาตลอดชีวิตไปแล้ว
มีแต่จดจำสี่ประโยคนี้ไว้ในใจอย่างมั่นคง ลึกซึ้งเข้าไปในกระดูกดำ เวลาที่ท่องออกมานั้น จึงจะสามารถทำให้หลินหยุนเกิดความรู้สึกอารมณ์ร่วมขึ้นมาได้
สีหน้าหลินหยุนเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “ตอนนี้ฉันรู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับความเป็นมาของคุณแล้ว”
“คนที่สามารถพูดสี่ประโยคออกมาได้ ย่อมไม่ใช่เป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณที่กล่าวชม กฎระเบียบของสำนักโม่เหมิน เป็นกฎระเบียบที่ผู้ก่อตั้งสำนักปรมาจารย์เฉินเป็นคนกำหนดขึ้นมา” โม่เฉินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ปรมาจารย์เฉินเหรอ?
หลินหยุนนึกถึงคำพูดของหงซานเหอที่เคยพูดกับเขาไว้ ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่าคนที่หงซานเหอเอ่ยปากพูดถึงนั้น ก็ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษเช่นกัน
คนคนนั้นก็คือ ปรมาจารย์เฉินนั่นเอง
“ผู้ก่อตั้งสำนักโม่เหมินถึงกับเป็นปรมาจารย์เฉินคนนี้ ปรมาจารย์เฉินคนนี้เป็นใครกันแน่?” หลินหยุนอดไม่ได้ที่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับปรมาจารย์เฉินแล้ว
“แต่ว่า กฎระเบียบสำนักของคุณ ดูเหมือนไม่มีกฎข้อไหนที่ให้คุณมาขัดขวางเส้นทางของฉันไม่ใช่เหรอ?” ถึงแม้รู้สึกแปลกใจกับปรมาจารย์เฉิน แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางหลินหยุนไปเมืองหลวงเพื่อทวงคืนความยุติธรรมจากตระกูลหวางได้เลย
โม่เฉินพูดว่า “ขัดขวางคุณ นั่นก็คือเพื่อความสันติสุขของประชาชนชาวจีนทั้งประเทศ”
หลินหยุนไม่เข้าใจ “คำพูดนี้หมายความว่ายังไง?”
โม่เฉินพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณไปคราวนี้ ก็เพื่อจะไปลงมือกับตระกูลหวาง แต่ว่า คุณเคยรู้บ้างไหมว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลหวางคือใคร?”
ตระกูลหวางมีคนหนุนหลังอยู่ ประเด็นนี้หลินหยุนก็เคยคาดเดามาก่อนแล้ว แต่ว่าเขาเดาไม่ออกว่าเบื้องหลังตระกูลหวางเป็นพลังอำนาจจากฝ่ายไหนกันแน่
“แล้วคุณรู้เหรอว่าคนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหวางเป็นใคร?”
โม่เฉินพูดว่า “ฉันรู้ แต่ฉันไม่สามารถบอกคุณได้ ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปสืบเอาเอง”
“แต่ว่า ฉันจะบอกให้เธอรู้ไว้ว่า เมื่อไหร่ที่คุณแตะต้องตระกูลหวาง ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในประเทศจีนทันที”
“อีกทั้ง ด้วยพลังความสามารถของคุณตอนนี้ ไม่มีทางที่จะสามารถต่อกรกับพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหวางได้เลย”
หลินหยุนเชิดหน้าเล็กน้อย ความรู้สึกเย่อหยิ่งเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ยังไม่ทันได้ลองเลย คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันสู้อำนาจอิทธิพลเบื้องหลังของตระกูลหวางไม่ได้?”
โม่เฉินพูดว่า “ง่ายนิดเดียว ถ้าคุณสามารถผ่านด่านฉันตรงนี้ไปได้ละก็ อาจไม่แน่ยังสามารถสู้รบตบมือกับพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหวางก็ได้”
“แต่ถ้าคุณไม่สามารถผ่านแม้แต่ด่านนี้ของฉันได้ละก็ ฉันขอเตือนคุณให้เลิกล้มความตั้งใจนี้เสียดีกว่า ไว้รอให้พลังความสามารถของคุณแข็งแกร่งเพียงพอก่อน แล้วค่อยไปหาตระกูลหวางก็ยังไม่สาย”
“ได้” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
“เชิญ!” โม่เฉินถอยหลังออกไปหลายก้าว ตั้งท่าเตรียมรับมือต่อสู้
“เชิญ!”
ทั้งสองฝ่ายกลับไม่ได้ลงมือทันที แต่ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันและกัน ดูราวกับว่ากำลังหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามอยู่
ทั้งสองคนต่างก็มีสีหน้าเรียบเฉย ดูราวกับว่ามีความเชื่อมั่นในพลังความสามารถของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม
บริเวณเชิงเขาเงียบสงบมาก หลังจากที่มีข่าวลือว่ามีปีศาจปรากฏขึ้นทะเลสาบเย่หยาแห่งนี้แล้ว ที่นี่จึงไม่ค่อยมีผู้คนไปมาสักเท่าไร
ทั้งสองคนต่างจ้องมองซึ่งกันและกันอย่างเงียบๆ เป็นเช่นนี้ผ่านไปหลายนาที
ทันใดนั้น ก็มีลมภูเขาพัดผ่านมา
ชั่วพริบตาเดียว เงาร่างของทั้งสองคนก็หายวาบไป
ดูราวกับในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทั้งสองคนต่างก็ลงมือพร้อมกัน
“ท่าสยบเขา!”
“ฝ่าบรรพต!”
กระบวนท่าของทั้งสองคน ถึงกับค่อนข้างเหมือนกันทีเดียว
โป้ง!
ล้วนแต่เป็นการปะทะของพลังแรงทั้งนั้น ไม่มีเล่ห์กลใดๆทั้งสิ้น
เกิดการสั่นสะเทือนทั่วทั้งแผ่นดิน หลังจากนั้นก็กลับสู่ความสงบนิ่งอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนสถานที่ที่สองคนประมือกันนั้น ต้นไม้ที่อยู่บริเวณรอบนอกรัศมีสองเมตรนั้น ก็ถูกระเบิดจนละเอียดเป็นขุยผงไปหมดแล้ว
หมัดนี้ ทั้งสองต่างก็เสมอกัน
หลินหยุนไม่ได้หยุดนิ่ง ออกหมดไปอีกหนึ่งที: “ท่าแยกน้ำ!”
โม่เฉินก็เพียงแต่หยุดชั่ววินาทีเดียว จากนั้นก็ชกหมัดออกมาหนึ่งที: “สยบน้ำ!”
มีพลังแรงที่มองไม่เห็น จู่โจมสู่เป้าหมาย นี่ก็คือความหมายอันลึกล้ำของท่าแยกน้ำ
แต่ว่า ท่าหมัดของโม่เฉินนั้น ถึงกับเหมือนท่าแยกน้ำเลยทีเดียว เป็นไปในลักษณะคนละเรื่องเดียวกัน
หมัดที่สอง ทั้งสองคนก็ยังคงเสมอกันอยู่
หลินหยุนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขาสามารถมองออกว่า ท่าเพลงหมัดที่โม่เฉินใช้เมื่อครู่นี้ ใกล้เคียงกับท่าแรกของสิบแปดท่าต้าเต๋าของเขา ต่างก็เป็นวิชาเพลงหมัดที่รวบรวมมาจากแนวทางของต้าเต๋าทั้งนั้น
ถึงแม้ทั้งสองหมัดของโม่เฉิน เมื่อเทียบกับสิบแปดท่าต้าเต๋าแล้ว ยังห่างไกลกันมากก็จริงแต่ว่าพลังฝึกฝนของโม่เฉินอยู่เหนือตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
“ค้อนดาวร่วง!”
ท่าที่สามของสิบแปดท่าต้าเต๋า
โม่เฉินเงยหน้ามองฟ้า ก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว ยกกำปั้นชกหมัดขึ้นฟ้า: “ปิดผนึก!”
หลังจากที่หลินหยุนสร้างตัวอ่อนยาทองสำเร็จแล้ว พลังแรงของสิบแปดท่าต้าเต๋าก็แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายสิบเท่าตัว
พลังแรงของค้อนดาวร่วง จากเดิมที่ไร้สีไร้เงา แต่ตอนนี้กลับเห็นได้ชัดว่าเป็นพลังแรงที่โปร่งใสลงมาจากฟากฟ้า
แล้วฟาดลงไปยังโม่เฉินที่อยู่บนพื้นดินอย่างแรง
แต่ว่า ขณะที่ค้อนดาวร่วงที่มีพลังแข็งแกร่งราวกับดาวตกที่ตกลงมาจากฟากฟ้านั้น เมื่อใกล้จะตกถึงตัวโม่เฉินราวสามเมตรนั้น ก็ถูกแผงกำบังที่แข็งแกร่งต้านรับไว้ทันที
ก็เหมือนกับลูกบอลลูกหนึ่งกระดอนไปบนกำแพงที่แข็งแกร่ง
โป้ง!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้สิงสาราสัตว์ทั้งหลายต่างแตกตื่นตกใจวิ่งหนีกันกระเจิง สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งดินฟ้า
การจู่โจมที่แข็งแกร่งของค้อนดาวร่วง ก็ถูกต้านรับไว้ด้วยเหตุนี้
สีหน้าของโม่เฉินยังคงเรียบเฉยเช่นเดิม ยืนอยู่ที่เดิม มองดูหลินหยุนอย่างเงียบๆ
“ยังอยากลองอีกไหม?” น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยเหมือนเดิม
สีหน้าของหลินหยุนก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเช่นกัน แต่ว่าสายตาที่มองไปยังโม่เฉิน ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนเล็กน้อย
“ไม่ต้องลองแล้ว”
“ฉันรับปากคุณ ตอนนี้ยังไม่ไปหาตระกูลหวางที่เมืองหลวงก่อน”
“ดี” โม่เฉินพยักหน้า และก็ไม่เรียกร้องให้หลินหยุนทำข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
“รอเดี๋ยว วิชาเพลงหมัดของคุณที่ใช้เมื่อกี้ มีชื่อว่าอะไรเหรอ?” หลินหยุนถาม
โม่เฉินหันกลับมาแล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “หมัดเทียนเสวียนทั้งสาม! เป็นหมัดที่สืบทอดมาจากปรมาจารย์เฉิน”
“คุณยังมีปัญหาอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีแล้ว” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
“ลาก่อน” โม่เฉินหันหลังแล้วจากไป
มองดูโม่เฉินค่อยๆเดินลงจากเขาไป แววตาของหลินหยุนก็เปล่งประกายความแปลกใจ “คิดไม่ถึงเลยว่า ในโลกนี้ถึงกับยังมีผู้บำเพ็ญเซียนอื่นอยู่ด้วย!”
“อีกทั้ง ยังเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่เกือบจะสามารถกลั่นยาทองออกมาได้สำเร็จอีกด้วย”
“อำนาจอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลหวาง แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนที่แท้จริงก็ยังต้องระแวดระวังกันขนาดนี้ ดูไปแล้ว พลังอำนาจนั้นคงจะแข็งแกร่งมากทีเดียว”
“เป็นเพราะฉันดูถูกพลังอำนาจบนโลกใบนี้มากเกินไป”
ถึงแม้ว่าโมเฉินเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนธรรมดามากคนหนึ่ง ทั้งวรยุทธ์และพลังทิพย์ยังอ่อนกว่าหลินหยุนอยู่มากก็จริง แต่ในระดับแดนแล้ว โม่เฉินยังสูงกว่าหลินหยุนหลายระดับเลยทีเดียว
อีกทั้ง หมัดเทียนเสวียนทั้งสามที่สืบถอดมาจากปรมาจารย์เฉินนั้น ถึงแม้ว่ายั้งด้อยกว่าสิบแปดท่าต้าเต๋าเพียงนิดเดียวก็ตาม แต่ก็เป็นท่าเพลงหมัดสำหรับใช้จู่โจมที่ได้รวบรวมมาจากแนววิถีต้าเต๋าเช่นกัน
สามารถสู้เสมอกับหลินหยุนที่สร้างตัวอ่อนยาทองสำเร็จได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองฝ่ายก็เป็นเพียงแค่ทดสอบเท่านั้น ยังไม่ได้แสดงไพ่ใบสุดท้ายของตัวเองออกมาเลย
ถึงแม้ว่าหลินหยุนมีความมั่นใจที่จะสังหารโม่เฉินได้ก็ตาม แต่เกรงว่าเขาก็ต้องชดใช้สิ่งที่ทำลงไปอีกมากเลยทีเดียว
ส่วนคนที่เหมือนกับโม่เฉินเช่นนี้ ทั้งสำนักโม่งเหมิงมีอีกเท่าไหร่ หลินหยุนก็ยังไม่รู้เลย
ด้วยพลังความสามารถเช่นนี้ ถึงกับยังเกรงกลัวอำนาจอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลหวางเลย เห็นได้ชัดว่า คนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหวางจะแข็งแกร่งมากเพียงใด
ก็ไม่แปลกที่ตระกูลยิ่งใหญ่ทั้งสี่สามารถก้าวก่ายอำนาจบริหารของรัฐบาลจีนอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่ประธานาธิบดีจีนและหงซานเหอก็ยังต้องอดทนไว้
ที่แท้เบื้องหลังของตระกูลหวางแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว!
“มันน่าสนุกจริงเลย คิดไม่ถึงว่าในประเทศจีนถึงกับมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งขนาดนี้แอบซ่อนอยู่!”
“ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ดูเหมือนว่าจะยิ่งสนุกมากขึ้นแล้ว”
หลินหยุนมองไปยังฟากฟ้าทางทิศเหนือ ด้วยสายตาที่ลึกล้ำ