จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 784 ประธานาธิบดีจีนนัดเจรจาด้วย
“ผมชื่อหลงอี เป็นหัวหน้าหน่วยมังกร ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีจีน มาเชิญท่านปรมาจารย์หลินไปเมืองหลวงสักครั้ง”
ภายในห้อง ชายหนุ่มชุดดำหน้าตาธรรมดา รูปร่างสูงใหญ่ พูดด้วยเสียงเข้ม
“ประธานาธิบดีตามหาฉัน” หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ ดูเหมือนได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่า ประธานาธิบดีจะเชิญเขาไป
หลงอีรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ปรมาจารย์หลินอายุน้อยขนาดนี้ แต่กลับมีความคิดที่กว้างไกลเสียจริง!
การเชื้อเชิญของประธานาธิบดีครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาได้คาดคิดไว้ก่อนแล้ว
“ขอเชิญปรมาจารย์หลินไปเมืองหลวงสักครั้งครับ!” ท่าทางของหลงอีนอบน้อมยิ่งกว่าเดิมอีก
ความจริงแล้ว ต่อให้ประธานาธิบดีไม่เชิญเขาไป หลินหยุนก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปเมืองหลวงสักครั้งอยู่แล้ว เพื่อจะไปสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับโลกบู๊โบราณกับหงซานเหอด้วย
ตอนนี้ประธานาธิบดีถึงกับเชื้อเชิญด้วยตัวเอง หลินหยุนก็ย่อมต้องตกลงเป็นธรรมดา
“แล้วจะเดินทางไปเมื่อไหร่ล่ะ?” หลินหยุนถาม
“ยิ่งเร็วยิ่งดีครับ” หลงอีตอบ
“งั้นก็ไปตอนนี้เลยสิ!” หลินหยุนตัดสินใจเร็วมาก
“เชิญครับ!” หลงอียื่นมือทำท่าเชื้อเชิญ
หลงอีพาหลินหยุนมาถึงสนามบิน แล้วขึ้นเครื่องเที่ยวบินตรงไปยังเมืองหลวง
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว หลินหยุนก็ได้ปรากฏตัวอยู่ที่คฤหาสน์ประธานาธิบดีจีนแล้ว
เป็นครั้งแรกที่หลินหยุนได้มาเยือนคฤหาสน์ประธานาธิบดี สไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย ดูไม่เหมือนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศจีนในโลกมโนธรรมเลย แต่กลับเหมือนบ้านพักของพวกครูบาอาจารย์มากกว่า
“ปรมาจารย์หลิน ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว!” ประธานาธิบดีพูดด้วยรอยยิ้ม
เป็นครั้งแรกที่หลินหยุนได้เห็นประธานาธิบดีตัวจริง ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนได้ยินเขาพูดถึงประธานาธิบดีเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ บนหน้าจอทีวีก็ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ
แต่ว่า หลังจากที่ได้พบกับตัวจริงแล้ว กลับรู้สึกว่ามีความเป็นกันเองมากกว่าบนจอทีวีเสียอีก
หลินหยุนมองดูประธานาธิบดี แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านประธานาธิบดี ผมก็ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานเช่นกันครับ!”
พูดจบ ทั้งสองคนต่างก็มองตากันแล้วยิ้มให้กัน ราวกับเป็นเพื่อนเก่าแก่ที่คบหากันมานานหลายปีแล้ว
หลงอีที่อยู่ข้างๆมองดูแล้วรู้สึกฉงนเล็กน้อย ในใจอุทานว่า: “ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ พบหน้ากันครั้งแรก วิธีการทักทายก็ยังแปลกประหลาดอย่างนี้”
“หลงอี คุณออกไปก่อนเถอะ! ฉันจะคุยกับหลินหยุนสองต่อสอง” ประธานาธิบดีพูด
“ครับผม!” หลงอีทำความเคารพแบบทหาร หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ประธานาธิบดีนั่งลง แล้วรินน้ำชาให้กับตัวเอง: “เชิญนั่ง”
คำพูดสั้นๆแต่มีพลัง
หลินหยุนก็ไม่เกรงใจ หลังจากนั่งลงแล้ว ก็รินน้ำชาให้กับตัวเอง
ยังไม่ทันรอให้หลินหยุนถามเลย ประธานาธิบดีก็พูดขึ้นเองว่า: “ที่ตามคุณมาพบครั้งนี้ จุดสำคัญก็เพราะเรื่องที่โลกบู๊โบราณกำลังจะเริ่มเผยตัวออกมาแล้ว”
ประธานาธิบดีพูดตรงไปตรงมา พุ่งเป้าไปยังประเด็นสำคัญ
หลินหยุนวางแก้วน้ำชาลง มองไปยังประธานาธิบดีแล้วถามว่า: “ท่านอยากจะให้ผมทำอะไรบ้างล่ะครับ?”
ประธานาธิบดีพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “อย่าเพิ่งใจร้อน ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น อย่างน้อยคุณก็จะต้องเข้าใจถึงประวัติความเป็นมาของโลกบู๊โบราณก่อน รวมทั้งสถานการณ์ปัจจุบันอีกด้วย”
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร นั่งรอฟังอย่างเงียบๆ
ประธานาธิบดีพูดว่า “เมื่อพูดถึงประวัติของโลกบู๊โบราณแล้ว อาจไม่แน่ว่าเมื่อก่อนนานแสนนานมาแล้ว ก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นมาแล้ว”
“นานมากจนไม่สามารถสืบเสาะได้เลย ก็คงไม่ต้องไปพูดถึงแล้ว งั้นก็เริ่มพูดจากตอนที่ปรมาจารย์เฉินได้บุกเข้าไปโลกบู๊โบราณโดยลำพังคนเดียว แล้วสังหารคนของโลกบู๊โบราณจนเลือดท่วมแผ่นดิน สุดท้ายต้องถูกบังคับให้ลงนามในสัญญาข้อตกลง”
“นี่ก็คือที่มาของคำพูดที่ว่า แดนเทพปรากฏ บู๊โบราณเผยตัว”
“ปรมาจารย์เฉินกังวลว่าหลังจากที่เขาจากไปแล้ว โลกบู๊โบราณจะฝ่าฝืนข้อตกลงนี้ จึงได้ก่อตั้งสำนักโม่เหมินขึ้นมา เพื่อเฝ้าระวังโลกบู๊โบราณไว้”
สายตาหลินหยุนสั่นไหวเล็กน้อย “สำนักโม่เหมิน”
ประธานาธิบดีพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคงเคยพบกับคนของสำนักโม่เหมินแล้วสิ!”
หลินหยุนพูดว่า “เคยพบแล้วครับ”
ประธานาธิบดีก็ดึงเรื่องเดิมกลับมาพูดว่า “โลกบู๊โบราณมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมาก พลังอำนาจแข็งแกร่งมาก โลกบู๊ในประเทศจีนตอนนี้ ความจริงแล้วก็เป็นสาขาย่อยที่แยกออกมาจากโลกบู๊โบราณตอนนั้นนั่นเอง”
“แต่ว่า เป็นเพราะว่าทั้งสองฝ่ายมีแนวคิดที่แตกต่างกัน โลกบู๊โบราณเพื่อพลังฝึกฝนแล้วคิดหาวิธีสกปรกทุกอย่าง หวังครอบครองโลกมโนธรรม”
“ส่วนคนโลกบู๊พวกนั้น ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ บางคนก็ยืนหยัดอยู่สายกลางบางคนก็เข้าร่วมกับโลกนโนธรรม นำพาโลกมโนธรรมต่อต้านโลกบู๊โบราณด้วย”
“แต่ว่า พลังอำนาจของโลกบู๊โบราณ ย่อมอยู่เหนือกว่าและได้เปรียบทุกด้านอย่างไม่ต้องสงสัย คนของโลกบู๊จึงถูกพวกเขาเรียกว่า โลกบู๊จอมปลอม”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา โลกบู๊โบราณก็ข่มเหงโลกบู๊และโลกมโนธรรมมาโดยตลอด โชคดีที่ปรมาจารย์เฉินได้ปรากฏตัวออกมา เอาชนะโลกบู๊โบราณได้ ทำให้ประเทศจีนมีโอกาสในการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นเวลาหลายร้อยปี”
“หลังจากที่เทคโนโลยีได้ก้าวล้ำมากขึ้น โลกมโนธรรมจึงมีอำนาจมากพอในการต่อต้านพลังอำนาจของนักบู๊พวกนี้ได้”
“ส่วนคนของโลกบู๊ เพราะว่าไม่เห็นด้วยกับโลกมโนธรรมที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากเกินไป จึงได้แตกหักกับโลกมโนธรรม”
“สุดท้ายแล้ว ถึงแม้คนของโลกบู๊ก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในโลกมโนธรรมก็ตาม แต่ก็เหมือนกับพวกโลกบู๊โบราณ ที่ต้องคอยหลบซ่อนอยู่ตลอดเช่นกัน”
“อีกทั้ง ยังได้ทำสัญญาข้อตกลงกับโลกมโนธรรมไว้ว่า คนของโลกบู๊ ไม่ต้องทำตามกฎหมายของโลกมโนธรรม แต่ก็ไม่สามารถใช้กำลังทำร้ายคนโลกมนูธรรมเช่นกัน”
“นี่ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามฝ่ายของโลกบู๊โบราณ โลกบู๊ และโลกมโนธรรมในประเทศจีน”
หลังจากที่ได้ฟังประธานาธิบดีพูดบรรยายด้วยตัวเองแล้ว ในที่สุดหลินหยุนก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างทั้งสามฝ่ายนี้”
ประธานาธิบดีพูดต่อไปว่า “ในเวลานี้ เป็นเพราะว่าเยนหนานเทียนล้ำเข้าไปแดนเทพได้ อีกทั้งยังถูกคุณฆ่าตายไปแล้ว ดังนั้น ตอนนี้คุณก็คือนักบู๊หนึ่งเดียวในแดนเทพเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“เมื่อสองเดือนก่อน หอพันกลได้ประกาศผังการจัดอันดับล่าสุด ชื่อของหลินชางฉอง จากปรมาจารย์อันดับหนึ่ง กระโดดข้ามไปอยู่อันดับหนึ่งในผังการจัดลำดับเทพแล้ว”
“คุณก็คือหนึ่งเดียวในผังการจัดลำดับเทพเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า คุณ ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลกบู๊โบราณเปิดเผยตัวออกมา”
“ตอนนี้ พลังอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกบู๊โบราณอีกหลายฝ่ายก็ยังไม่ได้เผยตัวออกมา เป็นเพราะว่าด้านหนึ่งเกรงกลัวบารมีของสำนักโม่เหมิน และอีกด้านหนึ่งก็คือรอคอยจังหวะที่เหมาะสม”
“ทุกคำพูดทุกย่างก้าวของคุณ ล้วนเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของโลกบู๊โบราณทั้งนั้น”
ในที่สุดหลินหยุนก็เข้าใจแล้วว่า โม่เฉินแห่งสำนักโม่เหมินทำไมถึงต้องมาหาเขาด้วยตัวเอง
และยังบอกว่าที่ขัดขวางตัวเอง เป็นเพราะความสงบสุขของประเทศจีน
ถ้าหากตัวเองไปเมืองหลวงและสังหารตระกูลหวางไป เช่นนั้นแล้วโลกบู๊โบราณก็จะต้องเปิดเผยออกมาอย่างเต็มตัวแน่นอน
ส่วนเบื้องหลังที่คอยสนับสนุนตระกูลหวาง จะต้องเป็นพลังอำนาจฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของโลกบู๊โบราณอย่างแน่นอน
ไม่แปลกเลยที่สี่ตระกูลผู้ยิ่งใหญ่สามารถยืนยันอยู่บนผืนแผ่นดินจีนได้นานนับหลายร้อยปี ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปกี่ยุคสมัยก็ตาม สี่ตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังยืนหยัดอย่างมั่นคงดั่งขุนเขาเช่นเดิม
ไม่แปลกเลยที่ว่ายังไม่มีตระกูลไหนสามารถแทนที่ตำแหน่งสี่ตระกูลยิ่งใหญ่นี้ได้เลย
แท้จริงแล้ว นี่ก็คือไพ่ใบสุดท้ายที่แท้จริงของสี่ตระกูลยิ่งใหญ่นั่นเอง
สีหน้าหลินหยุนไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่น้ำเสียงค่อนข้างจริงจังเล็กน้อย: “ปัจจุบันนี้ สถานการณ์ภายในประเทศจีนเป็นยังไงบ้าง?”
ประธานาธิบดีพูดว่า “ทั่วทั้งแผ่นดินจีน มีสำนักเล็กๆของโลกบู๊จำนวนมากถูกทำลาย มีนักบู๊จำนวนมากที่ผิดสัญญาข้อตกลงที่ทำไว้กับโลกมโนธรรม ใช้กำลังบู๊ในการฝ่าฝืนกฎข้อห้าม”
“คนของโลกมโนธรรม เมื่อได้รู้ว่านักบู๊ยังคงมีอยู่จริง จึงได้เสาะแสวงหากันอย่างบ้าคลั่ง”
“ทั่วทั้งประเทศจีนเกิดความโกลาหลขึ้น สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก”
“แต่ว่า ขอเพียงให้โลกบู๊โบราณไม่สามารถแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว สถานการณ์แบบนี้ก็ยังคงควบคุมไว้ได้”
หลินหยุนเข้าใจแล้วว่า จุดประสงค์ที่ประธานาธิบดีต้องการคุยกับเขาในวันนี้ ความจริงแล้วก็อยากจะบอกเขาว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ จะต้องควบคุมพฤติกรรมของตัวเองไว้ให้ดี
ทุกคำพูดทุกความเคลื่อนไหวของหลินหยุนนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้โลกบู๊โบราณเปิดเผยตัวตนออกมาได้อย่างเต็มตัว
“พวกคุณรู้ไหมว่ายอดฝีมือที่มีพลังความสามารถแข็งแกร่งที่สุดตอนนี้ของโลกบู๊โบราณ มีพลังฝึกฝนอยู่ในระดับไหนแล้ว?” หลินหยุนถาม
ประธานาธิบดีพูดว่า “ต่ำกว่าแดนยาทอง!”
“แดนเทพปรากฏ บู๊โบราณเผยตัว ยาทองเสร็จสิ้น ประตูเซียนเปิดออก”
“ถ้ามีนักบู๊แดนยาทองเกิดขึ้น ประตูเซียนในตำนานก็จะถูกเปิดออก”
“แต่ว่ารายละเอียดของประตูเซียนคืออะไร? อยู่ที่ไหน? พวกนี้ก็ยังไม่เคยมีการบันทึกไว้เลย ฉันก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน”
“นับพันปีมาแล้ว ก็ยังไม่เคยเห็นมีประตูเซียนเปิดออกเลย”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ถ้าอยู่ต่ำกว่าแดนยาทองละก็ งั้นก็จัดการได้ง่ายหน่อย”
ประธานาธิบดีพูดอีกว่า “ใช่แล้ว ช่วงนี้มีผู้วิเศษจากโลกตะวันตก ได้เคลื่อนไหวจู่โจมมาหลายครั้งแล้ว”
“ถึงแม้ว่าจะถูกท่านหงยกทัพตีแตกกระเจิงไปแล้วก็จริง แต่ท่านหงก็ยังคงยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวได้เลย แม้แต่เจียงร่อโจ๋ก็ยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเลย”
“ข่าวมาจากโลกตะวันตกแจ้งมาว่า เป็นเพราะว่าชื่อของคุณ ไปปรากฏอยู่ในอันดับหนึ่งของประกาศอสังหาตอนนี้”
“คุณก็เพิ่งเข้าไปอยู่ในประกาศอสังหา ก็สามารถอยู่เหนือเจียงร่อโจ๋แล้ว กลายเป็นนักบู๊อันดับหนึ่งของประเทศจีนไปแล้ว”