จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 785 ฟันคานประตูขาด
หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าพูดเช่นนี้ ผมก็ควรจะรู้สึกเป็นเกียรติใช่ไหม?”
ประธานาธิบดีพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “คุณอย่าได้ประมาทเชียว โลกตะวันตกมีคนแปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้น พลังความสามารถแข็งแกร่ง ได้ข่าวว่าเมื่อก่อนโลกบู๊โบราณก็ยังต้องเสียเปรียบให้กับพวกเขาเลยนะ!”
“ผมจะจำไว้ครับ” หลินหยุนพูด
“ถ้าคุณพบว่ามีนักบู๊ที่ไม่รักษาสัญญาพวกนั้น ก็สามารถใช้วิธีรุนแรงในการจัดการได้เลย ช่วยแบ่งเบาภาระพวกเราไปด้วย” ประธานาธิบดีพูด
“ครับผม” หลินหยุนตอบตกลง
“อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรที่ต้องกำชับอีกแล้ว ตอนนี้คุณจะกลับไปเลยไหม? ฉันจะให้หลงอีไปส่งคุณ” ประธานาธิบดีพูด
“ไม่ต้องหรอกครับ ในเมื่อมาถึงเมืองหลวงทั้งที ทำไมจะต้องรีบกลับขนาดนั้นด้วยล่ะ?” หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย ด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างลึกลับ
ประธานาธิบดีพูดว่า “คุณอย่ามาทำซี้ซั้ว ที่นี่มันคือเมืองหลวงนะ”
“วางใจเถอะ ผมรู้ดีว่าควรจะทำยังไง” หลินหยุนพูด
หลินหยุนเดินออกไปแล้ว ประธานาธิบดีก็ไม่ได้ไปส่ง แต่กลับเรียกหลงอีเข้ามา
“คุณแอบตามเขาไปนะ ดูว่าเขาคิดจะทำอะไร?”
“ครับผม!” หลงอีพูด
หลังจากที่หลินหยุนออกจากคฤหาสน์ประธานาธิบดีจีนแล้ว ก็เรียกรถไปยังคฤหาสน์ตระกูลหวางทันที
คฤหาสน์ตระกูลหวางอยู่ในเขตคฤหาสน์ใจกลางเมืองของเมืองหลวง ทิวทัศน์สวยงามมาก
ที่ดินที่นี่ทุกตารางนิ้วเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น ส่วนตระกูลหวางสามารถมีคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่ในบริเวณนี้ได้ จะเห็นได้ว่าฐานะของตระกูลหวางยิ่งใหญ่เพียงใด
ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลหวาง หลินหยุนสีหน้าเฉยเมย
“เทียบกับความทรงจำในชาติที่แล้วของฉัน ก็ไม่แตกต่างอะไรเลย”
“ตระกูลหวาง ไม่ได้พบกันนานสบายดีไหม!”
หลินหยุนเอามือทั้งสองไขว้หลัง รวบรวมสมาธิแน่วแน่ ค่อยๆเดินไปยังประตูใหญ่ทางเข้าตระกูลหวาง
“หยุดนะ เจ้าเด็กน้อย!” ยามรักษาความปลอดภัยที่ยืนเวรสองคน ก็รีบตะโกนห้ามเตือน
“ที่นี่เป็นคฤหาสน์ตระกูลหวาง คนนอกห้ามรบกวน!”
หลินหยุนหยุดก้าวเดิน มองดูรั้วเหล็กสีแดงสูงราวสามเมตรกว่าที่ล้อมรอบคฤหาสน์ตระกูลหวาง สายตาก็ค่อยๆเคลื่อนมายังคานประตูที่มีรูปมังกรทองหน้าตาดุร้ายนั้น
ทันใดนั้น ก็ปรากฏลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากจุดตันเถียนของหลินหยุน ดาบเฮ่าเทียนพร้อมด้วยพลังแรงสะท้านฟ้า พุ่งไปยังคานประตูรูปมังกรทองที่อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลหวังอย่างแรง
โป้ง!
ประตูทางเข้าตระกูลหวางที่ใหญ่โตมโหฬาร ก็พังถล่มลงมา
ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองตกใจจนรีบกลิ้งตัวหลบอยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งตะโกนใส่ด้วยความโกรธว่า “ไอ้เด็กเวร แกรนหาที่ตายซะแล้ว! ที่นี่คือบ้านตระกูลหวางนะ!”
ต้องบอกว่าประสิทธิภาพการทำงานของยอมรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนไม่เลวทีเดียว ถ้าเป็นยามรักษาความปลอดภัยที่อื่นละก็ เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว คงตกใจจนขี้หดตดหายแล้วรีบวิ่งหนีไปเลย
ส่วนสองคนนี้ถึงกับยังกล้าว่ากล่าวหลินหยุนอยู่อีก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” ภายในลานบ้านคฤหัสถ์ก็มีหลายคนรีบวิ่งออกมา
ในนั้นก็จะมีหวางโส่วหลี่และหวางโส่วเหรินเดินอยู่ข้างหน้า ส่วนหวางจิงหลงก็เดินตามหลังมา ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนก็รีบวิ่งเข้ามาอยู่ด้านหน้า ปกป้องผู้คนตระกูลหวางทั้งหลาย แล้วพูดด้วยเสียงลนลานว่า “เจ้าบ้านครับ เจ้าเด็กนี่ใช้ดาบฟันคานประตูหน้าทางเข้าจนพังลงมาหมดแล้วครับ!”
“แกนี่เอง!” เมื่อได้เห็นหน้าหลินหยุนชัดเจนแล้ว หวางโส่วหลี่ก็ตะโกนพูดด้วยความตกใจ
หวางโส่วเหรินตะโกนด่าด้วยความโกรธว่า “ไอ้เด็กเวร แกกินดีเสือมาเหรอไง ถึงได้กล้ามาก่อกวนตระกูลหวางเรา!”
หลังจากนั้น ก็ถามด้วยเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ ไอ้เด็กเปรตนี้เป็นคนตระกูลไหนเหรอ?”
หวางโส่วหลี่ไม่ตอบคำถาม แต่จ้องมองหลินหยุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หวางจิงหลงที่ยืนอยู่ข้างหลังสีหน้าเย็นชา พูดด้วยเสียงเข้มว่า “คนที่กล้ามามาฟันทำลายคานประตูทางเข้าหน้าบ้านตระกูลหวางเรา ในโลกนี้นอกจากเด็กเดียรัจฉานนั้นแล้ว ยังจะเป็นใครได้อีก?”
หวางโส่วเหรินไหวตัวทัน รีบตะโกนพูดทันทีว่า “แกคือหลินหยุน!”
ขณะที่หวางโส่วเหรินตะโกนเรียกชื่อหลินหยุนนั้น หลินหยุนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ตรงบริเวณมุมมืดหลายแห่งในบ้านตระกูลหวาง มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสี่สายปรากฏขึ้นมา อย่างน้อยก็ต้องเป็นปรมาจารย์ระดับแดนสูงสุดแล้ว
“ไอ้เด็กเวร แกคิดจะทำอะไร!” หวางโส่วเหรินตะคอกถามด้วยเสียงเย็นชา
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ไม่มีอะไร มาเมืองหลวงทั้งที ก็แวะมาเตือนสติพวกคุณหน่อยแค่นั้นเอง”
สีหน้าท่าทางที่ไม่มีสัมมาคารวะของหลินหยุนเช่นนั้น ทำให้ผู้คนตระกูลหวางทั้งหลายรู้สึกโกรธเคืองมาก
ตระกูลหวาง เป็นหนึ่งผู้นำของสี่ตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ เบื้องหลังยังมีอำนาจยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่ เป็นคนใหญ่คนโตที่มีอิทธิพลส่งผลต่อนโยบายการบริหารของประเทศจีนอีกด้วย
ตอนนี้ คานประตูหน้าบ้านถึงกับถูกคนใช้ดาบฟันจนขาดไปแล้ว
แค่คานประตูหน้าบ้านก็ไม่เท่าไหร่ แต่นั่นมันหมายถึงหน้าตาของตระกูลหวางเลยทีเดียว
สิ่งที่หลินหยุนฟันไปนั้นไม่ใช่คานประตู แต่เป็นการตบหน้าตระกูลหวางต่างหาก
โดยเฉพาะสีหน้าท่าทางที่ไม่มีสัมมาคารวะเช่นนั้นของหลินหยุน คุณมาเมืองหลวงทั้งที ก็แวะมาตบหน้าตระกูลหวางไปหนึ่งที
คุณเห็นตระกูลหวางเป็นอะไร!
“ไอ้เด็กนรก แกเหิมเกริมเกินไปแล้ว!” หวางโส่วเหรินตะคอกใส่ด้วยความโกรธ
หวางจิงหลงเดินมาข้างหน้า จ้องมองหลินหยุนอย่างเยือกเย็น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า “เป็นลูกชายที่เกิดจากลูกสาวอกตัญญูคนนั้นจริงๆด้วย แกนี่ไร้มารยาทเหมือนแม่แกไม่มีผิดเลย!”
หลินหยุนสายตาเยือกเย็น เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าบ้านตระกูลหวางที่ยิ่งใหญ่คับฟ้าคนนี้ ไม่ได้ไว้หน้าเลยแม้แต่นิดเดียว: “ขืนแกยังพูดว่าร้ายแม่แก่ของฉันอีกที ฉันจะตัดลิ้นแกออกมา!”
หวางโส่วหลี่ตะคอกเสียงดังว่า “บังอาจ ทำไมพูดจาอย่างนี้กับคุณตาของแก!”
หลินหยุนหัวเราะเยาะ “ตาเหรอ?”
“ตอนที่เขาส่งคนมาฆ่าฉัน เคยคิดบ้างไหมว่าฉันเป็นหลานเขา!”
“ตาอย่างนี้ ฉันไม่ยอมรับด้วยหรอก”
หวางจิงหลงพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันก็ไม่เคยคิดจะให้สายเลือดตระกูลหวางต้องแปดเปื้อนเหมือนกัน”
“เลือดชั่วก็คือเลือดชั่ว”
เป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลหวาง คนใหญ่คนโตที่มีสิทธิ์ยืนอยู่ระดับแถวหน้าของผู้บริหารประเทศจีน คำพูดที่พูดกับหลินหยุน กลับชั่วร้ายเหลือเกิน
พี่น้องตระกูลหวางทั้งหลาย สายตาที่มองไปยังหวางจิงหลง รู้สึกช็อกเล็กน้อย
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า หวางจิงหลงถึงกับโหดร้ายกับหลินหยุนได้ถึงเพียงนี้
หลินหยุนกลับไม่ได้โกรธเคือง สีหน้าท่าทางของหวางจิงหลงนั้น เมื่อชาติที่แล้วเขาก็เข้าใจดีอยู่แล้ว
“ในสายตาคุณก็ยังคงเห็นแก่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวจริงๆ พวกเลือดเย็นที่ไม่มีเยื่อใยความสัมพันธ์สายเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว”
“สิ่งที่ตระกูลหวางแกทำไว้กับพวกเราทุกอย่าง ฉันจะให้พวกแกคืนมาให้หมด”
หวางจิงหลงสีหน้าดูถูก พูดเย้ยหยันว่า “ไอ้เด็กเวร ฉันรู้ว่าแกฆ่าเยนหนานเทียนไปแล้ว”
“แต่ว่าฉันก็จะบอกแกให้เข้าใจไว้ด้วยว่า แค่พลังความสามารถอันน้อยนิดของแก ตระกูลหวางฉันยังไม่เคยเห็นมันอยู่ในสายตาเลย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะมีสาเหตุอื่นละก็ ไฉนเลยตระกูลหวางฉันจะยอมให้แกมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้!”
หลินหยุนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แสดงสีหน้าเย้ยหยัน “สิ่งที่ตระกูลหวางแกพึ่งพิงอาศัยอยู่ ก็ไม่ใช่โลกบู๊โบราณเหรอ?”
“ฉันจะบอกให้คุณเข้าใจอย่างหนึ่งด้วยว่า ต่อให้เป็นโลกบู๊โบราณทั้งหมด ในสายตาของฉัน ก็เป็นเพียงแค่มดตัวน้อยนิดเท่านั้นเอง”
มหากษัตริย์ชางฉองผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองโลกนับหมื่นนับแสน จะไปเกรงกลัวต่ออิทธิพลข่มขู่ของโลกบู๊โบราณได้อย่างไรกัน?
“คุยโวโอ้อวด!” หวางโส่วเหรินตะคอกใส่
โลกบู๊โบราณเป็นแหล่งพึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลหวาง จะให้หลินหยุนลบหลู่ได้อย่างไรกัน
หลินหยุนไม่ได้ไปสนใจหวางโส่วเหริน ได้แต่มองไปยังหวางจิงหลง แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “วันนี้ เพียงแค่มาเตือนสติพวกคุณเท่านั้น”
“หลังจากหนึ่งปีต่อจากนี้ไป ฉันจะต้องมาตระกูลหวางอีกครั้ง เพื่อกลับมาทวงคืนความยุติธรรมที่พวกคุณทำเอาไว้เมื่อก่อน”
หวางจิงหลงสีหน้าบึ้งตึง “ได้ แต่หวังว่าแกคงยังมีชีวิตอยู่รอดถึงเวลานั้นนะ”
หลินหยุนมองดูหวางจิงหลงแวบเดียวเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับคุณตาคนนี้ ไม่มีเยื่อใยความผูกพันอะไรหลงเหลืออีกแล้ว
หลินหยุนหันหลังกลับแล้วเดินจากไป เส้นผมเส้นหนึ่งค่อยๆปลิวตกลงบนพื้น
ตามมาด้วย เสียงของหลินหยุนที่ดังก้องอยู่ข้างหูผู้คนตระกูลหวางทั้งหลาย: “ขอใช้เส้นผมนี้ ตัดขาดความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างฉันกับตระกูลหวาง!”
หวางโส่วหลี่พูดพึมพำว่า: “สมัยโบราณใช้เส้นผมแทนศีรษะ ตอนนี้เขาตัดผมแทนการตัดขาดเยื่อใยความสัมพันธ์”
หวางจิงหลงสีหน้าเรียบเฉย พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฮึ คิดไปเองทั้งนั้น ตระกูลหวางฉันไม่เคยมีเยื่อใยอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย!”
“เจ้าใหญ่ นายไปหาคนมาช่วยซ่อมแซมประตูใหญ่ด้วย แล้วให้นักบู๊สองคนมาเฝ้าประตูไว้ ต่อไปห้ามให้มีเรื่องที่ทำให้ตระกูลหวางต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด!”
หวางจิงหลงพูดกำชับด้วยเสียงเย็นชา แล้วหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน
“ครับ!” หวางโส่วหลี่โค้งตัวตอบรับ
มองดูคานประตูมังกรทองที่หักตรงกลางสองท่อนบนพื้นแล้ว ในใจของหวางโส่วหลี่ก็รู้สึกเศร้าหมอง
“มังกรที่ขาดแล้ว สามารถต่อได้อีกเหรอ?”
หลังจากที่ออกจากตระกูลหวางแล้ว หลิยหยุนก็เตรียมตัวจะกลับไปยังคฤหาสน์เย่หยาหู
“ตอนนี้ฉันสร้างตัวอ่อนยาทองได้สำเร็จแล้ว กำลังจะเข้าสู่แดนรวมยาอย่างจริงจัง ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเข้าสู่เส้นทางแดนยาทองแล้ว”
“เวลาหนึ่งปี มากพอที่ฉันจะผลิตยาทองได้สำเร็จแล้ว”
หลินหยุนนั่งรถไฟฟ้ากลับไปยังเมืองหลินโจว หลงอีที่รับผิดชอบติดตามเขานั้น ก็รู้สึกโล่งอกในที่สุด