จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 786 มิตรภาพเพื่อนนักเรียน
คฤหาสน์ประธานาธิบดีจีน
ตอนที่หลงอีรายงานนั้น ก็ยังคงมีความตื่นเต้นเล็กน้อย
“ท่านไม่ทราบหรอกว่า ตอนนั้นฉันเกือบที่จะออกมาขัดขวางเขาเอาไว้แล้ว! ”
“ฉันกลัวว่าเขาจะทะเลาะต่อสู้กับตระกูลหวางขึ้นในที่ตรงนั้นเลย! ”
ประธานาธิบดีจีนตั้งใจฟังอย่างสงบจนจบ ใบหน้าแสดงรอยยิ้มอย่างละเหี่ยใจ มองออกไปนอกหน้าต่าง และพูดขึ้นว่า: “ลำบากเขาแล้วจริง ๆ! ”
“หือ? ” คำพูดนี้ของท่านหมายความว่าอย่างไรกัน? หลงอีเกิดความสงสัยขึ้น คนที่ลำบากที่สุดไม่ใช่เขาหรอกเหรอ?
ประธานาธิบดีจีนยิ้มและพูดว่า: “เขาได้ทำการตกลงไว้กับตระกูลหวางเป็นเวลาหนึ่งปี โดยตลอดปีนี้ โลกบู๊โบราณทั้งหมดจะไม่ปรากฏตัวออกมาอีก”
“นายไปจัดเตรียมเถอะ หนึ่งปีหลังจากนี้ ในตอนที่หลินหยุนไปยังตระกูลหวางนั้น ซึ่งก็คือวันที่โลกบู๊โบราณทั้งหมดจะออกมาปรากฏตัวอีกครั้ง”
“เขาได้พยายามช่วงชิงเวลาให้กับพวกเรา เพื่อเพียงพอที่จะให้เราได้เตรียมตัวแล้ว”
หลงอีจึงได้เข้าใจขึ้น
“เป็นเช่นนี้นี่เอง! ”
“ปรมาจารย์หลินผู้นี้ ช่างมีความคิดที่เจ้าเล่ห์ถึงขนาดนี้ มองไม่ออกเลยจริง ๆ! ” หลงอีพูดขึ้นแล้วก็ถอนหายใจ
“อย่างนั้นฉันจะไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้ และจะต้องแจ้งเรื่องนี้ให้กับท่านหงทราบด้วยไหม? ”
ประธานาธิบดีจีนพูดว่า: “เดี๋ยวฉันจะไปบอกกับท่านหงเอง! ”
“รับทราบ” หลงอีก็เดินจากไป
หลังจากที่หลงอีไปแล้ว ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่ประธานาธิบดีจีนคนเดียว
ประธานาธิบดีจีนก็ค่อย ๆ เก็บรอยยิ้มขึ้น แล้วก็แทนที่ด้วยสีหน้าท่าทางเวทนาสงสาร
“เหลือเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ประเทศจีน ก็จะเข้าสู่ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงและวุ่นวายอีกครั้ง! ”
หลินหยุนเพิ่งกลับมาถึงคฤหาสน์เย่หยาหู จางซือจู่ก็โทรศัพท์มาหาทันที
ช่วงเวลานี้ เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย หลินหยุนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า นานแล้วที่ไม่ได้กลับไปเยี่ยมโรงเรียน
มีเพียงตอนที่อยู่กับจางซือจู่เพื่อนนักเรียนเหล่านี้เท่านั้น หลินหยุนถึงรู้สึกว่าตนเองเป็นวัยรุ่นที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัย
โดยไม่ใช่เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่ดำรงชีวิตมานานหลายร้อยปี มองทะลุความผันผวนของชีวิตมานักต่อนัก
เมื่อรับโทรศัพท์ หลินหยุนก็พูดขึ้นด้วยเสียงอันอ่อนโยน: “ไอ้หมอ มีอะไรเหรอ? ”
น้ำเสียงของจางซือจู่ ค่อนข้างจะเก้ ๆ กัง ๆ คาดว่าคงจะเป็นเพราะตกใจที่ครั้งก่อนหลินหยุนได้เปิดเผยสถานะว่าเป็นปรมาจารย์หลิน
“หลินหยุน นายมีเวลาว่างเมื่อไร มาหาที่โรงเรียนหน่อยสิ! ”
“พวกเรามีเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ จึงอยากที่จะสอบถามนายหน่อย”
หลินหยุนพูดว่า: “ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้”
ครั้งนี้ที่กลับมา หลินหยุนเตรียมที่จะกลั่นยาทอง ซึ่งเมื่อเก็บตัวบำเพ็ญแล้ว อาจจะต้องใช้เวลานาน
ยังไงก็ควรที่จะจัดการเรื่องอื่น ๆ ให้เสร็จก่อนจะดีกว่า
ไม่นาน หลินหยุนก็มาถึงสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว แล้วก็มาพบกับจางซือจู่และคนอื่น ๆ ที่หอพัก
เพื่อนนักเรียนแต่ละคนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแค่ตอนที่เห็นหลินหยุนนั้น เห็นได้ชัดว่าต่างก็มีท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตน
“พวกนายเป็นอะไรกันไป ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? ” หลินหยุนยิ้มและพูดขึ้น
กลับเป็นไอ้หินที่ระมัดระวังตัวที่สุด พูดขึ้นเป็นคนแรก: “ไม่ใช่ หลินหยุน นายลองคิดดูนะว่าเมื่อเพื่อนนักเรียนที่คุ้นเคยนั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นยอดมนุษย์ อุลตราแมนหรือยอดมนุษย์ค้างคาว นายจะมีความรู้สึกอย่างไร? ”
คำพูดของไอ้หินนั้น ถือว่าได้ทำลายบรรยากาศอันน่าตึงเครียดลง
จางซือจู่กับคนอื่น ๆ ยิ้มและพูดว่า: “ไอ้หิน นายเปรียบเทียบได้เหมือนจริงเชียว! ”
“แม้ว่าหลินหยุนจะไม่ใช่อุลตราแมนหรือยอดมนุษย์ค้างคาว แต่ก็ไม่แตกต่างกันมากเท่าไร”
หลินหยุนได้แต่หัวเราะ ถ้าหากเป็นพลังบำเพ็ญฝึกฝนของเขาในชาติที่แล้ว อุลตราแมนหรือยอดมนุษย์ค้างคาวก็คงจะถูกหลินหยุนรุมทำร้ายแต่เพียงฝ่ายเดียว
หัวเราะเฮฮากันสักครู่ พวกเขาก็เริ่มพูดเข้าสู่เรื่องหลัก
จางซือจู่พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “หลินหยุน ที่เรียกนายมาในครั้งนี้ ที่จริงเป็นเพราะอาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับฉินโส่วแล้ว”
“เรื่องราวเป็นมาแบบนี้ เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ฉินโส่วจากไปอย่างกะทันหันโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว ไม่ได้พูดอะไรทิ้งไว้เลยแล้วก็จากไป”
หยางเทียนโย่วพูดเสริมต่อว่า: “เมื่อไปแล้ว จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งฉันได้โทรศัพท์ไปหาเขาแล้ว แต่โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ”
“เดิมทีพวกเราคิดว่า บางทีเขาอาจจะมีเรื่องลับส่วนตัวอะไร โดยที่ไม่ต้องการให้ทุกคนรับรู้ ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจ”
“แต่ว่า เมื่อวาน พวกเราได้พบกับจางเหมิงและเถียนชุ่ยชุ่ย ซึ่งตอนนี้พวกเธอนั้นดูกำเริบเสิบสานเป็นอย่างมาก และยังพูดอีกว่าอีกไม่กี่วันตระกูลเหยียนก็จะจัดการฉินโส่วลงได้อย่างราบคาบ”
“คำพูดของพวกเธอยังพาดพิงถึงนายด้วย ต่างก็เป็นคำพูดที่หยาบคาย ฉันไม่พูดให้นายฟังแล้วกัน”
หลินหยุนมองไปที่หยางเทียนโย่ว และพูดขึ้นว่า: “พวกเธอพูดว่าอะไร? ”
หยางเทียนโย่วค่อนข้างลำบากใจ: “นายจะฟังจริง ๆ เหรอ? ”
“พูดมาเถอะ” น้ำเสียงของหลินหยุนมีความแน่วแน่อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“ก็ได้ ข้าพูด” หยางเทียนโย่วกัดฟัน พูดว่า: “พวกเธอพูดว่า ต่อให้หลินหยุนไอ้คนไม่ได้เรื่องได้ราวนั้นกลับมา ก็ต้องตายสถานเดียว”
“เมื่อเปรียบเทียบกับยอดฝีมือที่แท้จริงแล้ว หลินหยุนก็เป็นเพียงแค่พวกหลอกลวง”
ด้านข้าง เทพฟ้าผ่าพูดว่า: “ฉันได้ยินมาว่าที่ตระกูลของเหยียนเสวเหวิน อยู่ดี ๆ ก็มีญาติพี่น้องคนหนึ่งมาหา ซึ่งญาติพี่น้องคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นปรมาจารย์บู๊”
“ตอนนี้ จางเหมิงก็มาอยู่ด้วยกันกับเหยียนเสวเหวินอีกครั้ง ส่วนเถียนชุ่ยชุ่ยกับหลี่หงถู พวกเขาก็กำลังตามประจบอยู่กับเหยียนเสวเหวิน”
หลินหยุนตื่นตระหนกอยู่บ้าง: “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า การปรากฏตัวขึ้นของโลกบู๊โบราณ จะส่งผลกระทบต่อประเทศจีนมากขนาดนี้”
ตอนนั้นที่ประธานาธิบดีจีนได้พูดเรื่องนี้ขึ้นกับหลินหยุน หลินหยุนยังคงคิดเพียงว่ามีนักบู๊ไม่กี่คน ได้ออกมาสร้างความวุ่นวายในโลกมโนธรรม
คิดไม่ถึงว่า แม้แต่ในมหาวิทยาลัยที่เขากำลังศึกษาอยู่ ก็ได้รับผลกระทบจากนักบู๊แล้ว
“ฉินโส่วเกิดเรื่องขึ้นแล้ว” หลินหยุนสรุปอย่างชัดเจน
จางซือจู่และคนอื่น ๆ ต่างก็ขมวดคิ้ว นี่ก็คือเรื่องที่พวกเขาเป็นกังวลมากที่สุด
ที่จริงแล้ว การที่ฉินโส่วเกิดเรื่องนั้น ไม่ยากที่จะคาดเดาได้
ในเมื่อตระกูลของเหยียนเสวเหวินได้รับการช่วยเหลือจากปรมาจารย์นักบู๊ ถ้าอย่างนั้นต่อหน้าของคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่เข้าใจระดับพลังความสามารถของนักบู๊แล้ว
การที่หลินหยุนได้เคยแสดงพลังอานุภาพขึ้นมาก่อนหน้านี้ ก็คงจะสูญหายไปอย่างง่ายดาย และถูกแทนที่ด้วยปรมาจารย์นักบู๊ผู้นั้น
ก่อนหน้านี้ เพราะว่าความสัมพันธ์ของหลินหยุน ตระกูลฉินถึงได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแซงหน้าตระกูลเหยียน
แต่ว่า จากลักษณะนิสัยของพ่อลูกตระกูลฉินแล้ว คงจะหลงเหลือช่องทางการทำมาหากินให้กับตระกูลเหยียนอย่างแน่นอน
แต่ว่า ตอนนี้ตระกูลเหยียนได้รับการช่วยเหลือจากปรมาจารย์นักบู๊ ก็อาจจะไม่ปล่อยตระกูลฉินไปง่าย ๆ ก็เป็นได้
“ไปกันเถอะ ในเมื่อฉินโส่วไม่มาหาพวกเรา อย่างนั้นพวกเราก็ไปหาเขาเอง” หลินหยุนพูดจบ ก็นำทุกคนเดินออกไปด้านนอก
จางซือจู่วิ่งตามมา และถามขึ้นว่า: “หลินหยุน นายแน่ใจใช่ไหมว่าฉินโส่วเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ แล้ว? ”
“ถ้าหากฉินโส่วเกิดเรื่องขึ้น ทำไมฉินโส่วถึงไม่บอกกับพวกเราล่ะ? ต่อให้พวกเราจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แต่ก็สามารถที่จะบอกให้นายทราบได้! ”
หลินหยุนขยับสายตาเล็กน้อย: “บางที เขาอาจจะไม่ต้องการให้พวกเราเดือดร้อนก็ได้! ”
“ไปกันเถอะ เมื่อพบกับฉินโส่วแล้ว ก็คงจะเข้าใจทุกอย่างเอง”
“อืม” จางซือจู่กับคนอื่น ๆ ก็พยักหน้า
หลินหยุนกับเพื่อนคนอื่น ๆ ขณะที่กำลังเดินออกจากตึกพอพัก ที่บริเวณประตูก็ได้พบกับหลี่หงถูและเถียนชุ่ยชุ่ยที่เพิ่งกลับมา
ครั้งนี้ที่พบกับหลินหยุน เถียนชุ่ยชุ่ยกับหลี่หงถูก็เกิดอาการตกใจขึ้นเล็กน้อย
จากนั้น เหมือนกับว่าคิดอะไรขึ้นได้ อาการตกตะลึงบนใบหน้าก็ค่อย ๆ หายไป ถูกแทนที่ด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง
“โอ้ว นี่ปรมาจารย์หลินใช่ไหม? ไม่ทราบว่าปรมาจารย์หลินกลับมาเพื่อเก็บศพของเพื่อนอย่างนั้นเหรอ? ”
“ช่างมีมิตรภาพที่ยอดเยี่ยมเสียจริง! ” เถียนชุ่ยชุ่ยพูดขึ้นด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
จางซือจู่ตวาดใส่ว่า: “เถียนชุ่ยชุ่ย อย่าได้คิดว่าตอนนี้เธอมีคนคอยสนับสนุนให้ท้าย ก็สามารถทำเป็นไม่เห็นหลินหยุนอยู่ในสายตา เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าก่อนหน้านี้ได้เคยคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องต่อหน้าหลินหยุน? ”
จางซือจู่ไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ยังดีเสียกว่า แต่เมื่อพูดขึ้นมาแล้วก็เหมือนกับเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดของเถียนชุ่ยชุ่ยเข้าไปอีก
เถียนชุ่ยชุ่ยโมโห และพูดหยาบคายใส่ว่า: “ฮึ ปรมาจารย์หลินอะไรกัน ก็แค่เป็นทักษะวิชาต่อสู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น? ตอนนี้นักบู๊มีอยู่มากมายทุกหนทุกแห่ง พลังความสามารถเล็กน้อยนั่นของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือแล้ว ถือว่ากระจอกมาก! ”
“ทำได้เพียงแค่หลอกลวงคนหน้าโง่อย่างพวกนายกี่คนนี้เท่านั้น ตอนนี้ ฉันไม่กลัวเขา! ”
จางซือจู่พูดขึ้นอย่างโมโห: “สามหาว! เธอรู้ได้อย่างไรว่าหลินหยุนมีฝีมือที่เทียบเท่าไม่ได้กับนักบู๊เหล่านั้น! ”
“ต่อให้เป็นญาติพี่น้องคนนั้นของเหยียนเสวเหวิน หลินหยุนเองก็ไม่เกรงกลัวเขา! ”
หลี่หงถูยิ้มขึ้นอย่างมีมารยาท และพูดว่า: “พวกนายกำลังจะไปหาฉินโส่วล่ะสิ? ”
“ถูกต้อง” จางซือจู่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“อย่างนั้นฉันก็ขอเตือนพวกนายไว้ว่า หากจะไปก็ให้รีบไป ไปสายแล้วเกรงว่าจะทำได้เพียงแค่เก็บศพของฉินโส่วเท่านั้น”