จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 833 วิกฤตของตึกว่างเยว่
หลินหยุนมองดูยังท้องฟ้าที่สงบนิ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่างูยักษ์แปดหัวนั้นมาจากการบำเพ็ญบนดาวดวงไหน แต่ว่า รอให้เขากลับไปยังสรรพโลกได้เมื่อไหร่ เขาจะต้องจับงูตัวนี้มาต้มให้ได้
“กระจกเฮ่าเทียน ดาบเฮ่าเทียน!”
“ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อดาบเฮ่าเทียนเจอกับกระจกที่เหลืออยู่นี่แล้วมีปฏิกิริยาขึ้นมา”
“จากชื่ออาวุธวิเศษทั้งสองนี้ เจ้าของของพวกมัน น่าจะเป็นคนผู้หนึ่ง”
“กระจกเฮ่าเทียนสามารถซ่อมแซมมิติที่เปิดออกจากวิชาเรียกเชิญต่างมิติได้ มันน่าจะเป็นอาวุธวิเศษที่สามารถควบคุมพลังของอวกาศได้”
“บางทีระดับการบำเพ็ญของฉันอาจต่ำเกินไปที่จะกระตุ้นมัน”
เมื่อคิดถึงกระจกเฮ่าเทียน ทันใดนั้นจู่ๆหลินหยุนก็นึกถึงสองคำสุดท้ายที่งูยักษ์แปดหัวตะโกนขึ้นมา
“เผ่าโบราณ? นี่น่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง!”
“หรือว่า เจ้าของกระจกเฮ่าเทียน จะมาจากเผ่าโบราณ?”
“ดูท่า เผ่าโบราณนี้ น่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอำนาจค่อนข้างมากในยุคอันห่างไกลของโลก”
“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาจากความเกรงกลัวเผ่าโบราณของงูยักษ์แปดหัวแล้ว คนกลุ่มนี้ น่าจะเป็นตระกูลบำเพ็ญเซียนตระกูลใหญ่”
“แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าโลกในปัจจุบันไม่เหมาะสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว ดังนั้นเผ่าโบราณน่าจะทิ้งโลกนี้ไปตั้งนานแล้ว”
ในระยะไกล ฉินหลันร้องไห้ด้วยความปีติยินดี เมื่อครู่เธอตกใจจนแทบตาย
เจ้าสัตว์ประหลาดแปดหัวนั่น น่ากลัวมากจริงๆ
แรงกดดันอันมหาศาล แม้แต่ฉินหลันซึ่งอยู่ห่างออกไปเป็นกิโล ก็ยังกดดันเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมอง
ครั้งนี้แต่เดิมเธอคิดว่าหลินหยุนคงยากที่จะรอดแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงนาทีสุดท้าย ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น
แสงสีขาวกลุ่มหนึ่งเปล่งออกมา และสัตว์ประหลาดแปดหัวนั่นก็ถอยกลับอย่างช้าๆ
สิ่งนี้ทำให้ฉินหลันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“เสี่ยวหยุน นายโอเคไหม?” ฉินหลันตะโกนเสียงดังและวิ่งไปทางหลินหยุน
“ฉันสบายดี ไม่ต้องห่วง” หลินหยุนเอ่ยและเดินไปทางฉินหลัน
เมื่อทั้งสองพบกัน ฉินหลันก็คว้าแขนของหลินหยุนเอาไว้และมองไปทั่วตัวเขา “นายไม่เป็นไร ดีมากจริงๆ!”
หลินหยุนยิ้มน้อยๆ “ไม่ต้องมองแล้ว ฉันสบายดีจริงๆ!”
ฉินหลันจับมือหลินหยุน และพูดด้วยสีหน้ากังวลว่า “พวกเรารีบกลับไปจีนกันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
“อืม” หลินหยุนรับคำอย่างรวดเร็ว
อันที่จริง ฮิโระชิ ทาเคดาน่าจะเป็นด่านสุดท้ายของเจ้าหน้าที่ระดับสูงญี่ปุ่น
ถ้าฮิโระชิ ทาเคดาล้มเหลวเช่นกัน อย่างนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของญี่ปุ่นก็ควรต้องล้มเลิกการเป็นศัตรูกับหลินหยุน และหันมาใช้นโยบายเป็นมิตรนุ่มนวลแทน
อย่างไรก็ตาม หลินหยุนไม่ต้องการให้ฉินหลันเป็นกังวล ในเมื่อเธอต้องการกลับไปโดยเร็ว เขาก็ย่อมตกลง
หลินหยุนนำฉินหลันออกไปจากพื้นที่
ทั้งสองเดินไปตามทางด่วนและเตรียมที่จะหารถกลับเข้าเมือง
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นได้ปิดกั้นพื้นที่นี้เอาไว้ล่วงหน้า เมื่อพวกหลินหยุนเดินไปนานกว่าสิบนาทีก็ยังไม่เห็นรถ
ในที่สุด ก็มีรถยนต์ โตโยต้าคราวน์ สีดำสองคันเข้ามาหาพวกเขาก่อน
ชายชราคนหนึ่งมาพร้อมกับคนหนุ่มสาวสองคนลงมาจากรถ
ชายชราแต่งกายสุภาพเรียบร้อยในชุดสูทสีดำผูกไท ดูเป็นทางการอย่างยิ่ง
“ปรมาจารย์หลิน ผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่นซาวากิ ยามากูชิ!”
“ผมได้รับคำสั่งจากท่านประธานาธิบดี ให้มาส่งปรมาจารย์หลินและคุณหนูฉินหลันไปที่สนามบิน”
ทันทีที่ฉินหลันได้ยินเรื่องนี้ เธอก็ตื่นตัวขึ้นในทันที สายตาของเธอจ้องไปที่ชายชราอย่างเย็นชาและพูดอย่างเย็นชาว่า “ยังจะมาไม้นี่อีก! พวกคุณต้องการหลอกเราไปที่ไหนอีก?”
ชายชราโค้งตัวให้ฉินหลัน “คุณหนูฉินหลัน ครั้งนี้เป็นเรื่องจริง แม้แต่ราชครูแห่งญี่ปุ่นก็ยังตายไปแล้ว ถ้าต้องการรั้งปรมาจารย์หลินเอาไว้ ก็คงต้องใช้แค่ระเบิดนิวเคลียร์แล้ว”
“อ้อใช่ ท่านประธานาธิบดีให้ผมนำจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งถึงปรมาจารย์หลินและขอให้ปรมาจารย์โปรดอ่านดู!”
ชายชราโค้งคำนับให้หลินหยุน จากนั้นก็ยื่นซองหนังสีเหลืองให้หลินหยุน
หลินหยุนเหลือบมองดู บนซองมีตัวอักษรใหญ่สองสามคำ: ปรมาจารย์หลินเท่านั้น!
นี่คือจดหมายขอโทษ ในจดหมายถูกเขียนขึ้นด้วยความจริงใจอย่างมาก ประธานาธิบดีญี่ปุ่นกำลังลดท่าทีของตนเองลงต่ำอย่างยิ่ง
แต่ว่า ในนั้นก็ยังมองออกถึงนัยคุกคาม
เนื้อหาโดยรวมพูดถึงหากปรมาจารย์หลินตอบรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อย่างนั้นเขาก็จะส่งหลินหยุนกลับไปจีน
แต่หากปรมาจารย์หลินต้องการแก้แค้น แม้ว่าญี่ปุ่นจะต้องใช้ระเบิดนิวเคลียร์ แม้ว่าทั้งสองประเทศจะเข้าสู่สงคราม พวกเขาก็จะไม่นั่งรอความตาย
ความหมายก็คือ พวกเราญี่ปุ่นไม่ได้กลัวคุณ แต่เป็นเพราะไม่ต้องการให้เกิดสงครามขึ้นมา
หลินหยุนเองก็ไม่เคยคิดจะทำลายเจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นทิ้ง แม้ว่าเขาจะทำลายเจ้าหน้าที่ระดับสูงกลุ่มนี้ไป อีกไม่นานก็จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกกลุ่มเข้ามามีอำนาจอยู่ดี
เพื่อผลประโยชน์ของตัวญี่ปุ่นเอง พวกเขายังคงมีท่าทีเป็นปรปักษ์กับชาวจีนและหลินหยุนอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น หลินหยุนเองก็ไม่ต้องการให้ทั้งสองประเทศทำสงครามกัน
ถ้าเขาคิดทำลายเจ้าระดับสูงสุดของญี่ปุ่นจริงๆ อย่างนั้นสงครามระหว่างสองประเทศย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน
“ส่งพวกเรากลับเถอะ!” หลินหยุนเอ่ยเสียงเรียบ
ฉินหลันกังวลอยู่บ้าง “เสี่ยวหลัน ครั้งนี้จะเป็นการหลอกลวงหรือไม่?”
หลินหยุนยิ้มน้อยๆและพูดว่า “ไม่ ครั้งนี้เป็นความจริง”
ฉินหลันพยักหน้า ตอนนี้เธอเชื่อในหลินหยุนอย่างหน้ามืดตามัวบ้างแล้ว
ชายชราโค้งคำนับ “ขอบคุณปรมาจารย์หลินที่เมตตา! ผมจะไปส่งคุณที่สนามบินเดี๋ยวนี้”
……
ทะเลสาบเยว่หยา ประเทศจีน
ค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ที่อยู่ด้านนอก เย่ซื่อหมิงเจ้าสำนักอู๋อิ่งในที่สุดก็รอจนปรมาจารย์ค่ายกลมาถึงแล้ว
ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักอู๋อิ่ง เขาชี้ไปที่ชายชราในชุดดำด้วยใบหน้าที่มีความสุขและกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก นี่คืออาจารย์โอวหยาง!”
เย่ซื่อหมิงประสานมือโค้งคำนับ “อาจารย์โอวหยางเป็นผู้วางค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ในสมัยนั้น มาจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ถูกทำลาย ผู้น้อยนับถืออย่างยิ่ง!”
“วันนี้มีท่านอาจารย์โอวหยางมาที่นี่ ค่ายกลนี้จะต้องพังทลายลงอย่างแน่นอน!”
อาจารย์โอวหยางมีสีหน้าหยิ่งผยองอยู่บ้าง เขาเอื้อมมือไปจับกับเย่ซื่อหมิงและมองไปยังที่ทิศทางของทะเลสาบเยว่หยา ด้วยใบหน้าที่เย็นชาและเย่อหยิ่ง
“ก็แค่ค่ายกลรวมพลังเท่านั้น แค่ดีดนิ้วก็ทำลายได้แล้ว!”
เย่ซื่อหมิงดีใจมาก “ถ้าอาจารย์โอวหยางสามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ สำนักอู๋อิ่งของผมจะขอบคุณอย่างมาก!”
อาจารย์โอวหยางหัวเราะ “ดูฉันทำลายมันให้ดี!”
พูดจบ อาจารย์โอวหยางก็เชิดหน้ายืดอกตรงแล้วก้าวเข้าสู่อาณาเขตค่ายกลโดยตรง
เย่ซื่อหมิงยืนอยู่ข้างนอกและเฝ้าดูอาจารย์โอวหยางหายเข้าไปในป่า ใบหน้าของเขามืดมนอยู่บ้าง
“ผู้อาวุโสใหญ่ อาจารย์โอวหยางผู้นี้หยิ่งผยองเกินไปแล้ว! คนแบบนี้ จะมีเวทมนตร์เหมือนข่าวลือจริงหรือ?”
ผู้เฒ่าตบหน้าอกของตนและรับรองกับเขา “เจ้าสำนัก ค่ายกลในโลกนี้ หากอาจารย์โอวหยางที่อยู่ในระดับสิบอันดับแรกไม่สามารถทำลายได้ อย่างนั้นก็ยากสำหรับคนอื่นที่จะทำลายมันแล้ว”
เย่ซื่อหมิงพยักหน้า “อย่างนั้นก็รอดูกันเถอะ!”
ไม่กี่นาทีต่อมา อาจารย์โอวหยางก็ออกมาจากค่ายกล ท่าทางของเขาดูอับอายอยู่บ้าง
“อาจารย์โอวหยาง เป็นยังไงบ้าง?” ผู้อาวุโสใหญ่ถามอย่างกระตือรือร้น
ใบหน้าของอาจารย์โอวหยางดูปั้นยากอยู่บ้าง “หึ ฉันประเมินคนที่วางค่ายกลต่ำไป ค่ายกลไม่ใช่ค่ายกลรวมพลังธรรมดาทั่วไป!”
“ในค่ายกลรวมพลัง ยังมีค่ายกลป้องกันอีกชุดหนึ่งอยู่ในนั้น เมื่อครู่ฉันเกือบจะออกมาไม่ได้แล้ว!”
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์โอวหยางได้ใช้ค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุไปแล้ว
เย่ซื่อหมิงขมวดคิ้วและถามว่า “แม้แต่อาจารย์โอวหยางก็ทำลายค่ายกลนี้ไม่ได้หรือ?”
“ในโลกนี้ยังมีใครที่สามารถทำลายมันได้อีก?”
อาจารย์โอหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าสำนักเย่อย่ากังวล แม้ว่าฉันจะทำลายค่ายกลอันใหญ่โตนี้ไม่ได้ แต่ว่า ฉันสามารถพาพวกคุณผ่านพ้นมันไปได้อย่างปลอดภัยและไปถึงภูเขา!”
เย่ซื่อหมิงเอ่ยอย่างรู้สึกประหลาดใจ “อาจารย์โอวหยางไม่จำเป็นต้องทำลายอาคม ขอแค่สามารถพาพวกเราขึ้นไปบนภูเขาได้ก็พอแล้ว”
“เมื่อเราไปถึงภูเขาแล้วจับปรมาจารย์หลินนั่นได้ ค่ายกลก็จะพังทลายลงเอง”
อาจารย์โอวหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ทุกท่านมากับฉัน! ฉันจะพาพวกนายฝ่าค่ายกลนี้ไปเอง!”
ระดับค่ายกลของอาจารย์โอวหยางนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำลายอาคมที่ถูกวางไว้โดยหลินหยุนได้ แต่ว่า หลังจากลองไปหลายสิบครั้ง เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
เมื่อเป็นเวลาราวตีสองกว่า ในที่สุดอาจารย์โอวหยางพากลุ่มสำนักอู๋อิ่งมาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูตึกว่างเยว่