จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 843 ข่าวคราวของยาวิเศษ
ในที่สุดหวางกั๋วเฉียงก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว
“ฮึ่ม ฉันทำงานต่อสู้เพื่อตระกูลหวางมาหลายสิบปี ตอนที่สร้างผลงานมากมายนั้น นายยังอยู่ในท้องแม่อยู่เลย?”
“คิดจะปลดฉันออก ก็ควรจะถามความเห็นของเจ้าบ้านว่าเห็นด้วยหรือไม่ก่อน!”
ถ้าไล่เรียงกันตามศักดิ์แล้ว หวางกั๋วเฉียงและหวางโส่วหลี่พ่อของหวางเซิ่งเฉียนเป็นคนรุ่นเดียวรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่อให้หวางโส่วหลี่ขึ้นมาเป็นเจ้าบ้าน ก็ไม่กล้าที่จะปลดชายชราอย่างเช่นหวางกั๋วเฉียงตามอำเภอใจเช่นนี้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นหวางเซิ่งเฉียนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกไม่นาน ยังไม่ทันได้อยู่เป็นคนรุ่นหลังในตระกูลครบหนึ่งวันเลย
สายตาของหวางกั๋วเฉียง มองไปยังหวางจิงหลงที่นั่งที่อยู่ข้างหลังหวางเซิ่งเฉียน เขาไม่เชื่อว่าหวางจิงหลงจะปลดเขาออกด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านี้
ถ้าทำเช่นนั้น จะเป็นการทำลายขวัญกำลังใจของคนชราตระกูลหวางจำนวนมากเลย
สายตาของคนตระกูลหวางคนอื่นๆ ต่างก็มองไปยังหวางจิงหลงเช่นกัน เพื่อรอดูท่าทีของเขาอยู่
สายตาของหวางจิงหลงเรียบเฉย สีหน้าเคร่งเครียด ดูไม่ออกว่าในใจคิดอะไรอยู่
“หวางกั๋วเฉียงลบหลู่เบื้องสูง ไม่ฟังคำสั่งของผู้แทนเจ้าบ้าน ตอนนี้ยึดคืนสิทธิประโยชน์ทุกอย่างของหวางกั๋วเฉียงทั้งหมด แล้วไล่ออกจากตระกูลไป!”
คำพูดที่ออกจากปากหวางจิงหลง ทำให้คนตระกูลหวางทั้งหมด แสดงสีหน้าช็อกไปตามๆกัน!
สถานการณ์ทุกอย่างเงียบสงัด!
หวางเซิ่งเฉียนเพียงแต่อยากรวบอำนาจในมือของหวางกั๋วเฉียงคืนมาเท่านั้นเอง แต่ว่าหวางจิงหลงถึงกับไล่หวางกั๋วเฉียงออกจากตระกูลไปเลย
เจ้าบ้านคนนี้ สมแล้วที่เป็นคนโหดเหี้ยมตามคำร่ำลือจริงๆ!
หวางกั๋วเฉียงอึ้งอยู่สักพักใหญ่ จากนั้นก็ได้สติกลับคืนมา พูดด้วยรอยยิ้มที่สิ้นหวังว่า: “ช่างเป็นเจ้าบ้านที่โหดเหี้ยมคนหนึ่งจริงๆ สมแล้วที่เป็นคนโหดเหี้ยมที่สามารถไล่ลูกสาวแท้ๆของตัวเองออกจากตระกูลไป แล้วยังลงมือฆ่าหลานแท้ๆของตัวเองได้ลงคออีกด้วย!”
หวางกั๋วเฉียงไม่ได้ขอความเห็นใจอะไรเลย เพราะว่าเขาเข้าใจดีว่า นี่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูของหวางจิงหลงเท่านั้นเอง!
เพื่อเป็นการเสริมอำนาจบารมีที่มั่นคงให้กับหวางเซิ่งเฉียนแล้ว หวางกั๋วเฉียงก็ได้กลายเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายไป
สีหน้าหวางจิงหลงแลดูน่าเกลียดมาก ตะคอกเสียงดังว่า: “ไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้เลย ต่อจากนี้ไป ห้ามให้เขาเหยียบเข้ามาในตระกูลหวางแม้แต่ก้าวเดียว!”
คำพูดเมื่อครู่ของหวางกั๋วเฉียง จี้ตรงจุดเดือดของหวางจิงหลงอย่างไม่ต้องสงสัย จึงทำให้หวางจิงหลงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดของตระกูลหวางก็เดินเข้ามาในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
หวางกั๋วเฉียงก็ทำเสียงฮื่อใส่: “ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้!”
มองดูหวางกั๋วเฉียงเดินจากไป ภายในห้องโถงใหญ่ ในใจของผู้คนตระกูลหวางทั้งหลายต่างก็รู้สึกเครียด
หวางเซิ่งเฉียนยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วถามว่า “ภายในหนึ่งเดือนถล่มบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้สิ้นซากไปเลย สามารถทำได้ไหม?”
ภายในห้องประชุม ไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรเลย
ไม่มีใครอยากจะเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายอีก
“ในเมื่อไม่มีใครพูดอะไรแล้ว งั้นก็ตกลงตามนี้ รวบรวมพละกำลังของตระกูลหวางทั้งหมด ล้อมสกัดกั้นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้หมด!”
“ผมก็ไม่เชื่อ แค่ปรมาจารย์หลินเพียงคนเดียว จะสามารถสู้กับตระกูลหวางเราได้!”
หวางเซิ่งเฉียนสีหน้าเย่อหยิ่ง สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
หวางโส่วหลี่พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “วรยุทธ์ของหลินหยุนไม่ธรรมดาเลย แม้แต่เทพกระบี่เยนหนานเทียนที่เป็นยอดฝีมือเช่นนั้น ยังตายด้วยน้ำมือของเขาเลย ถ้าเขาออกหน้ามายุ่งด้วย พวกเราตระกูลหวางจะต้านทานเขาไว้ไม่ได้นะ!”
หวางเซิ่งเฉียนยิ้มอย่างดูถูก“ไม่เป็นไร ถ้าเขากล้าใช้วรยุทธ์มาแทรกแซงการแข่งขันทางการค้าที่ถูกต้องระหว่างพวกเรากับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปละก็ งั้นคุณปู่ก็สามารถที่จะโยกย้ายกำลังทหารในมือไปจัดการเขาได้อย่างถูกต้องสมเหตุสมผลแล้ว”
หวางโส่วหลี่ไม่พูดอะไรอีกต่อไป คนอื่นก็ไม่มีความเห็นอะไรแล้ว
ถ้าตระกูลหวางจะไปถล่มบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปบริษัทให้ราบคาบโดยไม่แยแสอะไรเลย เช่นนั้นแล้วบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปคงไม่สามารถต้านทานไว้ได้!
ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน ขอเพียงแต่หลินหยุนไม่เข้ามาแทรกแซง อาจไม่แน่ว่าจะสามารถถล่มบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้ราบคาบไปเลยก็ได้
หลังจากสามวันผ่านไป บนดาดฟ้าคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ หลินหยุนก็ลืมตาขึ้นมา
ลำแสงสว่างก็เปล่งประกายแวบเดียวก็หายไป
เดิมทีตัวอ่อนยาทองขนาดโตเท่าเม็ดพุทราที่อยู่ในจุดตันเถียนนั้น ตอนนี้กลายเป็นตัวอ่อนยาจางที่มีขนาดเท่ากับไข่ไก่แล้ว
พลังการฝึกฝนของหลินหยุนก็เลื่อนจากแดนแด่เทพเจ้าตอนปลาย เข้าสู่แดนรวมยาระยะแรกอย่างจริงจังแล้ว
แดนทั้งสามของการฝึกพลังนั้น หลินหยุนก็ได้เข้าไปสู่แดนสุดท้ายอย่างเป็นทางการแล้ว
แดนรวมยา ความหมายเป็นไปตามชื่อ ทั้งหมดล้วนเตรียมเพื่อการผลิตยาทองทั้งนั้น
ถ้าเปรียบยาทองเป็นการสร้างตึกละก็ เช่นนั้นแล้วแดนรวมยาก็คือการวางรากฐานตึกให้มั่งคง ต่อไปจะสร้างตึกสูงอีกกี่ที่ชั้นนั้น ก็ต้องดูว่ารากฐานจะมั่นคงหรือไม่
แน่นอนที่ว่า พละกำลังของหลินหยุนก็ได้ยกระดับสูงขึ้นตามไปด้วย
ถ้าจำแนกตามพลังความสามารถของโลกบู๊ในการแบ่งระดับชั้นแล้ว หลินหยุนตอนนี้ก็นับว่าเข้าสู่แดนเทพอย่างเป็นทางการแล้ว
แน่นอนที่ว่า หลินหยุนอยู่ในแดนเทพเช่นนี้ สามารถเอาชนะนักบู๊แดนเทพส่วนใหญ่ที่มีพละกำลังที่สูงกว่าเขาได้
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง โทรศัพท์มือถือของหลินหยุนก็ดังขึ้น
หงซานเหอโทรศัพท์มาหา
“ท่านหง มีธุระอะไรเหรอครับ?” หลินหยุนถามอย่างเรียบๆ
เสียงของหงซานเหอค่อนข้างเคร่งขรึม: “เจ้าหนู จะบอกข่าวร้ายให้คุณรู้ไว้หน่อย!”
“ลูกดีเด่นของตระกูลหวางกลับมาแล้วนะ!”
หลินหยุนสีหน้าเรียบเฉย “อ๋อ นี่ไม่นับว่าเป็นข่าวร้ายนะ!”
หงซานเหอพูดต่อไปว่า “หวางจิงหลงได้มอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหวาง ให้กับเขาชั่วคราวแล้ว หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งแล้วคำสั่งแรกที่ประกาศออกมา ก็คือจะทุ่มเทกำลังอำนาจทั้งหมดของตระกูลหวางมาถล่มบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้ราบคาบไปเลย!”
หลินหยุนก็ยังคงมีท่าทีเรียบเฉยเช่นเดิม “หลายปีที่ผ่านมา ตระกูลหวางก็คิดแต่จะถล่มบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ต่องพ่ายแพ้ไป”
หงซานเหอฟังดูแล้วรู้สึกหลินหยุนค่อนข้างประมาท จึงพูดด้วยเสียงเข้มงวดว่า “เจ้าหนู คราวนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว! เมื่อก่อนตระกูลหวางก็ยังไม่เคยทุ่มเทพลังอำนาจทุกอย่างเต็มที่ แต่คราวนี้หวางจิงหลงจะลงมือเอาจริงแล้วนะ!”
“อาจไม่แน่เป็นเพราะว่าคุณที่ไปกระตุ้นให้เขาทำเช่นนี้ก็ได้”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ไม่เป็นไร เขาเข้ามาคนหนึ่ง ฉันก็ฆ่าคนหนึ่งก็แล้วกัน ดูสิว่าตระกูลหวางมีคนสักเท่าไหร่ที่พอจะให้ฉันฆ่าได้มั่ง”
หงซานเหอพูดว่า “ฉันโทรศัพท์มาหาคุณคราวนี้ ก็เพื่อจะมากำชับคุณว่า คราวนี้ตระกูลหวางใช้วิธีการแข่งขันทางธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา คุณไม่สามารถใช้กำลังบู๊ได้เลย ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะทำให้หวางจิงหลงจับจุดอ่อนในการโจมตีคุณได้”
“ถึงเวลานั้น ถ้าหวางจิงหลงจะใช้กำลังทหารมาจัดการกับคุณละก็ ประธานาธิบดีก็คัดค้านไม่ได้แล้ว!”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “วางใจเถอะ ต่อให้ไม่ต้องใช้พละกำลังบู๊ ฉันก็ไม่เคยเห็นตระกูลหวางอยู่ในสายตาอยู่แล้ว”
หงซานเหอทำเสียงฮื่อใส่ “ฉันขอเตือนคุณนะ อย่าประมาทเชียว หวางเซิ่งเฉียนไม่ใช่รับมือได้ง่ายๆ และยังมีอีกอย่าง อย่าได้ทำให้ประธานาธิบดีต้องลำบากใจอีก เพราะเรื่องของนายแล้ว เขาได้แหกกฎมาหลายครั้งแล้ว”
“ทราบแล้วครับ ผมฝากขอบคุณประธานาธิบดีด้วยนะครับ” หลินหยุนพูด
หงซานเหอพูดว่า: “นับว่าเจ้าหนูแกยังมีมโนธรรมในจิตใจอยู่บ้าง วางสายแล้วนะ”
หลังจากจบการพูดคุยทางโทรศัพท์แล้ว หลินหยุนก็ยืนอยู่บนดาดฟ้า แหงนมองไปยังท้องฟ้าทางด้านทิศเหนือ
“ลูกดีเด่นของตระกูลหวางเหรอ? หวางเซิ่งเฉียน………”
“ก็แค่ตัวตลกกระโดดโลดเต้นไปมาคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
หลินหยุนไม่ได้เห็นหวางเซิ่งเฉียนอยู่ในสายตาเลย
ถ้าใช้วิธีการแข่งขันทางธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาละก็ เขาเชื่อว่าอาศัยฝีมือของแม่แก่รวมทั้งอำนาจเงินทองที่เขาได้สะสมมาในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ต่อให้ตระกูลหวางใช้พลังอำนาจทั้งหมดออกมา ก็ทำอะไรบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปไม่ได้
“ตอนนี้ฉันเพิ่งจะเข้าสู่แดนรวมยา ถึงแม้จะหาสมุนไพรเพื่อใช้ในการกลั่นยารวมทิพย์เพลิงแดงไม่ได้ แต่ว่า ถ้าสามารถหาเพลิงไฟใต้ดินให้พบ ก็สามารถกลั่นตัวอ่อนยาจางออกมาได้เช่นกัน”
“ดูตามสภาพภูมิประเทศแล้ว ถ้าพื้นที่ที่ไหนมีเพลิงไฟใต้ดินละก็ รอบๆบริเวณนั้นก็จะต้องเป็นพื้นที่ทะเลทรายแห้งแล้งในวงกว้างอย่างแน่นอน”
เมื่อหันกลับไปดูพวกซูจื่อเหลียง เห็นว่าบาดแผลของซูจื่อเหลียงก็หายดีแล้ว ตอนนี้กำลังดูดซับฤทธิ์ยาของยาสร้างกระดูกอย่างเต็มที่
หลังจากที่ซูหนานผ่านการสู้รบครั้งใหญ่นี้แล้ว ชี่ทิพย์ภายในร่างกายก็ได้รับการหล่อหลอมเพิ่มขึ้นมากแล้ว ตอนนี้เขากำลังพยายามฝึกฝนบำเพ็ญตนอยู่ เพื่อเตรียมตัวจะเข้าสู่แดนที่ระดับสูงกว่านี้
สำหรับคาร์นอตวิลเลียมแล้ว กลับเหมือนปีศาจที่บ้าคลั่ง วันๆปากก็ได้แต่ท่องบทความตลอดเวลา เมื่อฟังให้ดีก็คือวิชาการฝึกวรยุทธ์ตอนหนึ่งที่หลินหยุนได้ถ่ายทอดให้กับเขานั่นเอง
เรื่องของการบำเพ็ญเพียรนั้น หลินหยุนสามารถจุดประกายให้ได้ แต่ว่าถ้าคาร์นอตวิลเลียมก็ยังไม่สามารถเริ่มเข้าไปปฏิบัติขั้นพื้นฐานแล้ว งั้นก็แสดงว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรจริงๆ
หลินหยุนเดินลงจากเขา แล้วมุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพื่อไปตามหาเพลิงไฟใต้ดินสำหรับใช้ในการกลั่นตัวอ่อนยาจาง
แต่ว่ายังไม่ทันที่หลินหยุนจะออกจากเขตหลินโจวเลย ทันใดนั้นก็ได้พบว่ามีนักบู๊จำนวนมากมายมารวมตัวอยู่ในหลินโจวแล้ว
หลินหยุนได้ฟังข่าวจากการพูดคุยของพวกเขาว่า บนเขาชื่อเสียในบริเวณแม่น้ำเหลืองนั้น ได้ปรากฏงูหลามยักษ์ที่ขนาดลำตัวใหญ่เท่าถังน้ำ
งูหลามยักษ์ที่ขนาดลำตัวใหญ่เท่าถังน้ำถึงแม้จะหาได้ยากก็จริง แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะดึงดูดนักบู๊จำนวนมากมายเช่นนี้ให้มารวมตัวกันได้
แต่ว่า ยาวิเศษที่งูหลามยักษ์ปกป้องอยู่นั้น ก็มากพอที่จะทำให้พวกนักบู๊จำนวนมากน้ำลายไหลแล้ว
ตามที่พวกนักบู๊บรรยาย หลินหยุนก็คาดเดาได้ว่า นั่นอาจเป็นไปได้ว่าเป็นหญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิงต้นหนึ่ง