จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 862 จุดจบบริษัทตงหวางกรุ๊ป
หลินหยุนเก็บตัวฝึกพลังบู๊และฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
ซูจื่อเหลียงเดินทางไปที่บริษัทตงหวางกรุ๊ปในมณฑลจงโจว เขาทำตัวเหมือนเมื่อก่อนเลย ค่อยปกป้องหวางซูเฟินกับฉินหลันอย่างลับๆ
ครั้งนี้หลินหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัส ผ่านไปสี่สิบห้าวัน ก็ยังไม่มีข่าวคราวของเขาเลย
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนครึ่งนี้ ซูจื่อเหลียงได้เห็นกับตาถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหวาง
แน่นอน เขาก็เห็นถึงความอัจฉริยะด้านธุรกิจของหวางซูเฟินด้วย
ครั้งนี้ตระกูลหวางพยายามอย่างเต็มที่และใช้กำลังทั้งหมดของตัวเองในด้านธุรกิจ โจมตีและกวาดล้างบริษัทตงหวางกรุ๊ป
บริษัทตงหวางกรุ๊ปได้รับความช่วยเหลือจากหลินหยุน ทำให้ธุรกิจของพวกเขาได้พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
แต่เมื่อเทียบกับตระกูลหวาง พวกเขายังถือว่าห่างไกลกันมาก
บริษัทตงหวางกรุ๊ปยืนหยัดต่อสู้มาได้หนึ่งเดือนครึ่งแล้ว ในที่สุดบริษัทตงหวางกรุ๊ปก็โดนตระกูลหวางบีบบังคับจนไม่มีทางรอด
ในฐานะผู้นำของสี่ตระกูลผู้มั่งคั่งที่สุด ความแข็งแกร่งของตระกูลหวางนั้นน่ากลัวมากๆ
เช่นเดียวกับตอนแรกที่รับมือการโจมตีด้านธุรกิจของตระกูลหวาง หวางซูเฟินเคยพูดกับฉินหลันประโยคหนึ่ง:พวกเราต่อสู้กับตระกูลหวาง อย่าคาดหวังว่าจะได้รับชัยชนะ ขอแค่ยืนหยัดต่อสู้ได้มากขึ้นสองสามวัน ไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอับอายก็พอแล้ว
หวางซูเฟินเป็นลูกหลานสายตรงของตระกูลหวาง เธอรู้ดีว่าตระกูลหวางนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
และยังไม่รวมถึงคนที่ค่อยสนับสนุนตระกูลหวางอยู่เบื้องหลังด้วย
อย่างไรก็ตาม มีเพียงบริษัทตงหวางกรุ๊ปที่มีความแข็งแกร่งแบบนี้ ถึงสามารถรับมือการโจมตีอันแข็งแกร่งของตระกูลหวางและยืนหยัดได้หนึ่งเดือนครึ่ง
ถ้าเปลี่ยนเป็นบริษัทอื่นๆ แม้แต่ตระกูลอีของเจียงหนาน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันแข็งแกร่งขนาดนี้ของตระกูลหวาง พวกเขาก็คงรับมือและยืนหยัดได้เพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น
ในระยะเวลาสี่สิบห้าวันที่ผ่านมา ตระกูลหวางได้ใช้วิธีต่างๆทางด้านธุรกิจมาบีบบังคับและโจมตี พวกเขาไม่ได้ใช้กำลังในการโจมตีหรือแผนชั่วอะไรเลย
หวางซูเฟินก็รับมือได้อย่างถูกวิธี เธอยังเคยต่อกรกับหวางเซิ่งเฉียนและสู้กันได้อย่างสูสี
เพียงแต่ตระกูลหวางแข็งแกร่งมากจนเกินไป ในธุรกิจทุกๆด้าน ตระกูลหวางก็ได้เปรียบและสามารถเอาชนะบริษัทตงหวางกรุ๊ปได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้หวางซูเฟินจะเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจ แต่เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ามากๆ ทำให้เธอไม่สามารถใช้ความอัจฉริยะด้านธุรกิจของตัวเองเลย
ในขณะที่บริษัทตงหวางกรุ๊ปเผชิญกับวิกฤต ซูจื่อเหลียงเคยคิดที่จะลงมือช่วย
แต่เขากลับโดนสมาชิกของหน่วยมังกรห้ามไว้
คำพูดของสมาชิกหน่วยมังกรที่พูดกับซูจื่อเหลียง เหมือนกับคำพูดที่หงซานเหอเคยเตือนหลินหยุนเลย
ถ้าตระกูลหวางไม่ใช้กำลังเข้ามาต่อสู้ คนของซูจื่อเหลียงก็ห้ามใช้กำลังเข้าต่อสู้เหมือนกัน
แน่นอน ถ้ามีเพียงสมาชิกของหน่วยมังกรเตือนซูจื่อเหลียง บางทีซูจื่อเหลียงอาจจะไม่ฟัง
แต่เมื่อหวางซูเฟินก็พูดคำพูดเหล่านี้ออกมา ซูจื่อเหลียงก็จำใจต้องฟัง
ซูจื่อเหลียงได้รับคำสั่งจากหลินหยุนให้มาปกป้องหวางซูเฟินกับฉินหลัน
ดังนั้นในสายตาของซูจื่อเหลียงมีเพียงหวางซูเฟินกับฉินหลันและบริษัทตงหวางกรุ๊ป
แต่หวางซูเฟินเป็นคนที่มองการณ์ไกล ถ้าซูจื่อเหลียงเป็นคนที่เริ่มใช้กำลังเข้าต่อสู้ก่อน ก็จะกลายเป็นข้ออ้างให้กับตระกูลหวาง
ถ้าทำอย่างนี้ไม่เพียงทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลหวางมีข้ออ้างในการลงมือ และอาจจะทำให้ตระกูลหวางสามารถใช้อำนาจในรัฐบาลจีนเพื่อโจมตีหลินหยุนกับบริษัทตงหวางกรุ๊ปด้วย
คำพูดของหวางซูเฟินทำให้ซูจื่อเหลียงต้องเชื่อฟัง
ซูจื่อเหลียงต้องจำใจและคอยสังเกตการณ์ตระกูลหวางอยู่ตลอดเวลา ถ้าตระกูลหวางกล้าใช้กำลังในการต่อสู้ เขาก็จะสามารถลงมือได้อย่างเต็มที่
น่าเสียดายที่ตระกูลหวางไม่ให้โอกาสนี้กับซูจื่อเหลียง
เมื่อเห็นว่าบริษัทตงหวางกรุ๊ปโดนบีบบังคับจนไม่มีทางรอด ทำให้ซูจื่อเหลียงร้อนใจมากๆเหมือนมดที่อยู่บนเตาร้อนๆ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซูจื่อเหลียงกลับไปที่ตึกว่างเยว่ในเมืองหลินโจวหลายครั้ง เขาอยากบอกเรื่องที่บริษัทตงหวางกรุ๊ปเผชิญวิกฤตให้หลินหยุนรับรู้
แต่หลินหยุนเก็บตัวฝึกพลังบู๊ตลอด และด้านนอกห้องก็มีค่ายกลที่ทรงพลังคอยปกป้องอยู่ด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ช่วงที่ฝึกพลังบู๊และสำคัญมากๆของหลินหยุนแล้ว หลินหยุนก็คงไม่สร้างค่ายกลที่ทรงพลังแบบนี้ออกมา
ดังนั้นซูจื่อเหลียงรู้ตัวดี การเก็บตัวฝึกพลังบู๊ของหลินหยุนในครั้งนี้ มันเป็นช่วงสำคัญมากๆในด้านการฝึกพลังบู๊ของหลินหยุนและห้ามรบกวนเขาเด็ดขาด
ดังนั้นซูจื่อเหลียงทำได้เพียงรีบกลับมาที่มณฑลจงโจวและคอยสังเกตตระกูลหวางตลอด เขาทำได้เพียงยืนดูตระกูลหวางค่อยๆกลืนกินธุรกิจของบริษัทตงหวางกรุ๊ปอย่างช้าๆและบีบบังคับจนบริษัทตงหวางกรุ๊ปไม่มีทางรอด
ในตอนเช้าของวันนี้ ตระกูลหวางเริ่มจัดงานฉลองความสำเร็จในคฤหาสน์ของพวกเขาในมณฑลจงโจว
หวางเซิ่งเฉียนจัดงานเลี้ยงฉลองด้วยท่าทางของผู้ชนะ
งานเลี้ยงนี้เขาได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่เข้าร่วมการโจมตีบริษัทตงหวางกรุ๊ป
แน่นอน ยังรวมไปถึงพวกนกสองหัวในมณฑลจงโจวอีกด้วย คนเหล่านี้ เมื่อก่อนก็เคยเป็นลูกน้องของบริษัทตงหวางกรุ๊ป
ตอนนี้เมื่อตระกูลหวางโจมตีบริษัทตงหวางกรุ๊ป พวกเขารู้สึกว่าบริษัทตงหวางกรุ๊ปต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ทำให้พวกเขารีบหักหลังบริษัทตงหวางกรุ๊ปและเข้าร่วมกับตระกูลหวางทันที
ถ้าไม่ใช่คนเหล่านี้หักหลัง บางทีบริษัทตงหวางกรุ๊ปอาจจะยืนหยัดได้มากกว่านี้อีกหนึ่งเดือน
หวางเซิ่งเฉียนที่ใส่ชุดสูทสีขาว มีสีหน้าที่หล่อเหลาและเย็นชา เขาถือแก้วไวน์และเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยง
เขาเดินมาที่ด้านหน้าเวที พิธีกรสาวรีบเดินเข้ามาทันที เธอยิ้มและส่งไมโครโฟนให้เขา
แต่หวางเซิ่งเฉียนปฏิเสธเธอทันที
หวางเซิ่งเฉียนเอ่ยปากพูดทันที:”ทุกท่าน การโจมตีบริษัทตงหวางกรุ๊ปในครั้งนี้ ทุกท่านคือผู้ช่วยคนสำคัญของพวกเรา”
“ตอนนี้บริษัทตงหวางกรุ๊ปใกล้จะถึงจุดจบแล้ว หลังจากที่พวกเราเลี้ยงฉลองเสร็จ พวกเราก็ไปที่บริษัทตงหวางกรุ๊ปเพื่อพูดคุยเรื่องเข้าซื้อธุรกิจของบริษัทตงหวางกรุ๊ปกับหวางซูเฟินทันที”
ในห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่โต คำพูดของหวางเซิ่งเฉียนก็ไม่ได้เสียงดังมากนัก แต่คำพูดนี้กลับทำให้ทุกคนในงานเลี้ยงได้ยินอย่างชัดเจน
ทุกคนรู้สึกเหมือนกับเขายืนพูดอยู่ใกล้ๆตัวเอง
เรื่องนี้ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน พลังบู๊ของหวางเซิ่งเฉียนนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“คุณชายไม่ต้องเกรงใจ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของพวกเรา พวกเราจะทำอย่างสุดความสามารถ”
ทุกคนรีบลุกขึ้นมาทันที และยกแก้วขึ้นมาเพื่อเป็นการเคารพเขา
ถึงแม้ตอนที่หวางเซิ่งเฉียนกลับมาที่ตระกูลหวางใหม่ๆ เขาแสดงความหยิ่งยโสและเลือดเย็นออกมา ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่พอใจเขา
อย่างไรก็ตาม ตลอดหนึ่งเดือนครึ่งที่พวกเขาบีบบังคับและโจมตีบริษัทตงหวางกรุ๊ป ทำให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถของหวางเซิ่งเฉียนอย่างชัดเจน
สามารถพูดได้อย่างเต็มปาก หวางเซิ่งเฉียนมีความอัจฉริยะด้านธุรกิจมากๆ ไม่ได้ด้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น หวางเซิ่งเฉียนยังเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งมากๆอีกด้วย
และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ตอนนี้หวางเซิ่งเฉียนยังหนุ่ม เขายังมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น คงจินตนาการได้เลย หลังจากหวางจิงหลงเกษียณอายุแล้ว คนที่จะมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลหวาง ไม่ใช่คนรุ่นลูกของหวางจิงหลง แต่คนที่รับตำแหน่งผู้นำตระกูลต้องเป็นหวางเซิ่งเฉียนที่เป็นหลานของหวางจิงหลง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้นำตระกูลหวางในอนาคต ไม่มีใครกล้าบ่นหรือไม่พอใจหวางเซิ่งเฉียนอีก
ดูเหมือนว่าหวางเซิ่งเฉียนไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่นจะมีทัศนคติต่อตัวเองยังไง
เขาไม่สนใจเรื่องนี้จริงๆ ตระกูลหวางที่อยู่ในโลกมโนธรรม ถึงแม้จะเป็นผู้นำของสี่ตระกูลผู้มั่งคั่ง แต่เขาเข้าใจดี
ตระกูลหวางก็เป็นแค่ตระกูลหนึ่งในโลกมโนธรรมที่ค่อยรับใช้ผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเขาเท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นผู้นำสี่ตระกูลผู้มั่งคั่ง แต่เมื่อเทียบกับผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเขา มันเทียบไม่ได้จริงๆ
ดังนั้น ในสายตาของเขาไม่มีตระกูลหวางเลย แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้สนใจลูกน้องของตระกูลหวางเหล่านี้ด้วย
เขากลับมาครั้งนี้ ก็เพราะทำตามคำสั่งเท่านั้น
กวาดล้างบริษัทตงหวางกรุ๊ป เป็นแค่เรื่องแรกเท่านั้น จุดประสงค์ของเขานั้นใหญ่มากๆ มันใหญ่มากๆจนอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายในโลกได้
ตระกูลหวางจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่ฝั่งบริษัทตงหวางกรุ๊ปอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มากๆ
ในตึกของบริษัทตงหวางกรุ๊ป พนักงานที่รับสมัครเข้ามาทำงานใหม่ ต่างพากันหนีจากไปหมด
เพราะทุกคนแค่ถามก็รู้ว่าตระกูลหวางเป็นคนโจมตีบริษัทตงหวางกรุ๊ปในครั้งนี้
ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง ทำให้คนธรรมดาพวกนี้ไม่กล้าต่อกรกับตระกูลหวางด้วยซ้ำ
และการสู้รบกันในด้านธุรกิจที่ต่อเนื่องมาสี่สิบห้าวัน เมื่อเห็นว่าบริษัทตงหวางกรุ๊ปค่อยๆโดนบีบจนไม่มีทางรอด คนส่วนใหญ่ก็คิดอย่างเดียวว่าตัวเองควรทำยังไงต่อ
แม้แต่ผู้บริหารระดับกลางถึงระดับสูงของบริษัทตงหวางกรุ๊ปบางส่วนก็แอบไปเข้ากับตระกูลหวาง
ตอนนี้คนที่เหลืออยู่ในบริษัทตงหวางกรุ๊ปมีเพียงคนแก่ๆเท่านั้น
ในห้องทำงานของหวางซูเฟิน
ฉินหลันมองหวางซูเฟินที่กำลังจับหน้าผากของตัวเอง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และพูดด้วยความเจ็บใจว่า:”ท่านประธาน ครั้งนี้ตระกูลหวางเอาจริง แม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจด้านการรักษา ธุรกิจด้านอาหาร และธุรกิจด้านรถยนต์ พวกเขากลั่นแกล้งและโจมตีธุรกิจของพวกเราทั้งหมด การโจมตีด้านธุรกิจของพวกเขาในครั้งนี้ รุนแรงกว่าครั้งก่อนๆเป็นร้อยเท่า”
“ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราในตอนนี้ คงจะไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน”
“พวกเราโทรหาหลินหยุนไหม?”
หลังจากฉินหลันพูดจบ เขาก็มองหวางซูเฟินอย่างมีความหวัง