จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 864 ให้เวลาคุณสามวัน
หวางซูเฟินพูดปฏิเสธทันที:”ไม่จำเป็น ฉันเคยพูดแล้ว ถึงแม้มันจะไม่มีค่าแม้แต่บาทเดียว ฉันก็จะไม่ขายบริษัทตงหวางกรุ๊ปให้คุณ!”
“พวกคุณมายังไงก็ไสหัวกลับไปอย่างนั้น!”
จางหลินเยว่โกรธมากๆและชี้หน้าหวางซูเฟินเขาตะโกนด้วยความโกรธ:”หวางซูเฟิน คุณเป็นแค่คนรุ่นหลัง คุณกล้าพูดอย่างนี้กับญาติผู้ใหญ่เหรอ?”
“ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนั้นผู้นำตระกูลไล่เธอออกจากตระกูล เดิมทีฉันยังรู้สึกสงสารเธอ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว การตัดสินใจของผู้นำตระกูลในตอนนั้น มันเป็นเรื่องที่ฉลาดมากๆ!”
สีหน้าของหวางซูเฟินเปลี่ยนไปทันที หลายปีมานี้เรื่องนี้คือเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจมากๆ เธอคาดคิดไม่ถึงจริงๆว่าไอ้แก่อย่างจางหลินเยว่เอาเรื่องนี้มาพูดโจมตีเธอ
ใบหน้าของหวางซูเฟินแสดงความเย็นชาออกมา เธอเหล่มองไปที่จางหลินเยว่และพูด:”มันเป็นความโชคดีของฉัน ยังดีที่ฉันออกมาจากตระกูลหวาง ถ้าตระกูลหวางในตอนนี้ยังเหลือแต่ไอ้แก่ไร้ยางอายอย่างพวกคุณ ฉันอยู่ตระกูลหวางก็คงจะรู้สึกขยะแขยงมากๆ!”
จางหลินเยว่โกรธมากๆและชี้หน้าหวางซูเฟิน:”คุณ คุณ คุณพูดอะไรนะ……”
ชายชราหายใจไม่ทันและเป็นลมทันที ยังดีที่คนข้างหลังรับเขาไว้ทัน
สายตาที่หวางเซิ่งเฉียนมองดูจางหลินเยว่ฉายแววดูถูกเยาะเย้ย และพูดในใจ:”เป็นชายชราที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ เจอคำพูดแค่นี้ก็โกรธจนเป็นลม มันน่าขายหน้าจริงๆ!”
แต่หวางเซิ่งเฉียนไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมา และยังพูดปลอบใจจางหลินเยว่ด้วย
“หาคนมาสองคนและพาประธานจางไปโรงพยาบาลหน่อย!”
จางหลินเยว่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า:”ฉัน……ไม่เป็นไร ฉันไม่กล้า……รบกวน……คุณชายใหญ่!”
หวางเซิ่งเฉียนถามด้วยความเป็นห่วง:”ไม่เป็นไร คุณไปพักผ่อนเถอะ เรื่องของที่นี่ฉันจะเป็นคนจัดการเอง!”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกัน คุณชายใหญ่ต้องทวงความยุติธรรมให้ฉันด้วย!”จางหลินเยว่โกรธมากๆและจ้องมองไปที่หวางซูเฟิน
“ประธานจางโปรดวางใจ ฉันจะทวงความยุติธรรมให้คุณอย่างแน่นอน!”หวางเซิ่งเฉียนแสดงสีหน้าโกรธเคืองออกมาทันที
ทำให้คนที่รับใช้ตระกูลหวาง รู้สึกดีใจมากๆทันที
มีชายชราของตระกูลหวางคนหนึ่งถอนหายใจทันที:”ถ้าใครกล้าพูดว่าคุณชายเซิ่งเฉียนไร้น้ำใจ? คำพูดนี้ฉันไม่เห็นด้วยจริงๆ!”
“ตอนนั้นที่ไล่หวางกั๋วเฉียงออกจากตระกูล มันเป็นความผิดของหวางกั๋วเฉียงเอง!”
มีอีกคนหนึ่งก็พูดทันที:”ใช่ ฉันมองเห็นคุณชายเซิ่งเฉียนเป็นห่วงจางหลินเยว่มากๆ เขาเป็นแค่คนนอกที่รับใช้ตระกูลหวาง แต่ก็ได้รับความห่วงใยจากคุณชายเซิ่งเฉียน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณชายเซิ่งเฉียนไม่ใช่คนไร้น้ำใจและเย็นชา!”
และมีอีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า:”เขาไม่เพียงไม่ใช่คนไร้น้ำใจและเย็นชา แต่ยังเป็นสุภาพบุรุษมากๆด้วย!”
มีคนหลายๆคนสนทนากันเบาๆ แต่คำพูดของพวกเขาก็ได้รับความเห็นด้วยจากคนส่วนใหญ่
หวางเซิ่งเฉียนหัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ในใจ เขาแค่ใช้วิธีง่ายๆนิดเดียว ก็ทำให้คนพวกนี้ก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเขาไปเลย
หวางเซิ่งเฉียนมองไปที่หวางซูเฟินและพูดว่า:”ท่านประธานหวาง คุณลองกลับไปคิดดูดีๆก่อน ขายบริษัทตงหวางกรุ๊ปให้ฉัน ฉันจะให้เงินมหาศาลกับคุณ เงินจำนวนนี้คุณสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต!”
“แต่ถ้าคุณยังยืนกรานที่จะยืนหยัดต่อไป คุณก็คงยืนหยัดได้ไม่เกินสามวัน”
“ยังมีอีกเรื่อง คุณอย่าคาดหวังว่าหลินหยุนจะช่วยคุณได้ ฉันจะบอกคุณตามตรง เพื่อนของเขาจำนวนมาก ตอนนี้ยังเอาตัวไม่รอดเลย ”
หวางซูเฟินรู้สึกตกใจมากๆและพูดด้วยความโกรธ:”คุณหมายความว่ายังไง?”
หวางเซิ่งเฉียนหัวเราะด้วยความเย็นชาและพูดออกมา:”ตระกูลอีของเจียงหนาน เจี่ยงสงของเมืองหลินโจว และยังมีเพื่อนนักเรียนของเขาในตระกูลฉิน ยังรวมไปถึงตระกูลหลินของมณฑลอูซู ตอนนี้พวกเขาคงยุ่งมากๆ!”
“พวกเขายุ่งมากๆและไม่มีเวลามาช่วยคุณ ดังนั้น ถ้าคุณยังมีคาดหวังว่าพวกเขาจะมาช่วย ฉันคิดว่าคุณควรตัดใจได้แล้ว!”
หวางซูเฟินรู้สึกหนักอึ้งในใจ เดิมทีเธอยังคาดหวังว่าหลินหยุนจะออกมาช่วยเธอ เมื่อมองจากสถานการณ์ตอนนี้ ถึงแม้หลินหยุนจะเก็บตัวฝึกพลังบู๊สำเร็จและออกมาก็ช่วยเธอไม่ได้
ตระกูลหวางได้เตรียมการทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ดูเหมือนครั้งนี้ตระกูลหวางได้ลงมือโจมตีบริษัทตงหวางกรุ๊ปอย่างสุดกำลังที่พวกเขามีอยู่!”
เมื่อมองเห็นว่าหวางซูเฟินไม่พูดอะไร หวางเซิ่งเฉียนก็หัวเราะอย่างเย็นชาและพูด:”เอาอย่างนี้ละกัน ฉันจะให้เวลาคุณกลับไปคิดสามวัน หลังจากสามวันแล้ว ฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าคุณจะยอมรับปากหรือไม่ ฉันจะจัดงานเลี้ยงฉลองครั้งใหญ่ที่บริษัทตงหวางกรุ๊ป!”
“เมื่อถึงตอนนั้น ฉันยินดีต้อนรับคุณและหลินหยุนมาร่วมงานฉลอง”
“ฮ่าๆๆ……”
เมื่อพูดจบ หวางเซิ่งเฉียนก็เดินจากไปพร้อมกับสีหน้าที่ภาคภูมิใจ
หวางซูเฟินโกรธมากๆจนหน้าดำ ดูเหมือนร่างกายของเธอสูญเสียพลังทั้งหมด เธอทรุดตัวลงบนเก้าอี้
“ท่านประธาน คุณเป็นอะไรไหม?”ฉินหลันถามด้วยความเป็นห่วง
หวางซูเฟินโบกมือและพูดด้วยน้ำเสียงอิดโรย:”ฉันไม่เป็นไร”
“คิดไม่ถึงจริงๆว่าครั้งนี้ตระกูลหวางจะทำเรื่องโหดร้ายขนาดนี้ แม้แต่เพื่อนของหลินหยุนก็ได้รับความเดือดร้อนไปด้วย”
แต่ในจิตใจของฉินหลันยังมีความหวังสุดท้ายอยู่:”ท่านประธาน ถ้ายังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย อย่ายอมแพ้เด็ดขาด!”
“หลินหยุนยังเก็บตัวฝึกพลังบู๊อยู่ เมื่อยังไม่เห็นหน้าหลินหยุน เรื่องทั้งหมดก็ยังมีความหวังอยู่ คำพูดของหวางเซิ่งเฉียนเชื่อไม่ได้ทั้งหมด คนที่สามารถช่วยเราได้ มีเพียงหลินหยุนคนเดียว”
เมื่อได้ยินคำพูดอันหนักแน่นของฉินหลัน ทำให้หวางซูเฟินมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม เธอพูดถูก เจอหน้าเสี่ยวหยุนแล้วค่อยว่ากันอีกที!”
“เมื่อยังไม่ได้เจอเสี่ยวหยุน ฉันต้องไม่ถูกหวางเซิ่งเฉียนหลอกจนต้องยอมแพ้เด็ดขาด!”
……
ตระกูลอีในเจียงหนาน
ตั้งแต่ปรมาจารย์หลินปรากฏตัวและฆ่าศัตรูของตระกูลอี และแสดงเจตนาที่ดีต่ออีหลิงที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอี
และเขาก็ฆ่าโล่อู๋จี๋ที่เป็นเทพแห่งทวนเพื่อตระกูลอีที่งานสี่วีรบุรุษด้วย
ทำให้เจียงหนานและผู้มีอำนาจต่างๆที่อยู่รอบๆเมืองเจียงหนาน เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลอีทั้งหมด
ความแข็งแกร่งของตระกูลอีเพิ่มขึ้นเร็วมากๆในระยะเวลาอันสั้น และกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนาน
ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลอันดับหนึ่งของชาวจีนตอนใต้ ค่อยๆมีชื่อเสียงไล่ตามสี่ตระกูลผู้มั่งคั่งของเมืองหลวง
แต่ในช่วงหนึ่งเดือนครึ่งที่ผ่านมา อีหยุ่นรู้สึกว่าตระกูลบางส่วนในเจียงหนาน โดยเฉพาะอย่างตระกูลป๋าย ที่มีความแข็งแกร่งเป็นรองแค่ตระกูลอี ช่วงนี้พวกเขามีการเคลื่อนไหวเยอะมาก
อีหยุ่นไม่เชื่อว่าพวกเขากล้าทำเรื่องที่ส่งผลกระทบไม่ดีต่อตระกูลอี เพราะความสัมพันธ์ของตระกูลเหล่านี้กับตระกูลอี มันเป็นการร่วมธุรกิจที่ต่างฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์
อีหยุ่นเข้าใจดี ถึงแม้พวกเขาจะอาศัยบารมีของหลินหยุน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ตระกูลเหล่านี้เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลอีตลอดไป
ถ้ามีผลประโยชน์ที่มากพอ ถึงจะทำให้ตระกูลเหล่านี้ ยอมเชื่อฟังคำสั่งของตระกูลอีตลอดไป
แต่สิ่งที่ทำให้อีหยุ่นคาดคิดไม่ถึงก็คือ
ในวันนี้ ตระกูลป๋ายร่วมมือกับหลายๆตระกูลใหญ่ๆของเจียงหนาน มาที่คฤหาสน์ของตระกูลอี
ผู้นำตระกูลอีมองคนของตระกูลป๋ายที่นั่งอยู่ในห้องโถงรับแขกด้วยสีหน้าที่เย็นชาและน่ากลัวมากๆ
ป๋ายจ่านถังที่เป็นผู้นำตระกูลป๋าย และยังมีพี่น้องตระกูลป๋ายที่ชื่อป๋ายรุ่ยเหวินกับป๋ายรุ่ยซิน และคนของตระกูลอื่นๆที่เคยชื่อฟังคำสั่งของตระกูลอี
ในเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดได้มารวมตัวที่คฤหาสน์ของตระกูลอี
พี่น้องตระกูลป๋ายสองคนนี้ ก็คือคนที่หาเรื่องหลินหยุนตอนที่หลินหยุนมาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของอีหลิง และหลินหยุนก็ทำให้พวกเขาสองคนตกใจกลัวมากๆ
“พี่ป๋าย คุณทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง?”อีหยุ่นมองไปที่ป๋ายจ่านถังและถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ป๋ายจ่านถังหัวเราะออกมาและพูด:”คุณอี ฉันรู้ว่าคุณอาจจะรู้สึกแปลกใจมากๆ แต่ตระกูลอีใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่เจียงหนานมานานแล้ว สำหรับตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนาน มันถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนเป็นของตระกูลอื่นแล้ว!”
“พี่อี คุณคิดว่าไง?”
อีหยุ่นพูดด้วยความโกรธ:”พี่ป๋ายและทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ ฉันคิดว่าฉันดีกับทุกคนมากๆ ทำไมพวกคุณต้องทำอย่างนี้ด้วย?”
“ถึงแม้จะเปลี่ยนตระกูลใหม่มาแทนที่ตระกูลอีของพวกเรา พวกคุณคิดว่าเขาจะยอมให้ผลประโยชน์มากกว่าที่ตระกูลอีให้พวกคุณเหรอ?”
ป๋ายจ่านถังหัวเราะและพูด:”คุณอีเป็นคนร้ายกาจจริงๆ จนถึงตอนนี้แล้ว ยังพูดให้พวกเราแตกคอกันได้”
“ฉันจะบอกคุณตามตรง พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ พวกเราไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ พวกเราสนใจแค่ชื่อเสียงของตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนานเท่านั้น!”
“ตระกูลอี ถึงเวลาที่ควรลงจากตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนานได้แล้ว!”
ป๋ายจ่านถังพูดอย่างหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว
อีหยุ่นพูดอย่างเย็นชา:”ถ้าคุณอยากได้ตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนาน แค่พูดอย่างเดียวมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ต้องดูว่าคุณมีความแข็งแกร่งมากพอไหม”
“คุณคิดว่า ตระกูลป๋ายสามารถแทนที่ตระกูลอีของพวกเราได้เหรอ?”
“หึ ถึงแม้ฉันที่เป็นผู้นำตระกูลอียอมยกตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งออกมา ตระกูลป๋ายของคุณกล้าขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนานได้อย่างมั่นคงเหรอ?”