จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 874 ครึ่งหนึ่งของจีน
ชื่อเสียงของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนัน แม้ว่าในช่วงสองปีมานี้จะตกต่ำลงไปไม่น้อย แต่ คำโบราณ
กล่าวเอาไว้ว่า แม้ว่าอูฐที่ผอมแห้งก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า
ดังนั้น ต่อให้ในช่วงสองปีมานี้ตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันจะอยู่ในช่วงขาลงมาโดยตลอด แต่อิทธิพล
ในทั่วทั้งจีนนั้นยังคงยิ่งใหญ่เหมือนเช่นเคย
เพราะว่าความเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งคนก่อนของจีน พวกบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ในขณะที่ยังเป็นวัยรุ่นต่างก็เคยได้รับอิทธิพลจากนายท่านเจี่ยงไม่มากก็น้อย
ถึงขนาดที่ว่า ในช่วงหลายสิบปีนั้น ไม่ว่านักธุรกิจคนใด ต่างก็ยึดถือนายท่านเจี่ยงไว้เป็นแบบอย่าง
แค่คิดก็ทราบแล้วว่า เมื่อตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันได้เข้าร่วมอยู่ภายใต้ชางฉองกรุ๊ป เหตุการณ์นี้
จะสร้างความตื่นตะลึงให้กับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้มากขนาดไหน!
แต่ว่า ไม่ทันรอให้ไป๋จ่านถังกับพ่อลูกตระกูลเหยียนและคนอื่น ๆ ตั้งสติขึ้นได้ พิธีกรก็ประกาศ
รายชื่อคนอื่นทีละคนทีละคนต่อไปเรื่อย ๆ
เสิ่นเหยียนผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งกว่างหนัน ตระกูลโล่แห่งเจียงหนาน……เป็นต้น!
พวกคนเหล่านี้ แต่ละคนต่างก็เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ มีบางคนถึงขนาดที่ในบางเรื่อง ยังจะ
เหนือกว่าวงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูลเสียอีก
อีกทั้งเมื่อพวกคนเหล่านี้รวมตัวกันขึ้น ก็เท่ากับว่าเป็นการรวมสุดยอดนักธุรกิจจีนเกินกว่าครึ่ง
ต้องให้วงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่รวมตัวกัน ถึงจะสามารถเทียบเคียงได้กับชางฉองกรุ๊ปในเวลานี้ ซึ่งหาก ลำพังแค่ตระกูลหวางเพียงตระกูลเดียวแล้วนั้น ถือว่ายังคงห่างไกลกันลิบลับ
มองเห็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวขึ้นทีละคนทีละคน พ่อลูกตระกูลเหยียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก
อย่างที่สุด
ผ่านไปชั่วครู่ เหยียนเสวเหวินก็ชี้ไปบนเวทีด้วยความตื่นตะลึง: “คุณพ่อ ตระกูลฉิน คนตระกูลฉิน
ก็อยู่ด้านบนด้วย! ”
พ่อของเหยียนเสวเหวินสีหน้าหม่นหมอง: “ฉันเห็นแล้ว”
“ทำอย่างไรดี? คิดไม่ถึงว่าชางฉองกรุ๊ปจะสามารถรวมพลังอำนาจทางธุรกิจของจีนได้เกินกว่าครึ่ง ต่อให้ตระกูลหวางก็ไม่สามารถที่จะเทียบเคียงกับเขาได้! ”
“ตระกูลฉินมาพึ่งพิงชางฉองกรุ๊ปแล้ว พวกเรายังจะควบรวมกิจการของพวกเขาได้อย่างไรกันล่ะ! ” เหยียนเสวเหวินสีหน้าท่าทางไม่พอใจและโมโหเป็นอย่างมาก ก็เหมือนกับว่าสิ่งของใกล้ที่จะมาอยู่ ในครอบครองแล้ว แต่กลับต้องถูกช่วงชิงไปอย่างกระทันหัน
พ่อของเหยียนเสวเหวินพูดขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมอง: “ตอนนี้ที่พวกเราควรพิจารณาไม่ใช่ว่าจะ
ควบรวมกิจการของตระกูลฉินอย่างไรแล้ว แต่ว่าควรคิดที่จะหาทางรักษาปกป้องตัวพวกเราเอง
ไว้มากกว่า”
“ตระกูลหวาง ไม่มีทางที่จะเทียบเคียงกับชางฉองกรุ๊ปได้อย่างแน่นอน เมื่อตระกูลฉินหันมา
พึ่งพิงต่อชางฉองกรุ๊ปแล้ว พวกเราก็คงจะเป็นอันตรายอย่างแน่นอน! ”
เหยียนเสวเหวินตกใจ: “แล้วควรทำอย่างไรดี? หรือว่าพวกเราจะไปพึ่งพิงชางฉองกรุ๊ปด้วยล่ะ! แบบนี้ตอนที่พวกเราทำการแข่งขันกับตระกูลฉิน ชางฉองกรุ๊ปก็คงจะวางตัวเป็นกลาง! ”
พ่อของเหยียนเสวเหวินส่ายศีรษะ: “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก! หรือว่านายยังมองไม่ออกอย่างนั้น
เหรอ? ตอนนี้พวกคนที่อยู่บนเวที ชัดเจนว่าต่างก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่ชางฉองกรุ๊ปได้ตั้งใจเชิญมา
ร่วมงาน ถ้าหากฉันทายไม่ผิด พวกคนเหล่านี้คงจะรู้จักกับเจ้านายที่แท้จริงผู้อยู่เบื้องหลังของ
ชางฉองกรุ๊ปอย่างแน่นอน! ”
“ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงไม่เชิญพวกเราล่ะ? แต่กลับเชิญตระกูลฉิน! ”
สายตาของเหยียนเสวเหวินแสดงออกถึงท่าทางที่สับสน พร้อมกับครุ่นคิดอย่างหนัก ทันใดนั้น เขาก็ตกใจขึ้น: “ท่านว่าเจ้านายเบื้องหลังของชางฉองกรุ๊ปนี้ ใช่ปรมาจารย์หลินหรือเปล่า! ”
พ่อของเหยียนเสวเหวินขมวดคิ้วและพูดว่า: “ก็อาจจะเป็นไปได้ ถ้าหากเป็นปรมาจารย์หลินจริง ๆ อย่างนั้นครั้งนี้พวกเราก็คงจะจบสิ้นกันแล้ว! ”
เหยียนเสวเหวินร้องไห้ฟูมฟายและพูดขึ้นว่า: “หวังว่าอย่าได้เป็นเขาเลย! ”
ไป๋จ่านถังและคนอื่น ๆ มองไปยังพวกผู้มีอิทธิพลวงการธุรกิจของจีนที่รวมตัวกันเกินกว่าครึ่งบนเวที ใบหน้า สายตา ไม่มีอาการอะไรนอกจากตื่นตะลึง
หน้าผากของเสิ่นหลินมีเหงื่อไหลออกมา: “นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
หัวสมองของเสิ่นหลินช็อตลงไปดื้อ ๆ ได้เพียงแต่พูดคำเดิมซ้ำ ๆ ไปมาอย่างไม่หยุด
ประธานพานเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาสักเท่าไร ทั่วทั้งแผ่นหลังมีเหงื่อไหลออกมาจนเปียกโชกแล้ว
“เจ้านายเบื้องหลังของชางฉองกรุ๊ปนี้ ตกลงคือใครกันแน่? คิดไม่ถึงว่าจะมีอิทธิพลอำนาจมากมาย
ขนาดนี้! ”
“นี่คือผู้มีอิทธิพลทางธุรกิจของจีนเกินกว่าครึ่ง นับจากนี้ต่อไป เมื่อกวาดสายตามองไปทั่วทั้งจีน
แล้วจะยังคงมีใครที่สามารถเทียบเคียงกับชางฉองกรุ๊ปได้อีกล่ะ? ”
“ไม่ใช่ คือเมื่อกวาดสายตามองไปทั่วโลกแล้ว ยังจะมีบริษัทไหนที่สามารถเทียบเคียงชางฉองกรุ๊ป
ได้อีก? ”
สีหน้าของไป๋จ่านถังในเวลานี้ ช่างดูย่ำแย่ยิ่งกว่าอะไร ขณะเดียวกัน สายตาของเขาก็แสดงออก
ถึงความตกตะลึงอย่างที่สุด
“ได้ฟังแล้วช่างน่าตื่นตระหนกยิ่งนัก! ”
“เดิมทีฉันยังคิดว่าคนนั้นเพียงแค่คุยโวโอ้อวด ลำพังแค่เขาคนเดียว จะสามารถทำให้พวกเรา
ประจักษ์กับการเกิดขึ้นของชางฉองกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน? ”
“ตอนนี้เห็นแล้วว่า เขาไม่ได้พูดโอ้อวดเกินเลย แต่กลับยังจะถ่อมตนอีกด้วย! ”
“ตอนนี้ดูเหมือนว่า ชางฉองกรุ๊ปไม่เพียงแค่ยิ่งใหญ่เท่านั้น! ยังจะยิ่งใหญ่เกินความคาดหมาย
อย่างสิ้นเชิง! ”
“ผู้มีอิทธิพลทางธุรกิจของจีนเกินกว่าครึ่ง ขอถามหน่อยว่ามีใครที่จะสามารถเทียบเคียงได้อีก! ”
“ตระกูลหวางไม่ได้แน่นอน บางทีมีเพียงแค่วงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่รวมตัวกัน จึงจะสามารถ
เทียบเคียงกับชางฉองกรุ๊ปได้! ”
“อีหยุ่น นับว่านายแน่มาก! ”
ไป๋จ่านถังในเวลานี้ ได้ละทิ้งความคิดที่จะควบรวมกิจการตระกูลอีลงแล้วอย่างสิ้นเชิง
มีชางฉองกรุ๊ปเป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลังให้กับตระกูลอี กิจการที่ถูกกดดันจนหมดหนทางเหล่านั้น
ของตระกูลอี ไม่เพียงแค่ว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ ยังจะสามารถเติบโตก้าวหน้าขึ้นอีกระดับหนึ่งด้วย
ถึงขนาดที่ว่า อีกไม่นาน ก็จะเหนือกว่าตระกูลไป๋ของเขา จากนั้นก็จะมาควบรวมกิจการในตระกูล
ของเขาด้วย
“ตอนนี้ฉันจะต้องคิดวางแผนการขั้นตอนต่อไปว่า ตระกูลไป๋จะต้องทำอย่างไรต่อไปดี! ”
ไป๋จ่านถังไม่พูดไม่จาอะไร หันหลังแล้วก็เดินจากไป สำหรับเรื่องที่ว่าชางฉองกรุ๊ปเตรียมการที่จะ
ทำอะไรต่อจากนี้ แม้ว่าเขาจะอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะใส่ใจอีก
เวลานี้สิ่งที่เขาต้องทำ คือรีบวางแผนโดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องรักษาตระกูลไป๋
เห็นไป๋จ่านถังเดินจากไป เสิ่นหลินกับประธานพานต่างก็ไม่ได้รั้งตัวเอาไว้แต่อย่างใด โดยที่
ทั้งสองคนแอบสบตากันเล็กน้อย แล้วก็รีบแยกตัวจากไปทันที แม้แต่สาวสวยสองคนนั้นที่เขาพามา
ด้วยก็ยังทิ้งไว้เอาที่นี่
พ่อลูกตระกูลเหยียน ก็รีบที่จะแยกตัวออกมาเช่นกัน ชัดเจนว่า พวกเขาเองก็รับรู้ได้ถึงอันตราย
ที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้ว
ซูจื่อเหลียงและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่บนเวที ต่างก็มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ทั้งหมด
มุมปากของพ่อของฉินโส่ว อีหยุ่น และซูจื่อเหลียง ต่างก็มีรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้น
ทำไมไป๋จ่านถังถึงต้องรีบจากไปด้วย พวกเขานั้นต่างรู้แก่ใจเป็นอย่างดี
แต่ว่า พวกเขาก็ไม่ได้อยากที่จะไปขัดขวาง ซึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่นั้น ต่อให้พวกเขา
รวมตัวกัน ชางฉองกรุ๊ปก็ยังสามารถจัดการกำราบได้อยู่ดี
บุคคลยิ่งใหญ่จำนวนมากต่างก็ทยอยออกมาจากงานอย่างเงียบ ๆ จากห้องโถงที่คึกคัก แค่เพียง
พริบตาเดียว ก็เงียบเหงาลงทันที
ซูจื่อเหลียงยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “ตอนนี้ทุกท่านยังไม่ไปกันอีก คิดที่จะอยู่เพื่อรอทานอาหาร
กลางวันกันใช่ไหม? ”
เมื่อพูดออกไป คนทั้งห้องโถงก็เดินกลับออกไปกันจนหมดเกลี้ยงในทันที
ซูจื่อเหลียงยิ้มเยาะและพูดว่า: “คาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ชางฉองกรุ๊ป คงจะมีชื่อเสียงโด่งดังไป
ทั่วทั้งจีน! ”
อีหยุ่นและคนอื่น ๆ ได้ฟังแล้วก็ตื่นตกใจ!
ซูจื่อเหลียงพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก แต่ว่า กลับเผยถึงความองอาจที่ไม่เคยมีมาก่อน
นี่ก็คือพลังความสามารถ นี่ก็คือความมั่นใจ ซึ่งจะต้องมีพลังความสามารถและความมั่นใจอย่าง
ถึงที่สุด จึงจะสามารถมีความมั่นใจที่องอาจกล้าหาญได้ถึงขนาดนี้
แม้ว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลดั่งควีนจินและคนอื่น ๆ ในเวลานี้ก็กำลังแอบดีใจอยู่ เพราะตนเองได้เลือก
เข้าร่วมกับทางฝั่งของปรมาจารย์หลินแล้ว
ถ้าหากตอนแรกนั้นเลือกผิดฝั่ง กลายเป็นศัตรูของปรมาจารย์หลิน พวกเขาคงจะจินตนาการ
ไม่ออกว่า ศัตรูที่จะต้องเผชิญหน้าในตอนนี้นั้น จะเป็นผู้ร้ายที่มีความน่ากลัวอย่างไร!
ส่วนเจี่ยงหลินหลินกับโล่เสว่ฉีนั้น ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก พวกเธอนั้นไม่ได้คิดว่าตนเองเป็น
ผู้ร่วมสังกัดของหลินหยุน แต่คิดว่าตนเองนั้นเป็นคนรับใช้ของหลินหยุน
เพราะว่าชีวิตของพวกเธอนั้นหลินหยุนเป็นผู้มอบให้
พิธีเปิดกิจการของชางฉองกรุ๊ปกล่าวได้ว่าสิ้นสุดลงไปอย่างสำเร็จลุล่วง
ส่วนที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปในเวลานี้ กลับเป็นสถานการณ์อีกรูปแบบหนึ่ง
หวางเซิ่งเฉียนได้พาคนของตระกูลหวาง และผู้ร่วมสังกัดที่มาพึ่งพิงตระกูลหวาง มายังห้องโถง
ในสำนักงานใหญ่ของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป โดยที่กำลังโอ้อวดความสามารถของตนเองกันยกใหญ่
ภายในห้องโถง ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน
ฝั่งของตระกูลหวาง มีคนจำนวนมาก ส่วนทางฝั่งของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป มีเพียงแค่หวางซูเฟิน
และฉินหลัน รวมถึงผู้อาวุโสอีกไม่กี่คนของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
หวางเซิ่งเฉียนพูดเยาะเย้ยขึ้นด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง: “ประธานกรรมการหวาง ทำไมคุณยัง
ต้องดิ้นรนอยู่อีกล่ะ? ขายบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปทิ้งมันไม่ดีหรอกเหรอไง แบบนี้ยังสามารถที่จะได้
เงินก้อนหนึ่ง เพื่อนำไปใช้ในยามแก่เฒ่าได้อย่างสุขสบาย! ”
“คุณจะมามัวเสียเวลาอยู่กับฉันแบบนี้ สุดท้ายคุณก็จะไม่ได้เงินเลยแม้แต่น้อย ฉันไม่ต้องการที่จะ
เห็นคุณเป็นขอทานในอนาคต! ”
หวางซูเฟินส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา: “ต่อให้ต้องไปเป็นขอทาน ฉันก็ไม่มีทางยอมที่จะมอบบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้กับนาย! ”
“คิดที่จะครอบครองบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเหรอ ฝันไปเถอะ! ”
“นอกจากนี้ พวกเราที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ รีบไสหัวไปซะ! ”
หวางโส่วเหรินเดินออกมาจากกลุ่มคนด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง แล้วมายืนอยู่เบื้องหน้าของ
หวางเซิ่งเฉียน เพื่อเผชิญหน้ากับหวางซูเฟินโดยตรง
การเตรียมงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้ ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหวางก็มาร่วมด้วย เพราะว่า หวางซูเฟินยังไงก็คือสายเลือดของตระกูลหวาง
แม้ว่าหวางจิงหลงจะไม่ออกหน้า แต่พวกพี่ ๆ ของเธอทั้งหลาย ถึงอย่างไรก็ต้องออกหน้าเพื่อเป็น
เกียรติแน่นอน