จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 878 ฉันยกบริษัทชางฉองกรุ๊ปให้กับเธอ
หวางชิงอวิ๋นแฟนคนใหม่ของเถียนชุ่ยชุ่ยพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ว่า: “นี่ก็คือปรมาจารย์หลินที่มีชื่อเสียงโด่งดังเหรอ? ก็ไม่เท่าไหร่เลยนี่นา!”
“ใช่แล้วชุ่ยชุ่ย ได้ข่าวว่าตอนนั้นคุณเป็นคนที่บอกเลิกเขาใช่ไหมล่ะ?” น้ำเสียงของหวางชิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความยั่วยุ
เถียนชุ่ยชุ่ยพูดด้วยเสียงหัวเราะระริกระรี้ว่า “คุณก็ถามเรื่องนี้ทำไมล่ะคะ นั่นมันก็เป็นเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้น ตอนนั้นเขาก็เป็นแค่คนงานเศษสวะในโรงแรมแห่งหนึ่งเท่านั้นเอง ยังคิดจะมาจีบฉัน! ฉันจะไปชอบเขาได้ยังไงกัน!”
หวางชิงอวิ๋นหัวเราะแฮๆ หันหน้ามามองหลินหยุนแล้วพูดว่า “เห็นแล้วหรือยัง ผู้หญิงที่แกอาจเอื้อมไม่ถึงตอนนั้น อยู่ต่อหน้าฉัน เหมือนกับสุนัขตัวหนึ่งเลย”
“ฉันให้เธอหมอบลง เธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะยืนเลย!”
พอพูดจบ หวางชิงอวิ๋นก็โอ้อวดบารมีโดยเอามือจับก้นของเถียนชุ่ยชุ่ยอย่างแรงไปหนึ่งที
สายตาเถียนชุ่ยชุ่ยชุ่ยแสดงความโกรธเล็กน้อย แต่ว่าก็เปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่งมาแทนที่อย่างรวดเร็ว
ถ้าสามารถเอื้อมถึงตระกูลหวางได้ละก็ ต่อให้เป็นหมูเป็นหมา เถียนชุ่ยชุ่ยก็เต็มใจยอมทำให้ทั้งนั้น
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เถียนชุ่ยชุ่ยถึงกับโผเข้าไปในอ้อมกอดของหวางชิงอวิ๋น เอามือทุบลงบนหน้าอกของหวางชิงอวิ๋น แล้วพูดออดอ้อนว่า “จะบ้าเหรอ คนตั้งมากมายกำลังมองอยู่นะ!”
หวางชิงอวิ๋นหัวเราะเสียงดังด้วยความดีใจ รู้สึกพอใจมากกับท่าทางการแสดงออกของเถียนชุ่ยชุ่ย
“หลินหยุน เห็นแล้วหรือยัง ผู้หญิงที่แกอาจเอื้อมไม่ถึงในตอนนั้น ตอนนี้มาออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของฉันแล้ว ส่วนแกก็ได้แต่ยืนมองอยู่ข้างเดียว ทำอะไรก็ไม่ได้เลย”
“ปรมาจารย์หลิน ถุย!”
สีหน้าของเว่ยเว่ยเทียนหมิงก็แสดงออกถึงความดีใจที่ได้ระบายความแค้นแล้ว “หลินหยุน ไม่คิดเลยว่า แกก็มีวันนี้เหมือนกัน!”
“นี่เป็นเพราะสวรรค์มีตาจริงเลย!”
จางจื่อเห้าก็หัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง “หลินหยุน รสชาติเป็นยังไงบ้าง? คงรู้สึกมันมากสินะ!”
“ฮ่าๆๆ……” ลูกน้องทั้งหลายของตระกูลหวางที่อยู่ข้างหลังพวกนั้น ก็หัวเราะเยาะอย่างเต็มที่
หวางซูเฟินและฉินหลันมองไปยังหลินหยุนด้วยความเป็นห่วง หวางซูเฟินกระซิบถามเบาๆว่า “เสี่ยวหยุน แกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึก พูดอย่างเรียบๆว่า “แม่ครับวางใจเถอะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”
“อีกไม่นาน พวกเขาก็หัวเราะไม่ออกแล้ว”
หวางเซิ่งเฉียนหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ หลินหยุน จนป่านนี้แล้ว แกยังจะมาแกล้งทำเป็นไม่เป็นไรอยู่อีก!”
“ตอนนี้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปได้มาถึงทางตันแล้ว แกก็ไม่กล้าใช้พลังบู๊มาจัดการ แล้วแกยังจะทำอะไรได้อีกเหรอ?”
“แกก็ได้แต่ทำตาปริบๆมองดูบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปล้มละลายไป มองดูฉันจัดงานฉลองพิธีเปิดบริษัทของแม่แก ที่อุตส่าห์ก่อตั้งขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงมาครึ่งค่อนชีวิต!”
“วางใจเถอะ อีกประเดี๋ยวฉันก็จะเชิญแกมาร่วมดื่มด้วย! เพื่อฉลองซะหน่อย”
หลินหยุนกลับไม่ได้โกรธเลย เริ่มนับเวลาถอยหลังอย่างเงียบๆ มองไปยังหวางเซิ่งเฉียน แล้วเริ่มนับถอยหลังอย่างแปลกประหลาด “สาม สอง……”
หวางชิงอวิ๋นพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “จะตายอยู่ตรงหน้าแล้ว ไอ้หมอนี่ก็ยังแกล้งวาดลวดลายอยู่อีก”
แต่ว่า ยังไม่ทันที่หลินหยุนนับถึงหนึ่งเลย มือถือของหวางเซิ่งเฉียนก็ดังขึ้นแล้ว
หลังจากที่รับโทรศัพท์แล้ว สีหน้าของหวางเซิ่งเฉียนก็เปลี่ยนไปทันที
“ได้ ฉันรู้แล้ว”
หวางโส่วเหรินเมื่อเห็นสีหน้าของหวางเซิ่งเฉียนที่ไม่ค่อยดีนัก จึงกระซิบถามว่า “เป็นยังไงเหรอ?”
หวางเซิ่งเฉียนพูดเสียงเบาๆว่า “เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น มีชางฉองกรุ๊ปบริษัทก่อตั้งใหม่พลุดขึ้นบนตึกอาคารแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งในมณฑลจงโจว ถึงกับรวบรวมพลังอำนาจเกินกว่าครึ่งในแวดวงธุรกิจของเมืองจีนทั้งหมด!”
“อะไรนะ!” สีหน้าที่ไม่เคยสะทกสะท้านของหวางโส่วเหริน ในที่สุดก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว
“พลังอำนาจเกินครึ่งในแวดวงธุรกิจของประเทศจีน งั้น ก็เหนือกว่าตระกูลหวางพวกเรามากเลยสิ”
“ตรวจสอบแน่ชัดหรือยัง? ชางฉองกรุ๊ปนั้น มีที่มาที่ไปยังไง?” หวางโส่วเหรินถามด้วยเสียงเบาๆอย่างตื่นเต้น
หวางเซิ่งเฉียนพูดว่า “คนที่รับผิดชอบยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใคร แต่ว่า กลุ่มอำนาจอิทธิพลจำนวนมากมายที่เข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ปนั้น ล้วนแต่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลินหยุนทั้งนั้น”
หวางโส่วเหรินขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ที่มาที่ไปของหลินหยุน พวกเราก็ยังไม่เคยตรวจสอบอย่างละเอียดเลย เขาไม่มีทางที่จะรวบรวมพลังอำนาจเกินครึ่งในแวดวงธุรกิจของเมืองจีนได้เร็วขนาดนี้หรอก”
หวางเซิ่งเฉียนถามด้วยความสงสัยว่า “งั้นจะเป็นใครได้ล่ะ?”
ในขณะนี้เอง ประตูกระจกห้องโถงใหญ่ก็เปิดออกแล้ว
เจี่ยงสงก็เดินนำหน้าเข้ามา
“เจี่ยงสงแห่งหลินโจว มาเยี่ยมเยียนผู้อำนวยการหวางบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปครับ!”
กลุ่มคนที่ติดตามมาด้วย ก็มีอีหยุ่นพวกนั้น ทยอยเดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ
“อีหยุ่นแห่งเจียงหนาน มาเยี่ยมเย็นท่านผู้อำนวยการหวางครับ!”
กลุ่มคนที่ไปร่วมงานพิธีเปิดชางฉองกรุ๊ปเมื่อครู่นี้ ก็ได้รีบตามมาสมทบที่สำนักงานใหญ่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปทันที
เมื่อผนึกพลังอำนาจเกินครึ่งในวงการธุรกิจของเมืองจีนได้แล้ว ตอนนี้ ทั้งหมดก็มารวมตัวอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ชั้นแรกของตึกอาคารบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปแล้ว
ซูจื่อเหลียงก็เดินแหวกฝูงชนออกมาจากเหล่าลูกพี่ใหญ่วงการธุรกิจทั้งหลาย ค่อยๆเดินออกมาจนถึงข้างกายหลินหยุนและหวางซูเฟิน
“ผู้รับผิดชอบชางฉองกรุ๊ปซูจื่อเหลียง ขอคารวะท่านผู้อำนวยการหวางครับ!”
ซูจื่อเหลียงโค้งคำนับหวางซูเฟินด้วยท่าทางที่นอบน้อม
“คารวะท่านอาจารย์!” ซูจื่อเหลียงก็หันไปคำนับหลินหยุน
“ศิษย์ได้ทำตามคำสั่งของท่าน ก่อตั้งชางฉองกรุ๊ปสำเร็จแล้ว ตอนนี้ภารกิจได้เสร็จสิ้นแล้ว จึงมารายงานให้ทราบครับ!”
“ดี” หลินหยุนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ทั้งหมดก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัด!
ห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนหลายสิบคนนั้น ตอนนี้ถึงกับเงียบสงัดราวกับป่าช้า แม้แต่เข็มตกสักเล่มก็ยังได้ยิน
หวางซูเฟินตกอยู่ในภวังค์นานสักพักใหญ่ ฉินหลันก็ใช้มือป้องปากตัวเองไว้ด้วยความรู้สึกที่ช็อกอย่างกะทันหัน
หวางเซิ่งเฉียนและหวางโส่วเหรินใบหน้าบึ้งตึง ต่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
หวางชิงอวิ๋นกลับมีสีหน้างงงวย ดูราวกับว่ายังอยู่ในความฝัน
เถียนชุ่ยชุ่ยและเว่ยเทียนหมิงยังมีจางจื่อเห้าพวกนั้น สีหน้าแต่ละคนก็เต็มไปด้วยอาการช็อก ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ผู้คนทั้งหลายที่ตระกูลหวางพามานั้น ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่อ้าปากค้างจนลืมหุบ
หลินหยุนกวาดสายตาไปยังผู้คนในที่นั้นอย่างเรียบๆ แล้วหันหน้าไปมองหวางซูเฟิน พูดอย่างสบายอารมณ์ว่า “แม่ครับ ผมจะยกชางฉองกรุ๊ปให้กับแม่นะ”
โครม!
ราวกับระเบิดนิวเคลียร์ลูกหนึ่งระเบิดใส่สมองของทุกคน
ชางฉองกรุ๊ปที่สามารถรวบรวมพลังอำนาจเกินครึ่งในแวดวงธุรกิจของเมืองจีนนั้น ผู้ก่อตั้งถึงกับเป็นปรมาจารย์หลิน
ส่วนปรมาจารย์หลินก็มอบชางฉองกรุ๊ปให้กับหวางซูเฟิน
ข้อมูลข่าวสารพวกนี้ เกิดขึ้นต่อเนื่องกันอย่างไม่ขาดสาย ก็เหมือนกับลูกระเบิดลูกแล้วลูกเล่า ที่ระเบิดจนผู้คนในเหตุการณ์มึนงงไปหมด
หวางซูเฟินตื่นจากอาการช็อกมาก่อน มองดูหลินหยุน ดวงตาทั้งคู่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตา สั่นไปหมดทั้งตัว
“ดี ดี ดี!”
ตอนนี้หวางซูเฟินตื้นตันจนไม่รู้ควรจะพูดอะไรออกมา ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะแสดง ความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างไร ได้แต่พูดคำว่าดีติดต่อกันสามคำออกมา เพื่อบรรยายความรู้สึกตื้นตันของตัวเอง
“ลูกเอ๋ย ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!”
“ฉันแก่แล้ว ชางฉองกรุ๊ปนี้ ให้ลูกเป็นคนดูแลดีกว่าเถอะ!”
ในใจเขาหวางซูเฟินเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ชางฉองกรุ๊ปที่สามารถรวบรวมพลังอำนาจเกินครึ่งในแวดวงธุรกิจของเมืองจีนได้สำเร็จนั้น ผู้ที่ก่อตั้งขึ้นมาถึงกับเป็นลูกชายของตัวเอง
เธอลำบากมาครึ่งค่อนชีวิต ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปนับไม่ถ้วน ก็เพื่ออยากจะพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าตระกูลหวาง
แต่เธอทำไม่สำเร็จ
ถึงแม้จะยากลำบากมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว แต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับตระกูลหวางเช่นเดิม
แต่ว่าเธอมีลูกชายที่แสนดีคนหนึ่ง ลูกชายของเธอทำสำเร็จแล้ว
อีกทั้ง ยังทำได้เกินกว่าที่เธอคาดหวังไว้มากเลย!
ชางฉองกรุ๊ปที่ผนึกพลังอำนาจเกินครึ่งในวงการธุรกิจของเมืองจีนไว้ได้นั้น ภายใต้อำนาจอิทธิพลในโลกมโนธรรมของประเทศจีน ก็นับว่าได้อยู่เหนือตระกูลหวางที่เป็นผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ไปแล้ว
อาจไม่แน่ ก็คงมีแต่สี่ตระกูลใหญ่ที่ต้องร่วมมือกันเท่านั้น จึงจะสามารถต่อกรกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปได้
พลังอำนาจเช่นนี้ ใครเล่าที่จะกล้าต่อกรด้วย?
หวางซูเฟินตอนนี้คิดแต่อยากจะแหงนมองท้องฟ้าแล้วตะโกนร้องเสียงดังๆออกมา หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ในที่สุดสวรรค์ก็มีตาแล้ว
“พ่อที่จิตใจโหดร้ายไร้เยื่อใยคนนั้นของฉัน ถ้าได้มาเห็นฉากวันนี้แล้ว จะรู้สึกเสียใจต่อการกระทำของตัวเองตอนนั้นหรือเปล่านะ?”
“ไม่หรอก พ่อไม่น่าจะรู้สึกเสียใจ ในใจของพ่อมีแต่ตระกูลหวางเท่านั้น ไม่มีเยื่อใยความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆทั้งสิ้น”
“แต่ว่า พ่อจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน เพราะว่าพ่อเป็นคนที่ไล่อัจฉริยะขั้นเทพ ของตระกูลหวางคนหนึ่งออกไปจากตระกูลด้วยน้ำมือตัวเอง!”
“อีกทั้งพ่อก็ยังบีบคั้นให้อัจฉริยะขั้นเทพคนนี้ กลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของตระกูลหวางไปแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ…….”
ในใจของหวางซูเฟิน เกิดความรู้สึกหลายรสชาติปะปนกันอยู่ ความใฝ่ฝันที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยด้วยความหวังมานานหลายปี ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จแล้ว
ในใจของเธอก็รู้สึกยินดีมาก แต่ว่าจิตใจกลับรู้สึกหดหู่บ้างเล็กน้อย
ตอนนี้ ในใจของเธอสับสนวุ่นวายมากจริงๆ