จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 880 ในโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง
พลังแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น มาเร็ว ก็ไปเร็วเช่นกัน
ไปพร้อมกับที่หลินหยุนหันหลังกลับไปยังข้างกายของหวางซูเฟิน พลังแรงนั้นก็หายไปทันที
แต่ว่าผู้คนตระกูลหวางพวกนั้น กลับนั่งลงไปบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ก็ยังคงมีแต่หวางเซิ่งเฉียนเท่านั้นที่ยืนอยู่ได้เช่นเดิม
โดยทั่วไปแล้ว เสื้อผ้าของทุกคนต่างก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งนั้น
เว่ยเทียนหมิงมองดูเงาร่างของหลินหยุน นัยน์ตาแสดงความรู้สึกสิ้นหวังหมดแรงออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“คิดไม่ถึงเลยว่า แม้แต่ตระกูลหวางก็ยังทำอะไรแกไม่ได้! ฮ่าๆๆ สงสัยในโลกนี้คงไม่มีใครที่สามารถจัดการแกได้จริงๆแล้ว!”
“ฮาๆๆ เพราะอะไร? นี่เป็นเพราะอะไรกันแน่? ทำไมสวรรค์ถึงไม่ยุติธรรมเช่นนี้!”
เว่ยเทียนหมิงนั่งอยู่บนพื้นอย่างคนสิ้นหวัง เดิมทีความหวังได้คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้กลับเหมือนถูกน้ำเย็นสาดลงบนศีรษะจนดับมอดไปหมด
ความสะเทือนใจที่ได้รับในครั้งนี้ รุนแรงกว่าเมื่อก่อนถึงสิบเท่า
ก็เหมือนคนที่กระหายน้ำอยู่กลางทะเลทราย เมื่อได้เห็นพื้นที่สีเขียวขึ้นมาทันที จึงรีบ เดินเข้าไปด้วยความยากลำบากแต่กลับพบว่า ที่แท้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
เมื่อเกิดความหวังขึ้นมา หลังจากนั้นก็พบกับความสิ้นหวังที่รุนแรงกว่าอีก นี่จึงเป็นเรื่องที่สามารถทำร้ายคนได้มากที่สุด
สภาพของเถียนชุ่ยชุ่ย ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเว่ยเทียนหมิงสักเท่าไรนัก
ตอนนี้ สายตาเถียนชุ่ยชุ่ยที่มองไปยังหลินหยุนนั้น นอกจากความหวาดผวาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังแฝงไปด้วยความเคียดแค้นและความริษยาอีกด้วย
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หวางชิงอวิ๋นก็กลับไปพร้อมกับพวกคนตระกูลหวางแล้ว แต่เธอกลับยังอยู่ที่นั่น
หลังจากที่ใช้เธอโจมตีหลินหยุนล้มเหลวแล้ว เธอคนนี้เพื่อนนักเรียนที่หลินหยุนเคยตามจีบนั้น ก็ไร้ค่าในการใช้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงแล้ว
ในสายตาหวางชิงอวิ๋น เธอก็หมดราคาอีกต่อไปแล้ว
หญิงงามนั้น คนของตระกูลหวางไม่เคยขาดแคลนเลย
“เพราะอะไร? นี่เป็นเพราะอะไรกันแน่? สวรรค์ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้? ฉันทำผิดอะไรไปเหรอ?”
จนป่านนี้แล้ว เถียนชุ่ยชุ่ยก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองทำผิดอะไรเลย
ฐานะเป็นอยู่ทางครอบครัวของเธอธรรมดามาก เธอรักความสบายทะเยอทะยานใฝ่หาความร่ำรวย ก็เพียงแค่ต้องการเปลี่ยนชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้นเท่านั้น
เธอผิดด้วยเหรอ?
เธอก็ไม่ผิด ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะตามหาความสุขของตัวเองทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าในขณะที่หาความสุขให้กับตัวเองนั้น จะต้องไม่ไปทำร้ายคนอื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง และก็ไม่ควรที่จะเหยียบไหล่คนอื่นขึ้นไปอีกด้วย
ตอนนี้ เถียนชุ่ยชุ่ยก็เหมือนกับเซี่ยหยู่เวย ต่างก็ได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นแล้ว
ใต้หว่างขาของจางจื่อเห้า ก็ปรากฏมีคราบน้ำไหลซึมออกมา
ข้อมูลข่าวสารของเขาไม่ได้ไวเหมือนกับเว่ยเทียนหมิงพวกนั้น เขาไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหลินหยุนเลย รู้แต่เพียงว่าหลินหยุนก็คือปรมาจารย์หลินเท่านั้นเอง
ไม่เคยรู้ว่าปรมาจารย์มีความแข็งแกร่งขนาดไหน
เขาคิดว่าถ้าตะกูลหวางออกหน้าแล้ว ต่อให้หลินหยุนเป็นถึงปรมาจารย์หลิน ต่อให้หลินหยุนสามเศียรหกกร ก็มีแต่ต้องตายอย่างเดียว
อย่างน้อยสี่ตระกูลยิ่งใหญ่ของประเทศจีนในความรู้สึกของประชาชนคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ก็เป็นเหมือนดั่งเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์
แต่ว่า ตอนนี้เขาจึงได้เข้าใจแล้วว่า ปรมาจารย์หลินมีความแข็งแกร่งขนาดไหนแล้ว
แข็งแกร่งเสียจนเหลือเชื่อ!
พลังอำนาจเกินครึ่งในแวดวงรธุรกิจของเมืองจีน เพียงเพราะคำพูดของเขาคำเดียว ถึงกับมารวมตัวกันเพื่อก่อตั้งชางฉองกรุ๊ปขึ้นมา ซึ่งเป็นบริษัทที่แม้แต่ตระกูลหวางก็ยังเทียบไม่ติดฝุ่นเลย
โดยเฉพาะที่หลินหยุนปลดปล่อยพลังแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมา แล้วทำให้ทุกคนต้องคุกเขาลงทั้งหมด ก็ยิ่งทำให้คนธรรมดาทั่วไปอย่างจางจ่อเห้าเช่นนี้ ต้องสูญเสียความสามัญสำนึกไปโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้เป็นสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมายมานานแล้ว สามารถทำให้ผู้คนคุกเข่ากราบไหว้เหมือนสังคมศักดินาในสมัยโบราณได้ ต่อให้เป็นประธานาธิบดีก็ยังทำไม่ได้เลย
แต่ว่า หลินหยุนกลับทำได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้ง นั่นเป็นพวกคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกที่ทั้งนั้น ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างเขาที่จะเทียบเคียงได้
แต่ว่า พวกคนใหญ่คนโตเหล่านี้ก็เหมือนกับเขาเช่นกัน ต่างก็ต้องคุกเข่าลงตรงหน้าหลินหยุนทั้งนั้น
แต่คนใหญ่คนโตที่มีพละกำลังลึกล้ำขั้นเทพเช่นนี้ คนอย่างเขาจางจื่อเห้าถึงกับได้ลบหลู่ไปแล้ว
หลังจากนี้ไป เขาจางจื่อเห้าพอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วอาจพบว่า ตัวเองนอนจมอยู่ใต้ท้องทะเลลึกหรือไม่
หรืออาจจะนอนตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตัวเองถูกฝังอยู่ใต้ดินแล้วก็ได้
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว จางจื่อเห้าก็รู้สึกทรุดลงไปเลย
ผู้คนทั้งหลายที่ยังอยู่ในเหตุการณ์มากมายพวกนั้น แต่ละคนก็แสดงสีหน้าที่รังเกียจออกมา สาวๆพวกอีหลิงนั้น แต่ละคนต่างก็เอามือปิดปากปิดจมูกไว้ แล้วหันหน้าไปที่อื่น
ฉินหลันก็รีบกำชับให้พนักงานรักษาความปลอดภัยและแม่บ้านทำความสะอาด ให้พวกเขาช่วยจัดการเคลียร์ให้จางจื่อเห้าออกไป
หวางโส่วเหรินก็กระเสือกกระสนที่ลุกขึ้นยืน ทำตาเขม็งใส่หวางซูเฟินด้วยสีหน้าโกรธจัด แล้วคำรามเสียงเบาๆว่า: “แกระวังตัวดีๆแล้วกัน!”
พอพูดจบก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ต่อหน้าหวางซูเฟินแล้ว ตัวเองถึงกับต้องคุกเข่ากราบไหว้คนรุ่นหลังอย่างหลินหยุนเช่นนี้ เกรงว่าหวางโส่วเหรินชั่วชีวิตนี้คงไม่มีวันลืมความอัปยศอดสูในวันนี้ไปได้
หวางเซิ่งเฉียนก็จ้องหน้าหลินหยุนอย่างเย็นชา แต่ว่าไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังแล้วเดินตามหวางโส่วเหรินออกไป
เจ้าของเรื่องทั้งสองของตระกูลหวางต่างก็หนีไปแล้ว เหลือแต่พวกที่ติดสอยห้อยตามของตระกูลหวางพวกนั้น ก็ย่อมต้องรีบสลายตัวไปทันที
เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกับตอนที่พวกเขาเข้ามาอย่างฮึกเหิมลำพองใจแล้ว ตอนที่จากไปนั้นกลับมีสภาพทุลักทุเลเหลือเกิน
ชั่วพริบตาเดียว ภายในห้องโถงใหญ่ก็เหลือแต่คนพวกเว่ยเทียนหมิงเท่านั้น
คนพวกนี้ถูกตระกูลหวางหลอกใช้ในการโจมตีหลินหยุน ตอนนี้ตระกูลหวางพ่ายแพ้ไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีค่าสำหรับในการหลอกใช้อีกต่อไปแล้ว
หวางเซิ่งเฉียนก็ย่อมไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเขาอย่างแน่นอน
“พวกแกทำไมยังไม่ไปอีก?” หวางซูเฟินมองดูคนเหล่านั้นด้วยความเบื่อหน่าย
เว่ยเทียนหมิงและเถียนชุ่ยชุ่ยพวกเขาก็อยากจะไปเหมือนกัน แต่ว่าพวกเขาไม่กล้า ต่างหาก
ตอนนี้ไม่มีตระกูลหวางคอยหนุนหลังแล้ว พวกเขาเกรงว่าหลินหยุนจะมาแก้แค้น
แต่ว่า ด้วยนิสัยหยิ่งยโสของเว่ยเทียนหมิงแล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะขอให้หลินหยุนไว้ชีวิตเขา
แต่ว่า จางจื่อเห้าไม่ได้แยแสอะไรเลย ตอนนี้คิดแต่เอาตัวรอดอย่างเดียว ไม่สนใจว่าช่วงล่างของตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำ คุกเข่าลงไปบนพื้นแล้วโขกหัวขอให้หลินหยุนไว้ชีวิตเขา
“ปรมาจารย์หลินครับ ผมผิดไปแล้วครับ ผมไม่ควรหลงเชื่อคำพูดของตระกูลหวางแล้วมาเป็นศัตรูกับท่านเลย ขอให้ท่านโปรดไว้ชีวิตผมสักครั้งเถอะ!”
หลินหยุนไม่ได้ไปสนใจจางจื่อเห้า ได้แต่มองไปยังหวางซูเฟินแล้วพูดว่า “แม่ครับ เข้าไปในห้องทำงานเถอะ เดี๋ยวผมจะเอาบัญชีบางอย่างของชางฉองกรุ๊ปมาให้กับแม่ไว้”
“ได้!” หวางซูเฟินตอบตกลง
“พวกคุณก็ตามมาด้วยสิ!” หลินหยุนหันหน้าไปพูดกับพวกลูกพี่ใหญ่ทั้งหลาย
“ครับ!” พวกลูกพี่ใหญ่ทั้งหลายต่างก็ก้มหน้าลง แล้วตอบรับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
ในไม่ช้า ภายในห้องโถงใหญ่ก็ไปกันจนหมดเกลี้ยงแล้ว ส่วนยามรักษาความปลอดภัยและแม่บ้านทำความสะอาดต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง เหลือเพียงแต่เว่ยเทียนหมิงที่เหมือนคนหมดสภาพและเถียนชุ่ยชุ่ย และยังมีจางจื่อเห้าที่ยังคงคุกเข่าโขกหัวอยู่บนพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน
เว่ยเทียนหมิงหัวเราะอย่างเจื่อนๆ “หลินหยุน นี่ก็คือสไตล์เดิมของแกอย่างแท้จริง แกก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย ไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง แม้แต่จะทุบตีด่าว่าเพื่อแก้แค้นก็ยังไม่สนใจเลยใช่ไม่?”
“แน่นอน ตอนนี้พวกเราไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะให้แกมาทุบตีด่าว่าด้วยซ้ำไป”
เว่ยเทียนหมิงลุกขึ้นยืน แล้วค่อยๆเดินออกไป เงาร่างของเขานั้นดูเหมือนเป็นคนแก่ที่ไม้ใกล้ฝั่งคนหนึ่ง
สีหน้าของเถียนชุ่ยชุ่ยขาวซีดจนถึงที่สุด ทั้งตัวแข็งทื่อราวกับหุ่นกระบอก ไม่รู้ว่าจะเดินออกจากบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปไปยังไง
ตอนนั้น ก็เหลือแค่นิดเดียวเท่านั้น อาจไม่แน่ เธอก็จะสามารถจับคนใหญ่คนโตคนหนึ่งไว้ในมือได้แล้ว
เสียดายที่ว่า เธอผิดพลาดไปแล้ว การทำพลาดเพียงครั้งเดียวนี้ ก็หมายถึงชั่วชีวิตแล้ว
หลินหยุนส่งมอบชางฉองกรุ๊ปให้กับหวางซูเฟินทั้งหมด และให้ซูจื่อเหลียงอยู่ที่จงโจวต่อไป เพื่อปกป้องพวกหวางซูเฟิน
บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็ได้ควบรวมกับชางฉองกรุ๊ปเป็นทางการแล้ว
ตระกูลป๋าย ตระกูลเหยียน และลูกพี่ใหญ่แห่งกว่างเป่ย อ้าวฉางคง รวมทั้งคนที่ถูกตระกูลหวางยุยงปลุกปั่นพวกนั้น
หลังจากที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากตระกูลหวางแล้ว พลังอำนาจพวกนั้นก็พังทลายลงอย่างง่ายดาย
แน่นอนที่ว่า เรื่องพวกนี้หลินหยุนก็ไม่สนใจที่จะไปทำอะไรต่อไป
ด้วยพลังอำนาจของชางฉองกรุ๊ปแล้ว ก็สามารถกดดันให้คนทรยศพวกนั้นหายสาบสูญไปได้แล้ว
หลินหยุนก็กลับไปยังคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ ทะเลสาบเยว่หยา
สำหรับอนาคตของชางฉองกรุ๊ปจะเดินต่อไปยังไงนั้น หลินหยุนเชื่อว่าแม่ครับสามารถวางแผนจัดการได้ดีกว่าเขาอย่างแน่นอน
แต่ว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง
ชางฉองกรุ๊ปตอนนี้ก็ประกอบด้วยนักธุรกิจชั้นหัวกะทิเกินครึ่งในวงการธุรกิจแล้ว กลายเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีนไปแล้ว
มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของชางฉองกรุ๊ป อาจไม่แน่ว่า ทั่วโลกนี้ก็ยังไม่มีบริษัทไหนที่จะร่ำรวยเกินกว่านี้อีกแล้ว
แต่ว่า ต้นไม้ใหญ่มักจะต้องปะทะกับพายุลมแรง ชางฉองกรุ๊ปตอนนี้ก็เหมือนผลไม้ใหญ่ที่สุกงอม แต่กลับยังไม่มีพลังอำนาจมากพอที่จะมาปกป้องคุ้มครองไว้
ช่วงเวลาที่หลินหยุนยังอยู่นั้น อาจจะไม่มีใครกล้ามาแตะต้องก็จริง แต่ตราบใดที่หลินหยุนไม่อยู่แล้ว ชางฉองกรุ๊ปก็จะต้องถูกซุ่มรุมโจมตีอย่างแน่นอน
ดังนั้น หลินหยุนจำเป็นจะต้องสร้างฐานกำลังคุ้มกันให้กับชางฉองกรุ๊ป เพื่อจะได้ปกป้องคุ้มครองชางฉองกรุ๊ปต่อไป