จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 89 เขาจะเข้าร่วมในระดับอาจารย์
บทที่ 89 เขาจะเข้าร่วมในระดับอาจารย์
ชายผู้นี้คือนักศึกษาคณะแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจว พอดีเซี่ยหยู่เวยก็กำลังศึกษาเพิ่มเติมทางแพทย์แผนจีนอยู่ ดังนั้นเขาจึงบังเอิญได้รู้จักกับหลินหยุน
อีกทั้งการที่เป็นดาวหญิงสวยประจำมหาวิทยาลัย ตอนที่เซี่ยหยู่เวยแต่งงานนั้น เคยได้สร้างความฮือฮาเป็นที่พูดถึงกันไม่น้อยภายในมหาวิทยาลัย
มีนักศึกษาจำนวนมากไม่เคยเห็นหลินหยุน แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของหลินหยุนผู้นี้
ชายผู้ที่สวมแว่นตาอีกคนหนึ่ง พูดอย่างตะลึงว่า“จางเหยียน ที่นายพูดถึงก็คือชายที่เกาะภรรยากินผู้นั้นงั้นเหรอ! ”
ชายผู้นั้นที่เปิดโปงสถานะของหลินหยุน ได้มองไปที่หลินหยุน พูดด้วยท่าทีอันเหยียดหยามว่า“ตอนนั้นฉันเห็นเขาอยู่กับคุณเซี่ยหญิงสวยประจำมหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงจดจำเขาได้เป็นอย่างดี ที่จริงเขาไม่ได้เป็นหมอเทพอะไรอย่างที่พูดกันหรอก เขาเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องไม่มีความสามารถเอาแต่เกาะภรรยากินต่างหาก! ”
“ผู้อำนวยการโจว ท่านถูกเขาหลอกลวงแล้ว! ” นักศึกษาที่ชื่อจางเหยียนพูดกับโจวชิงเหออย่างเย่อหยิ่ง ทำท่าทางว่าต้องการความดีความชอบ เหมือนกับว่าตนเองนั้นได้เปิดโปงสถานะตัวตนที่แท้จริงของหลินหยุน ได้สร้างคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
ได้ยินคำพูดสาบานจากใจจริงของจางเหยียน นักศึกษาคนอื่นที่อยู่รอบข้างต่างพากันเชื่อไปกว่าเจ็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว มองไปที่หลินหยุนด้วยท่าทางที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม
“ฮืม คนที่ไม่ได้เรื่องไม่มีความสามารถที่เกาะภรรยากิน คาดไม่ถึงว่าจะกล้าปลอมแปลงเป็นหมอเทพ? แกกล้าหาญมากเกินไปแล้ว! ”
จงเฟยหยู่มองไปที่หลินหยุนด้วยความเหยียดหยามแวบหนึ่ง ก็ละสายตาแล้วมองไปยังที่อื่น ใบหน้าแสดงถึงความรังเกียจ โดยคนหลอกลวงที่ชอบปลอมแปลงมาเป็นหมอเทพลักษณะนี้ เธอพบเห็นอยู่มากมายบ่อยครั้ง
“ไอ้คนหลอกลวง ไสหัวออกไปซะ! ” พวกนักศึกษาทยอยดุด่าขับไล่
ซูชิงเหยียนกับโม่หัวถิงมองไปที่โจวชิงเหอพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ซูชิงเหยียนสอบถามเบา ๆ ว่า“ผู้อำนวยการโจว ทำไมท่านถึงได้มองผิดพลาดไปได้? การหลอกลวงเช่นนี้ทำไมท่านถึงติดกับได้? ”
โจวชิงเหอหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ทราบถึงสถานะของหลินหยุน
แต่ว่า ไม่สนใจว่าในอดีตจะเคยเป็นคนอย่างไร ตั้งแต่ที่หลินหยุนได้ใช้วิชานึ่งกระดูกช่วยรักษาผู้ป่วยที่มีอาการร้ายแรงเอาไว้ได้ โจวชิงเหอจึงได้เชื่อมั่นและยอมรับในวิชาการแพทย์ของหลินหยุน
โจวชิงเหอมองไปที่หลินหยุน พบว่าหลินหยุนไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง ก็เบาใจ รีบยื่นมือสองข้างออกมาทำท่าทางให้ทุกคนสงบเงียบลง แล้วอธิบายให้กับทุกคนฟัง
“นักศึกษาทุกคน สงบเงียบกันก่อน! ”
“พวกเธออาจจะเคยรู้จักหมอเทพหลินมาก่อน แต่นั่นคืออดีต วิชาการแพทย์ของหมอเทพหลินฉันเคยได้เห็นกับตาของตัวเองมาแล้ว ฉันเต็มใจใช้เกียรติของฉันรับประกัน หมอเทพหลินไม่ใช่คนหลอกลวงจอมปลอมอย่างแน่นอน”
จางเหยียนถามขึ้นอย่างตะลึงว่า“ผู้อำนวยการโจว ไอ้หนุ่มน้อยคนนั้นให้ท่านกินยามึนงงอะไรเข้าไป? ท่านถึงกับได้เชื่อมั่นในตัวเขาขนาดนี้! ”
โจวชิงเหอสอบถามกลับด้วยใบหน้าอันเข้มงวด“แกคิดว่าฉันเหมือนกับกินยามึนงงอะไรเข้าไปงั้นเหรอ? ”
จางเหยียนตกใจจนขนาดไปกล้าที่จะออกเสียง โจวชิงเหอเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชน เขาเป็นเพียงแค่นักศึกษา สถานะแตกต่างกันมาก เมื่อครู่ที่เขาสอบถามโจวชิงเหอนั้น ก็ถือว่าไร้มารยาทแล้ว
โจวชิงเหอไม่ได้อาศัยอำนาจข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า พูดอย่างชัดเจนว่า“ทุกคนวางใจได้ ฉันกล้าใช้ชีวิตของข้าเป็นประกันว่า หมอเทพหลินไม่ใช่คนหลอกลวงอย่างแน่นอน”
“ก่อนหน้านี้พวกเธออาจจะเข้าใจผิดในตัวของหมอเทพหลิน แต่ว่า ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวฉัน นับจากนี้ต่อไป พวกเธอจะไม่มีทางที่จะกังวลและสงสัยในตัวของหมอเทพหลินอีกอย่างแน่นอน! ”
เห็นโจวชิงเหอปกป้องหลินหยุนตามเต็มที่ แม้ว่าจางเหยียนจะไม่เชื่อว่าหลินหยุนคือหมอเทพก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าที่จะไปขัดคำพูดของโจวชิงเหอ
นักศึกษาคนอื่นส่วนใหญ่ก็มีความเห็นเดียวกันกับจางเหยียน
เห็นว่าพวกนักศึกษาไม่มีปากมีเสียงแล้ว แต่ก็ยังมองไปที่หลินหยุนอย่างดูหมิ่นเหยียดหยาม โจว ชิงเหอรู้ว่าในใจของพวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อในคำพูดของตน
แต่ว่า โจวชิงเหอก็ไม่ได้อธิบายใด ๆ เพิ่มเติม ต่อให้พูดจนปากเปียกปากแฉะ ก็ไม่มีผลเท่ากับให้หลินหยุนแสดงความสามารถอันแท้จริงออกมาให้ทุกคนได้เห็นเป็นประจักษ์
ซูชิงเหยียนกับโม่หัวถิงก็ยังคงไม่เชื่อ เพราะว่าหลินหยุนนั้นอายุยังน้อยมาก
พวกนักศึกษาเกรงกลัวสถานะของผู้อำนวยการโจว แต่สถานะของซูชิงเหยียนกับโม่หัวถิงทั้งสองคนเทียบเท่ากับโจวชิงเหอ พวกเขาจึงไม่เกรงกลัว
“ผู้อำนวยการโจว ท่านรับรองว่าตนเองไม่ได้ถูกหลอกลวงใช่หรือไม่? อายุของเขาน้อยมากจริง ๆ! ”โม่หัวถิงสอบถามขึ้นอย่างเบา ๆ
ซูชิงเหยียนก็มองไปที่โจวชิงเหอด้วยความสงสัย แน่นอนว่า เขากับโม่หัวถิงมีคำถามข้อสงสัยเดียวกัน
โจวชิงเหอพูดรับประกันว่า“ท่านโม่ อธิการบดีซู พวกท่านวางใจได้เลย ฉันยอมใช้ชีวิตของข้าเป็นประกันว่า หมอเทพหลินไม่ใช่คนหลอกลวงอย่างแน่นอน! ”
โม่หัวถิงมองไปที่หลินหยุน ที่ยืนกอดอกและมีสีหน้าท่าทางที่เฉยชา พยักหน้าแล้วพูดว่า“ก็ได้ ฉันเชื่อท่าน! ”
“ขอบคุณท่านโม่อย่างมาก! ” โจวชิงเหอกล่าวอย่างดีใจ
โม่หัวถิงพูดว่า“คนก็มาพร้อมกันพอสมควรแล้ว ก่อนที่คนของฉินโจวพวกนั้นเขาจะมาถึงพวกเราจำเป็นจะต้อง ทำการคัดเลือกรายชื่อผู้ร่วมลงแข่งขันให้เสร็จเสียก่อน! ”
ซูชิงเหยียนกับโจวชิงเหอต่างพยักหน้าเห็นด้วย
โม่หัวถิงพูดว่า“การแข่งขันระดับอาจารย์และระดับนักศึกษา จะต้องมีผู้เข้าร่วมแข่งขันฝ่ายละสามคน โดยการแข่งขันระดับนักศึกษามี เสิ่นซูจง จงเฟยหยู่ ซึ่งตอนนี้ยังขาดอีกหนึ่งคน ส่วนระดับอาจารย์ ก็คืออธิการบดีซูรวมถึงผู้อำนวยการโจวและก็ตัวฉัน พวกเราสามคนก็แล้วกัน! ”
ซูชิงเหยียนคิดเล็กน้อย พูดว่า“ตัวเลือกผู้เข้าแข่งขันระดับอาจารย์นั้นฉันไม่มีข้อขัดแย้ง แต่ว่าผู้เข้าแข่งขันระดับนักศึกษา ฉันคิดว่ารายชื่อคนสุดท้าย น่าจะเก็บไว้ให้กับจางเหยียน แม้ว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์ความสามารถเหมือนกับจงเฟยหยู่และเสิ่นลงซู แต่ในปีการศึกษานี้ ก็ถือได้ว่าเป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนใช้ได้ทีเดียว”
จางเหยียนได้ยินดังนั้น ก็ดีใจขึ้นมาทันที นักศึกษาคนอื่นมองไปที่จางเหยียน ต่างทยอยแสดงอาการอิจฉากันออกมา
ศาสตราจารย์โม่พยักหน้า พูดว่า“ฉันไม่มีข้อขัดแย้ง”
โจวชิงเหอพูดขึ้นกะทันหันว่า“ท่านทั้งสอง ครั้งนี้ที่ฉันได้เชิญหมอเทพหลินมา ก็เพราะต้องการให้เขาเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยหลินโจวของพวกเราเข้าร่วมแข่งขัน ดังนั้น ฉันต้องการให้เขาเป็นหนึ่งในผู้ลงแข่งขัน”
ซูชิงเหยียนมองไปที่หลินหยุน ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า“ผู้อำนวยการโจว แต่ว่ารายชื่อผู้ลงแข่งขันระดับนักศึกษาครบแล้ว อย่างนั้นให้เขาเป็นรายชื่อสำรองแล้วกัน! ”
โจวชิงเหอพูดว่า“ยังไม่ครบ ถ้าฉันถอนตัวออกมา ให้หลินหยุนแทนที่ของฉัน ก็ได้แล้วไม่ใช่หรอกเหรอ! ”
“อะไรกัน! ” ซูชิงเหยียนตกตะลึง ยังคงไม่เข้าใจความหมายอยู่บ้าง
โม่หัวถิงพูดอย่างโมโหว่า“มั่วซั่วกันไปใหญ่แล้ว! ”
“ผู้อำนวยการโจว ท่านคือเสาหลักของวงการแพทย์แห่งหลินโจว วิชาการแพทย์ของฉันกับอธิการบดีซูก็ยังไม่ทัดเทียมกับท่าน หากว่าท่านไม่ลงแข่งขัน ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้พวกเราคงจะพ่ายแพ้ยับเยินเป็นแน่! ”
“เมื่อถึงตอนนั้น พวกคนฉินโจวก็จะยิ่งดูหมิ่นพวกเรากันไปอีก! พวกเราจะกลายเป็นคนผิดแห่งวงการแพทย์ของหลินโจวไปกันหมด! ”
โจวชิงเหอยิ้มแล้วพูดว่า“ท่านโม่ พูดเกินไปแล้ว! ที่ฉันทำแบบนี้ ก็เพราะคำนึงถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของวงการแพทย์หลินโจวของพวกเรา วิชาการแพทย์ของหมอเทพหลินเก่งกาจมากกว่าฉัน ให้เขาเป็นตัวแทนฉันลงแข่ง แน่นอนว่าจะแข็งแกร่งมากกว่าฉันลงแข่งเองหลายเท่า! ”
ซูชิงเหยียนพูดว่า“ผู้อำนวยการโจว ท่านคิดทบทวนดีแล้วนะ นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น! ”
โจวชิงเหอยกมือขึ้น พูดอย่างแน่วแน่ว่า“อธิการบดีซูท่านไม่ต้องพูดแล้ว ฉันได้ตัดสินใจเรียบร้อย เอาตามนี้แล้วกัน ผลที่เกิดขึ้นทุกอย่างฉันจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง! ”
“นี่มัน……” ซูชิงเหยียนจำใจ ไม่เหมาะสมที่จะพูดเตือนใด ๆ อีกแล้ว
ศาสตราจารย์โม่ยังไม่ยอมตายใจ พูดอย่างเย็นชาว่า“ไม่ได้เด็ดขาด ฉันยอมตกลงให้เขาเป็นตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันระดับนักศึกษาได้ แต่ระดับอาจารย์ต้องเป็นพวกเราสามคนเท่านั้น”
โจวชิงเหอพูดอย่างยืนหยัดว่า“ท่านโม่ ฉันยินดียอมรับผลที่จะเกิดขึ้นทุกอย่าง ท่านยังมีอะไรที่ไม่วางใจอยู่อีกเหรอ? ”
ศาสตราจารย์โม่จ้องไปที่โจวชิงเหอ พูดด้วยความโมโหว่า“ผู้อำนวยการโจว ผลที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ท่านเพียงคนเดียวที่จะรับผิดชอบมันไว้ได้หมดที่ไหนกัน! ”
โจวชิงเหอก็เริ่มโมโหขึ้นบ้างแล้ว พูดอย่างเย็นชาว่า“ท่านโม่ ถ้าหากฉันจะยังคงยืนกรานที่จะทำเช่นนี้ล่ะ? ”
“ท่าน……” ศาสตราจารย์โม่โมโหจนหน้าเขียว สั่นไปทั้งร่างกาย
จงเฟยหยู่ที่อยู่ด้านข้างมองไปที่หลินหยุนที่มีท่าทีที่ไร้ความรู้สึก แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหา ใช้มือสัมผัสที่ตัวของหลินหยุน พูดเบา ๆ อย่างหยิ่งยโสว่า“ผู้อำนวยการโจวกับศาสตราจารย์โม่ทะเลาะกันอย่างหนักก็เพราะแก แกกลับมาหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังไม่พูดไม่จาอะไร แกช่างเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวเสียจริง! ”
“ถ้าหากฉันเป็นแก ฉันคงไม่มีหน้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปอย่างแน่นอน”
นักศึกษารอบข้างบางคนได้ยินที่จงเฟยหยู่พูด ต่างทยอยมองไปที่หลินหยุนด้วยท่าทางเย้ยหยัน
“ไอ้คนขี้ขลาด! ” นักศึกษาหลายคนต่างพูดขึ้นกันอย่างเบา ๆ
หลินหยุนมองไปที่จงเฟยหยู่ แล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า“ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่หมายความว่าเกรงกลัว แต่อาจจะหมายถึง ดูหมิ่นเหยียดหยาม”
“ใช่หรือไม่ใช่คนขี้ขลาด ต้องดูตอนที่เขาเผชิญกับสถานการณ์อุปสรรค ว่าจะมีท่าทางและสภาพจิตใจอย่างไร”