จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 904 รักษาบาดแผล
ลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ทั้งหมด ต่างมองหลินซื่อเฉิงด้วยความตกใจ
ชายชราผู้นี้ดูท่าทางโง่ ๆ ซื่อ ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า พลังจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
แม้ว่าพลังของชายหนุ่มเหล่านี้ สู้หลินซื่อเฉิงไม่ได้ แต่พวกเขาก็เป็นนักบู๊แดนพรสวรรค์
นักบู๊แดนพรสวรรค์เจ็ดแปดคนรวมตัวกัน ขอแค่อีกฝ่ายไม่ใช่ระดับปรมาจารย์ หากต้องการเอาชนะพวกเรา อย่างน้อยก็ต้องลงมือเป็นร้อยกระบวนท่า
แต่หลินซื่อเฉิงใช้เพียงท่าเดีย พวกเขาทั้งหมดก็ลอยกระเด็นออก
เห็นได้ชัดว่า ชายชราที่ค่อนข้างแปลกประหลาดคนนี้ อาจจะเป็นผู้สูงส่งที่ไม่เปิดเผยตัวตนก็ได้
หลินซื่อเฉิงมองไปยังชายหนุ่มเหล่านั้นที่มีสีหน้าระแวง แล้วหัวเราะพลางเอ่ย : “ทุกท่าน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ตอนนี้เรียกอาจารย์ของพวกนายออกมาได้หรือยัง?”
ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้า ได้หันไปพูดกับลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง : “แกรีบไปบอกอาจารย์ ว่ามีคนมาหาเรื่อง!”
หลินซื่อเฉิงตกใจ รีบอธิบาย : “ช้าก่อน ฉันไม่ได้มาหาเรื่องจริง ๆ นะ ฉันก็แค่อยากมาหาอาจารย์พวกนายฝึกฝนแลกเปลี่ยนวิชากันหน่อย!”
ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าที่ถมึงทึงอยู่นั้นได้ดูดุดันมากยิ่งขึ้น : “รีบไปบอกสิ!”
“ครับ!” ชายหนุ่มคนนั้นรีบวิ่งไปทันที
หลินซื่อเฉิงถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ : “เฮ้อ ฉันไม่ได้มาหาเรื่องจริง ๆ นะ!”
ไม่นาน จางเฮยหู่ เจ้าสำนักแห่งสำนักพยัคฆ์ ก็ได้พาลูกศิษย์อีกหลายคนเดินออกมา
จางเฮยหู่เป็นพวกพรานป่า สภาพครอบครัวตอนเด็กไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ แต่ได้รับโอกาสโดยบังเอิญ เพราะช่วยเหลือนักบู๊ที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งเอาไว้
นักบู๊คนนั้นต้องการขอบคุณ จึงได้บอกวิชาเพลงบู๊ให้กับจางเฮยหู่
แต่ว่า ไม่ได้แนะนำเขา
จางเฮยหู่มีความเพียรพยายาม ศึกษาวิชาเพลงบู๊นั้นด้วยตัวเอง จนประสบความสำเร็จ
และความสามารถของจางเฮยหู่ก็ไม่ธรรมดาเลย สี่สิบปีก็กลายเป็นนักบู๊ระดับปรมาจารย์แล้ว หลังจากนั้นยี่สิบปี ได้ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น กลายเป็นปรมาจารย์แดนพรแสวง
จางเฮยหู่มองไปที่หลินซื่อเฉิง แล้วเผยสีหน้าเหยียดหยามออกมา พลางเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา : “แกเป็นนักบู๊ที่ยังไม่เข้าขั้นเลยด้วยซ้ำ กลับกล้ามาปากดีท้าทายฉัน!”
“ไม่รู้จักประเมินตัวเองซะเลย!”
หลินซื่อเฉิงหัวเราะพลางเอ่ย : “คุณอย่าเพิ่งโกรธ ฉันไม่ได้อยากมาท้าทายนาย แค่อยากมาฝึกฝนกับนาย เพื่อลองดูว่าตอนนี้พลังของฉันอยู่ในระดับไหนแล้ว”
ได้ยินดังนั้น จางเฮยหู่ก็โกรธจัด : “เหอะ แกกล้าเห็นฉันเป็นตัวทดสอบงั้นเหรอ หาเรื่องตาย!”
พูดจบ จางเฮยหู่ก็ลงมือทันที
พลังของหลินซื่อเฉิง ตอนนี้อยู่ระดับพรสวรรค์สูงสุด ถ้าหากปะทะกับนักบู๊ระดับปรมาจารย์ น่าจะสามารถต้านทานไว้ได้ชั่วคราว
แต่ว่า จางเฮยหู่เป็นปรมาจารย์แดนพรแสวงแล้ว อีกทั้งลงมือด้วยความโมโห นายท่านหลินได้ลงมือไปเพียงสิบกระบวนท่า ก็ถูกจางเฮยหู่กระแทกหมัดใส่หน้าอก
หลินซื่อเฉิง เลือดลมภายในพลุ่งพล่านปั่นป่วน เห็นจางเฮยหู่จะกระแทกใส่อีกหมัด จึงรีบตะโกนออกไปว่า : “หยุด!”
จางเฮยหู่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ เป็นโอกาสดีที่จะเอาชนะหลินซื่อเฉิงได้ จึงไม่มีทางหยุดมือ
ปึก!
อีกหนึ่งหมัด กระแทกเข้าใส่หน้าอกของหลินซื่อเฉิงอย่างจัง จนทำให้หลินซื่อเฉิงกระอักเลือดกระเด็นออกไป
ส่วนจางเฮยหู่นั้น เห็นได้ชัดว่าต้องการเอาชีวิตของหลินซื่อเฉิง จึงจะกระแทกเข้ามาอีกหมัด
คราวนี้หลินซื่อเฉิงกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ก่อนหน้านี้หลินหยุนเคยบอกไว้ว่าโลกบู๊อันตรายมาก โหดร้ายมาก แต่เขายังไม่เชื่อ คิดว่าหลินหยุนเพียงแค่ขู่เขาเท่านั้น
แต่ตอนนี้ ได้เห็นว่าจางเฮยหู่ต้องการเอาชีวิตเขา นายท่านหลินจึงเข้าใจถึงความโหดร้ายแห่งโลกบู๊ได้จริง ๆ สักที
“อ๊า!”
หลินซื่อเฉิงใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมด กระแทกหมัดออกไป จากนั้น ตัวเขาก็กระเด็ดออกไปอีกครั้ง
แต่หลินซื่อเฉิงรีบฉวยโอกาสตอนได้รับแรงกระแทก หลบหนีไปอย่างสะบักสะบอม
ยังไงก็เป็นวิชาของโลกบำเพ็ญเซียน ทำให้พลังของหลินซื่อเฉิง ห่างชั้นกับนักบู๊คนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน จึงหลบหนีไปได้อย่างรวดเร็ว
จางเฮยหู่ไม่ได้คิดจะฆ่าให้สิ้นซาก เมื่อเห็นหลินซื่อเฉิงหนีไปอย่างรวดเร็ว ก็ไม่คิดจะตามเขาไป
“เหอะ ไม่เจียมตัว!”
พูดจบ ก็ได้พาลูกศิษย์กลับไปที่ประตู
หลินหยุนหลอมตัวอ่อนยาจาง ใช้เวลาถึงสามวันเต็ม ๆ
เมื่อใช้พลังยาของยากลั่นทิพย์เพลิงม่วงไปจนหมดสิ้น ถึงได้หยุดลง
หลินหยุนตันเถียนที่เดิมทีมีตัวอ่อนยาจางขนาดเท่าไข่ห่าน ได้ผ่านการหล่อหลอม จนตอนนี้เหลือเพียงขนาดเท่าลูกปิงปอง
แต่ว่า พลังของหลินหยุนในตอนนี้ กลับเพิ่มขึ้นอีกระดับ
ผ่านการฝึกฝนมาสามระดับ จนอยู่ในระดับแดนรวมยาระยะกลาง
ถ้ายึดตามการแบ่งระดับในโลกบู๊ พลังของหลินหยุนในตอนนี้ น่าจะอยู่ระดับพรแสวงของแดนเทพ
แน่นอนว่า พลังของหลินหยุน อาจจะเหนือชั้นกว่านักบู๊ระดับพรแสวงของแดนเทพ ถึงขนาดที่ว่า นักบู๊ระดับสูงสุดของแดนเทพ ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินหยุน
หลินหยุนเปิดโทรศัพท์ดูข้อความ
จากนั้น หลินหยุนเห็นข้อความที่ส่งมาจากหลินตงหัวพ่อของเขาเอง
เมื่ออ่านข้อความจบ สีหน้าของหลินหยุนก็มีรังสีอำมหิตเผยออกมา
แค่ก้าวเดียว ร่างของหลินหยุน ก็ไปไกลเกินสิบเมตร
จากนั้น เดินอีกไม่กี่ก้าว หลินหยุนก็ได้ออกไปจากคฤหาสน์ แล้วมายังตีนเขา
พลังพิเศษ แค่ก้าวเดียวไปได้ไกลเป็นพันไมล์ ทั้งยังมีวิชาอาคมที่ย่อหดแผ่นดินของลัทธิเต๋า สามารถก้าวไปได้ไกลนับหมื่นไมล์เพียงแค่ก้าวเดียว
ระดับความสามารถของหลินหยุนในวันนี้ แม้ยังไม่ได้แตะระดับที่กล่าวกันในตำนาน แต่ก็อยู่ในระดับที่ใกล้แล้วล่ะ
ไม่นาน หลินหยุนก็มาถึงตระกูลหลิน ณ ดินแดนอูซู แล้วพบกับหลินซื่อเฉิง ปู่ของเขา
สภาพของหลินซื่อเฉิง ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพลงบู๊ของจางเฮยหู่ จัดอยู่ในระดับที่รุนแรง
ดังนั้น หลังจากที่หลินซื่อเฉิงถูกเขาทำร้ายบาดเจ็บ ผ่านการปรับลมปราณมาในช่วงสองสามวันนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยฟื้นฟูบาดแผล แต่กลับอาการสาหัสมากขึ้น
หลายวันมานี้ ได้กระอักเลือดติดต่อกันหลายครั้งแล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ พี่ใหญ่แห่งตระกูลหลิน คุณลุงหลินตงถิงจึงได้โทรศัพท์ไปหาหลินตงหัวพ่อของหลินหยุน
หลินตงหัวรีบบอกให้หลินหยุนรู้ทันที แต่ว่า ตอนนั้นหลินหยุนกำลังเก็บตัวเพื่อฝึกพลังอยู่
ตอนนี้ เมื่อได้เห็นข้อความ จึงรีบมาทันที
สำหรับพลังของหลินหยุน ตระกูลหลินทุกคนต่างรู้กันดี
ตอนนี้ ฐานะของหลินหยุนในตระกูลหลิน ได้เปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกดินมานานแล้ว
เมื่อเห็นหลินหยุนกลับมา ลุงหลินตงถิงได้นำทุกคนในตระกูล ก้มหัวให้กับหลินหยุน
ต่อให้เป็นหลินซื่อเฉิงที่เป็นผู้นำตระกูล รวมถึงผู้อาวุโสทั้งสี่แห่งตระกูลหลิน ก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
หลินโล่เฉินและคนอื่น ๆ ถึงแม้ไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เมื่อนึกถึงภาพตอนนั้นที่หลินหยุนฆ่าเยนหนานเทียน พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น
ยังมีพวกอายุน้อยในตระกูลหลินอีกจำนวนหนึ่ง เช่น หลินโร่สุ่ย ต่างก็เลื่อมใสศรัทธาหลินหยุนมาก
สายตาที่พวกเขามองหลินหยุน ตื่นเต้นยิ่งกว่าเห็นไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบเสียอีก
สายตาของหลินหยุน ไม่ได้สนใจผู้คนในห้องรับแขกเลยแม้แต่น้อย เขาได้มองไปที่หลินตงถิง : “คุณปู่เป็นยังไงบ้าง?”
หลินตงถิงเอ่ย : “อาการไม่ค่อยดีนัก นายรีบไปดูเถอะ!”
พูดจบ หลินตงถิงได้เดินนำไป แล้วพาหลินหยุนมาที่ห้องของคุณปู่หลินซื่อเฉิง
ภายในห้อง หลินโร่หลันกำลังดูแลคุณปู่หลินซื่อเฉิงอยู่ คุณปู่กำลังนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าแดงก่ำ
เมื่อเห็นหลินหยุน ใบหน้าอันงดงามของหลินโร่หลันดูไม่ค่อยเป็นปกตินัก
ที่ผ่านมาก เธอถูกเลี้ยงแบบไข่ในหินและเป็นคนที่เย่อหยิ่งสุดในตระกูลหลิน รองจากหลินโล่เฉิน
ทั้งยังได้แฟนเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ หลินหยุนเป็นคนที่เธอดูถูกมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้ คนที่เธอดูถูกดูแคลนมากที่สุดคนนั้น ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก กลายเป็นคนสูงส่งที่เธอไม่อาจแตะต้องได้
ความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้ แม้จะผ่านไปนานแล้ว แต่หลินโร่หลันก็ยังไม่ชินอยู่ดี
แม้ว่าเธอจะปลอบใจตัวเองไม่หยุด แต่เมื่อได้พบกับหลินหยุน เธอก็ยังคงไม่สามารถเผชิญหน้าและไม่รู้สึกสะทกสะท้านได้
หลินโร่หลันลุกขึ้น แล้วทำความเคารพหลินตงถิง จากนั้นเดินออกไปเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยพูดอะไร
หลินหยุนก็ไม่ได้สนใจเธอ เขาเดินตรงไปที่เตียงของหลินซื่อเฉิง ยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง แล้ววางอยู่เหนือหน้าผากของหลินซื่อเฉิง