จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 907 ตบหน้าตนเอง
เมื่อผู้อาวุโสพูดจบ ก็เดินตรงเข้ามาหาพวกหลินหยุนทั้งสองคนด้วยความหยิ่งทะนง
หลินซื่อเฉิงนั้นไม่ชอบตั้งแต่ที่เขาพูดจาดูหมิ่นเมื่อครู่สักแล้ว ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา แล้วก็ก้าวเดิน
เข้าไปหา
แต่ หลินซื่อเฉิงรู้สึกว่าเบื้องหน้าของเขามีเงาดำแวบผ่าน ซึ่งเป็นหลินหยุนที่ได้มายืนขวางอยู่
ด้านหน้าของเขา
“คุณปู่ ท่านยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการเอง” หลินหยุนพูดขึ้น
“ตกลง” หลินซื่อเฉิงก็ไม่ได้ทำเป็นโอ้อวดอะไร แล้วก็ถอยหลังออกมาทันที
ผู้อาวุโสคนนั้นมองไปที่หลินหยุน แสดงท่าทางยิ้มเยาะพร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ลำพังแค่นายเหรอ? ยังคงห่างชั้นกันเกินไป ให้คุณปู่ของนายบุกเข้ามาพร้อมกันเลยสิ! ”
ผู้อาวุโสมีท่าทางที่หยิ่งผยองเป็นอย่างมาก จนถึงขนาดหลงระเริง
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องหรอก จัดการกับนาย ฉันใช้เพียงแค่มือเดียวก็พอแล้ว! ”
ชัดเจนว่า หลินหยุนหลงระเริงหนักยิ่งกว่าเขาอีก!
ผู้อาวุโสตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็โมโหขึ้น: “ไอ้หนุ่มน้อย นายกล้าที่จะดูหมิ่นฉัน! ”
“ฉันจะทำให้นายรับรู้ถึง ผลของการดูหมิ่นฉันว่าเป็นอย่างไร! ”
“ฉันจะทำให้นายตายทั้งเป็น! ”
ชัดเจนว่าผู้อาวุโสคนนี้ต้องการที่จะสร้างภาพลักษณ์ความน่าเกรงขามต่อหน้าของสำนักพยัคฆ์ ซึ่งพอดีเลยที่จะใช้หลินหยุนเป็นเป้าหมายในการสร้างความน่าเกรงขามในครั้งนี้
“รอดูก็แล้วกัน” หลินหยุนสีหน้าท่าทางเฉยเมย
ด้านข้าง พวกลูกศิษย์ของสำนักพยัคฆ์ แต่ละคนต่างก็มองไปที่หลินหยุนด้วยความตกใจ พร้อมกับแอบวิพากษณ์วิจารณ์กันเบา ๆ
“ไอ้หนุ่มนี้เป็นใคร? ถึงได้กล้าที่จะโอ้อวดหลงระเริงขนาดนี้! ”
“นั่นเป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลเซินเลย! ตระกูลเซิน เป็นถึงหนึ่งในเจ็ดของวงศ์ตระกูลแห่งโลกบู๊
โบราณ อีกทั้งพลังความสามารถก็จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของทั้งเจ็ดวงศ์ตระกูลนั้น”
“โดยเขาบอกว่าจะใช้เพียงแค่มือเดียว มันช่างกล้าพูดโอ้อวดอย่างไร้ยางอายสิ้นดี! ”
“คงจะเป็นเพราะยังหนุ่มอายุน้อย! คิดว่าเมื่อครู่ที่ชี้แนะคุณปู่ของเขาแล้วเอาชนะเจ้าสำนักของ
พวกเราได้ ก็จึงไม่เห็นผู้อาวุโสตระกูลเซินอยู่ในสายตาเลย! ”
“ฮึ เขากลับไม่รู้ว่า แม้แต่เจ้าสำนักของพวกเราเองเมื่ออยู่ต่อหน้าของตระกูลเซิน ก็ยังไม่กล้าที่จะ
พูดจาเสียงดัง! ”
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสตระกูลเซินผู้นี้ มีพลังความสามารถระดับไหนกัน? ”
“ได้ยินว่าเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุด! ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของพวกคนเหล่านั้น หลินหยุนได้ยินอย่างชัดเจน
แต่ว่าต่อให้ไม่ได้ยิน หลินหยุนก็สามารถที่จะมองออกได้ว่า ผู้อาวุโสตระกูลเซินคนนี้ อยู่ในระดับ
ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด และยังเป็นคนของโลกบู๊โบราณด้วยแล้ว เกรงว่า
พลังความสามารถจะอยู่ระดับเดียวกับเยนหนานเทียน บางทีหลินหยุนอาจจะให้ความสำคัญบ้าง
แต่ว่า ตอนนี้แม้แต่นักบู๊ขั้นแดนเทพหลินหยุนก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย แล้วนับประสาอะไรที่จะ
ต้องสนใจปรมาจารย์ระดับขึ้นสูงสุดด้วยล่ะ?
ผู้อาวุโสตระกูลเซินตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา จากนั้น ก็ยื่นหมัดสองข้างออกมา แล้วก็วาดเส้นที่
บริเวณหน้าอก
ด้านบนของหมัดสองข้างของเขา ได้ถูกปกคลุมด้วยชี่แท้อย่างรวดเร็ว ชี่แท้สีแดงเพลิง ที่เหมือนกับ
เปลวไฟที่ลุกไหม้นั้น ได้เผาไหม้ขึ้นที่บริเวณพื้นที่ว่างเบื้องหน้าร่างกายของเขาประมาณหนึ่งเมตร
เส้นที่เขาได้วาดขึ้นก่อนหน้านั้น เวลานี้ไฟได้เริ่มลุกไหม้ขึ้นแล้ว ซึ่งกลายเป็นรูปร่างของทวนยาว
หนึ่งเล่ม
จากนั้น มือสองข้างของเขา ได้จับไปที่ด้ามของทวนอัคคียาวในทันที แล้วก็ขว้างเข้าใส่หลินหยุน
อย่างรวดเร็ว
“ทวนอัคคีลวงวิญญาณ! ”
กระบวนท่านี้ น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
เปลวไฟที่ลุกไหม้โชติช่วง ได้ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลเซินกลายเป็นดั่งเทพสงคราม
หลินหยุนมีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก โดยสายตายังแสดงออกถึงท่าทางที่เหยียดหยาม
เล็กน้อย
“ฮึ สร้างสถานการณ์ข่มขวัญตบตา ซึ่งการสร้างสถานการณ์ข่มขวัญนี้ขึ้นนั้น ต้องสิ้นเปลือง
พลังงานไปเป็นอย่างมาก โง่เง่าที่สุด”
ถูกต้อง ผู้อาวุโสตระกูลเซินต้องการสร้างสถานการณ์ข่มขวัญ ที่จริงแล้วเปลวไฟโดยรอบตัว
ของเขานั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีขึ้นก็ได้
แต่ว่า เขาต้องการเพื่อที่จะจัดการสังหารด้วยกระบวนท่าเดียว สร้างสถานการณ์ข่มขวัญตบตา และสร้างความน่าเกรงขามให้กับคนของสำนักพยัคฆ์ ดังนั้นจึ้งต้องจงใจที่จะสร้างสถานการณ์
ใหญ่โตแบบนี้ขึ้น
คิดไม่ถึงว่า กลับถูกหลินหยุนมองทะลุถึงความจอมปลอมของเขา
ผู้อาวุโสตระกูลเซินหน้าตาแดงก่ำ โมโหจนถึงกับร้องตะโกนขึ้น: “ไอ้หนุ่มน้อย นายจะไปเข้าใจอะไร ไปตายซะเถอะ! ”
ทวนอัคคีขนาดสามเมตรที่มีไฟลุกโชติช่วงนั้น ได้พุ่งตรงเข้าจู่โจมหลินหยุน พร้อมกับปลายหางของ
เปลวไฟที่ทอดยาว ดั่งขีปนาวุธ
“ทรงพลังมากจริง ๆ! ”
จางเฮยหู่แอบตกตะลึงอยู่ในใจ พลังความสามารถของผู้อาวุโสตระกูลเซินนี้ แข็งแกร่งทรงพลัง
มากทีเดียว
พวกลูกศิษย์ของสำนักพยัคฆ์เหล่านั้น ยิ่งมีท่าทางที่ตกตะลึงเข้าไปใหญ่ ซึ่งต่างก็ตื่นตะลึงไปกับ
กระบวนท่าของผู้อาวุโสตระกูลเซินผู้นี้ไปหมดกันหมดแล้ว
หลินหยุนกลับไม่มีความรู้สึกอะไร รอจนทวนอัคคียาวที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วงนั้นลอยตรงเข้ามาแล้ว จึงค่อย ๆ ปล่อยพลังหมัดออกไป
“ท่าสยบเขา! ”
พลังหมัดที่เรียบง่าย ไม่มีกระบวนท่าซับซ้อนอะไร ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกระบวนท่าที่มีอานุภาพ
ของผู้อาวุโสตระกูลเซินแล้วนั้น ช่างไม่มีอะไรที่ต้องพูดถึงเลย
แต่ว่า อานุภาพที่ทรงพลัง กลับแผ่ปกคลุมไปทั่วจิตใจของทุกคนแล้ว
เวลานี้หลินหยุน เหมือนกับเทพผู้ยิ่งใหญ่ มือถือขวานเบิกฟ้า และมีหมัดเบิกฟ้าที่ทรงพลัง
โครม!
ทวนอัคคียาวที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วงนั้นได้ปะทะเข้ากับพลังหมัดของหลินหยุน จนเกิดเสียงดัง
สนั่นหวั่นไหวไปทั้งปฐพี
จากนั้น ทวนอัคคียาวก็เหมือนกับมีดที่หั่นเต้าหู้อย่างไรอย่างนั้น ถูกพลังหมัดของหลินหยุน
ทำลายลงจนสิ้นซาก
ส่วนพลังหมัดของหลินหยุนนั้น ไม่ได้ลดอานุภาพลง ยังคงพุ่งจู่โจมเข้าใส่ผู้อาวุโสตระกูลเซิน
“อะไรกัน! ”
ผู้อาวุโสตระกูลเซินสีหน้าท่าทางตกใจ ยืนอึ้งอยู่กับที่ชั่วครู่
ใบหน้าของจางเฮยหู่ เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ: “ไอ้หนุ่มนี้ แข็งแกร่งทรงพลังมากขนาดนี้เลย! ”
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์เหล่านั้น ยิ่งตกตะลึงจนแทบลูกตาจะหลุดออกมาจากเบ้า
“พระเจ้า! ฉันไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม นึกไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มนั่นจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้! ”
ผู้อาวุโสตระกูลเซินตั้งสติขึ้นมาได้ ทันใดนั้น ก็รีบนำฝ่ามือสองข้างมาคุ้มกันที่หน้าอก เพื่อป้องกัน
การโจมตีของหลินหยุน
แต่น่าเสียดายที่ เขาต้านทานไว้ไม่ได้
โครม!
เสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง ผู้อาวุโสตระกูลเซินถูกหลินหยุนชกกระเด็นลอยไปไกล จนร่างกายกระแทก
กับรูปปั้นพยัคฆ์หินขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าประตูภูเขาทางเข้าสำนักพยัคฆ์
กร็อกแกร็ก!
มันคือเสียงของกระดูกหัก
ผู้อาวุโสตระกูลเซินกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง ที่หัวของรูปปั้นพยัคฆ์หินกลายเป็นสีแดง ช่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
“ลำพังแค่นาย คิดที่จะฆ่าฉัน? ” หลินหยุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา แล้วมองไปที่ผู้อาวุโส
ตระกูลเซิน ด้วยท่าทางเมินเฉย ราวกับเทพเจ้ามองลงมาที่มด แม้แต่ทางทางเหยียดหยามก็ไม่มี ซึ่งถือว่าเป็นการดูถูกหมางเมินอย่างที่สุด
ผู้อาวุโสตระกูลเซินสีหน้าท่าทางตื่นตะลึง: “นาย นายปกปิดพลังความสามารถที่แท้จริง? ”
“ไอ้หนุ่ม ตกลงนายเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้? นายคงไม่ใช่คนธรรมดาที่
ไม่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน! ”
หลินหยุนเดินทีละก้าวทีละก้าวเข้าไปหาผู้อาวุโสตระกูลเซิน ด้วยสายตาที่มาดมั่น: “ฉันไม่จำเป็น
ที่จะต้องปกปิดพลังความสามารถ เป็นเพราะนายอ่อนแอเกินไป มองไม่เห็นพลังความสามารถ
ของฉันเองต่างหาก”
“สำหรับชื่อของฉัน คนที่ใกล้จะตายอย่างนาย ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
ผู้อาวุโสตระกูลเซินสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง: “ไอ้หนุ่ม ฉันไม่สนว่านายเป็นใคร? แต่ฉันคือผู้อาวุโสตระกูลเซิน หากนายกล้าลงมือฆ่าฉัน ตระกูลเซินไม่มีทางปล่อยนายเอาไว้แน่! ”
หลินหยุนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น แล้วก็พูดเอ่ยขึ้นกับท้องฟ้า: “ตระกูลเซิน? ”
“ให้พวกเขามาเลย! ”
พูดจบ หลินหยุนก็ชี้นิ้วออกไป
พลังลำแสงทะลุตรงกลางระหว่างคิ้วของผู้อาวุโสตระกูลเซิน แล้วผู้อาวุโสตระกูลเซิน ก็เสียชีวิตลง!
จางเฮยหู่ตกใจจนหน้าตาขาวซีด ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะ
ไม่มีทางต่อสู้ตอบโต้ได้เลย!
นอกจากนี้ หลังจากที่พูดเอ่ยถึงตระกูลเซินแห่งโลกบู๊โบราณแล้ว ก็ยังไม่สามารถข่มขู่เด็กหนุ่ม
คนนี้ได้ ชัดเจนว่า แม้แต่วงศ์ตระกูลใหญ่แห่งโลกบู๊โบราณ เด็กคนนี้ก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย!
สายตาของหลินหยุน มองไปที่จางเฮยหู่: “ครั้งก่อนคุณปู่ของฉันเพียงแค่มาเพื่อขอประลองฝีมือ
เท่านั้น แต่นายกลับคิดลงมือจะฆ่าเขา นายสมควรตาย”
พูดจบ หลินหยุนก็ชี้นิ้วออกไป
จางเฮยหู่เบิกตาโต แล้วก็ล้มลงไปเลย
“เจ้า……เจ้าสำนัก! ”
พวกลูกศิษย์ของสำนักพยัคฆ์ ตกใจจนหน้าตาขาวซีดไปหมด มองไปที่หลินหยุน ราวกับมองไปที่
เทพสังหาร
หลินหยุนไม่ได้ใส่ใจพวกลูกศิษย์เหล่านี้ หันหลังแล้วมองไปที่หลินซื่อเฉิง ยิ้มและพูดว่า: “คุณปู่ ไปกันเถอะ! ”
ในใจของหลินซื่อเฉิง เวลานี้กำลังตกตะลึงอย่างบ้าคลั่ง
ความโหดเหี้ยมของโลกบำเพ็ญ ครั้งก่อนหลินซื่อเฉิงได้เคยรับรู้ไปบ้างแล้ว
แต่ว่า หลินหยุนลงมือฆ่านักบู๊สองคน ต่อหน้าต่อตาของเขา ทำให้นายท่านหลินซื่อเฉิงถึงกับ
เปลี่ยนแปลงมุมมองความคิดไปโดยสิ้นเชิง
การใช้ชีวิตภายใต้กฎหมายกฎระเบียบมาหลายสิบปี ทำให้นายท่านหลิน ยังคงไม่สามารถที่จะ
ปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อนของโลกบำเพ็ญได้อย่างทันท่วงที
ที่จริงแล้ว จางเฮยหู่ไม่จำเป็นถึงกับต้องเสียชีวิตลง
แต่ หลินหยุนต้องการที่จะให้หลินซื่อเฉิงรับรู้และเข้าใจความโหดเหี้ยมของโลกบำเพ็ญให้เร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงต้องลงมือฆ่าจางเฮยหู่
เมื่อเห็นสีหน้าที่ย่ำแย่ของหลินซื่อเฉิงแล้ว หลินหยุนก็ทราบว่า ได้บรรลุจุดประสงค์ของตนเองแล้ว