จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 908 คำขอร้องของหลินโร่สุ่ย
หลินหยุนกับหลินซื่อเฉิงเดินทางกลับตระกูลหลิน
หลินซื่อเฉิงขอร้องให้หลินหยุนพูดแนะนำเกี่ยวกับกฎระเบียบในโลกบำเพ็ญให้เขาฟังมากขึ้น
พอดีเลยที่หลินหยุนเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน โดยจะพักอาศัยอยู่ที่ตระกูลหลิน แล้วก็ถ่ายทอด
เรื่องราวต่าง ๆ ให้กับนายท่านหลิน
ตอนนี้ นายท่านหลินไม่ได้สนใจเกี่ยวกับกิจการเรื่องราวภายในตระกูลหลินแล้ว โดยได้มอบหน้าที่
ให้กับหลินตงถิงลูกชายคนโตเป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด
เดิมที หลินซื่อเฉิงเตรียมที่จะมอบหน้าที่การดูแลตระกูลหลินให้กับหลินตงหัว แต่ว่า หลินตงหัว
ไม่เต็มใจที่จะรับมอบ จึงหมดหนทาง ทำได้เพียงมอบหน้าที่นี้ให้กับหลินตงถิงแทน
สาวน้อยหลินโร่สุ่ยทราบว่าหลินหยุนจะมาพักอาศัยอยู่ที่ตระกูลหลินหลายวัน ก็ดีใจจนกระโดด
โลดเต้นขึ้นทันที
อาศัยช่วงจังหวะเวลาที่หลินหยุนว่างหลังจากการชี้แนะนายท่านบำเพ็ญฝึกฝนแล้ว หลินโร่สุ่ย
จึงได้ไปหาหลินหยุน
“พี่หลินหยุน คุณจะพักอยู่ที่ตระกูลหลินอีกกี่วันล่ะ? หลินโร่สุ่ยเงยหน้าที่งดงามขึ้น ดวงตาโตเป็น
ประกาย เผยถึงความน่ารักและมีชีวิตชีวา”
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า: “อาจจะพักอยู่อีกหลายวัน รอจนกว่าจะสอนวิชาความรู้ให้กับ
คุณปู่หมดแล้ว ฉันจึงจะเดินทางกลับ”
ได้ยินดังนั้น หลินโร่สุ่ยจึงเผยรอยยิ้มที่ดีอกดีใจขึ้น
“งั้นก็ดีมากเลย”
“สองวันจากนี้ ฉันมีงานเลี้ยงฉลองเพื่อนร่วมรุ่น คุณสามารถที่จะไปร่วมงานกับฉันได้ไหมล่ะ? ”
หลินหยุนมองที่เธอ และถามขึ้นอย่างสงสัยว่า: “งานเลี้ยงฉลองเพื่อนร่วมรุ่นของเธอ ทำไมจะต้อง
ให้ฉันไปร่วมงานกับเธอด้วยล่ะ? ”
หลินโร่สุ่ยเขินอายเล็กน้อย และพูดขึ้นอย่างออดอ้อนว่า: “โอ้โห้ ก็ฉันเป็นผ้หญิง ถ้าหากพบเจอ
กับคนร้ายจะทำอย่างไร? มีคุณไปด้วย ก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไม่ใช่เหรอ? ”
ที่จริงแล้ว เมื่อเห็นความเขินอายจากแววตาของหลินโร่สุ่ยนั้น หลินหยุนก็ทายออกได้แล้วถึงเหตุผล
ที่หลินโร่สุ่ยต้องการให้เขาไปด้วย
หลินโร่สุ่ยเป็นหญิงสาวที่น่ารักและงดงามขนาดนี้ อีกทั้งมาจากวงศ์ตระกูลที่สูงศักดิ์และมีชื่อเสียง เชื่อว่าคงจะมีผู้ชายที่ตามจีบเธอจำนวนไม่น้อย
ที่หลินโร่สุ่ยเชิญเขาไปด้วยนั้น ก็เพื่อที่จะให้เขาเป็นเกราะกำบัง
ชาติที่แล้ว ในตระกูลหลินนอกจากคุณปู่หลินซื่อเฉิงแล้ว ก็ยังมีหลินโร่สุ่ยที่ดีกับเขามากที่สุด
ดังนั้น คำขอร้องของหลินโร่สุ่ยในชาตินี้ หลินหยุนก็จะพยายามตอบสนองอย่างดีที่สุด
“ตกลง ฉันจะไปกับเธอด้วย เพื่อเป็นบอดี้การ์ดให้กับเธอ” หลินหยุนยิ้มและตอบรับ
“ดีจังเลย ตกลงตามตามนี้นะ! ” หลินโร่สุ่ยตื่นเต้นดีใจจนถึงกับกระโดดโลดเต้น ราวกับเป็น
กระต่ายน้อยสีขาวที่น่ารัก
“อย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อน เมื่อถึงวันงานเลี้ยงเพื่อนร่วมรุ่น ฉันจะมาหาคุณ”
“ตกลง”
ได้รับคำตอบที่พึงพอใจจากหลินหยุนแล้ว สาวน้อยหลินโร่สุ่ยก็กระโดดโลดเต้นจากไป
หลินหยุนกลับมายังห้องพักที่หลินตงถิงได้จัดเตรียมไว้ให้กับเขา
ห้องนี้ คือห้องรับแขกที่ดีที่สุดของตระกูลหลิน
ชาติที่แล้ว ทุกครั้งที่ครอบครัวของหลินหยุนกลับมาที่ตระกูลหลิน หลินหยุนก็ต้องการที่จะพักอยู่
ในห้องนี้
แต่ว่า จนกระทั่งเขาถูกท่านอาจารย์พาตัวออกไปจากโลก เขาก็ยังไม่เคยได้เข้าพักอยู่ในห้องนี้เลย
ในชาตินี้ หลินตงถิงกลับได้จัดเตรียมให้เขามาพักอยู่ในห้องนี้
เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชาติที่แล้ว หลินหยุนก็เผยรอยยิ้มอย่างน่าแปลกขึ้นที่มุมปาก
“ชาติที่แล้ว เมื่อฉันกลับมาตระกูลหลินของตนเอง ซึ่งเทียบไม่ได้แม้แต่กับสุนัข”
“ในชาตินี้ กลับกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติระดับสูง”
“อิทธิพลความสามารถ ถือว่าเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งทุกอย่างเลยทีเดียว! ”
หลินหยุนค่อย ๆ หลับตาลง เพื่อเริ่มต้นบำเพ็ญฝึกฝน
ที่สำนักพยัคฆ์ซานเหมิน
หลังจากที่จางเฮยหู่เสียชีวิตลงแล้ว พวกลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักพยัคฆ์ ก็ได้เริ่มทำการคัดเลือก
เจ้าสำนักคนใหม่
แต่ว่า ท่ามกลางพวกลูกศิษย์ของจางเฮยหู่นั้น โดยส่วนใหญ่ต่างก็มีพลังความสามารถที่ไม่
แตกต่างกันมากนัก
ดังนั้น ใครที่จะขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ก็ยังคงไม่สามารถตัดสินอย่างเด็ดขาดได้
ผู้อาวุโสที่รูปร่างเล็กเตี้ย หน้าดำราวกับถ่านคนหนึ่ง ได้พาเด็กหนุ่มชุดแดงสิบกว่าคน มาปรากฏตัว
ขึ้นที่สำนักพยัคฆ์ซานเหมินอย่างกะทันหัน
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ต่างก็กำลังคัดเลือกเจ้าสำนักคนใหม่กันอยู่ จนกระทั่งพวกคนเหล่านี้ได้
ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องโถงแล้ว พวกเขาถึงจะรู้ตัว
“พวกนายเป็นใคร? ”
ลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์คนหนึ่ง ตะโกนถามขึ้นเสียงดัง
ผู้อาวุโสผู้นำที่ตัวเตี้ย หน้าดำเหมือนถ่านคนนั้น ได้โบกมือให้กับเด็กหนุ่มชุดแดงคนหนึ่งที่อยู่
ด้านข้าง
เด็กหนุ่มคนนั้นพยักหน้าตอบรับทันที จากนั้นก็มองไปยังพวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์อย่างเย็นชา และสอบถามขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า: “ผู้อาวุโสเจ็ดตระกูลเซินของพวกเราก่อนหน้านี้ได้มาที่นี่ แล้วเขาล่ะ? ”
คนของตระกูลเซิน!
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ทั้งหมดต่างก็หวาดหวั่นใจขึ้น
“ผู้อาวุโสตระกูลเซินของพวกคุณ ถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งสังหารแล้ว”
“เจ้าสำนักของพวกเรา ก็ถูกเขาสังหารด้วยเช่นกัน”
ลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์คนหนึ่งพูดขึ้น
ผู้อาวุโสตัวเตี้ยผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที: “ถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งสังหารอย่างนั้นเหรอ? ”
“พูดไร้สาระ พลังความสามารถของผู้อาวุโสเจ็ด เป็นถึงปรมาจารย์ระดับขั้นสูงสุดแล้ว เด็กหนุ่ม
คนหนึ่งจะสามารถสังหารเขาได้อย่างไรกัน! ”
“พวกนายพูดความจริงกับฉันมา หรือว่าพวกนายสำนักพยัคฆ์ได้ใช้กลอุบายอะไร ทำร้ายผู้อาวุโส
เจ็ดของพวกเรา! ”
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์รีบตะโกนร้องเรียกความไม่เป็นธรรม: “ถูกใส่ร้าย! ”
“ลำพังแค่ความสามารถเล็กน้อยของพวกเรานี้ จะสามารถฆ่าผู้อาวุโสเจ็ดของพวกนายได้
อย่างไรกัน! ”
“เด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นผู้สังหารผู้อาวุโสเจ็ดจริง ๆ รวมถึงเจ้าสำนักของพวกเราเองก็ตายด้วย
น้ำมือของเขาเช่นกัน”
“ถ้าหากพวกคุณไม่เชื่อ พวกเราจะพาพวกคุณไปดูสุสานของพวกเขาทั้งสองคน”
ผู้อาวุโสผิวดำคนนั้นแสดงสีหน้าท่าทางสงสัย: “พาฉันไปดูหน่อย”
“ตกลง”
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ ไม่ได้สนใจที่จะเลือกเจ้าสำนักแล้ว โดยได้รีบพาพวกคนของตระกูลเซิน
เหล่านี้ ไปยังสุสานของผู้อาวุโสเจ็ดและจางเฮยหู่
“ขุดหลุมฝังศพออกเดี๋ยวนี้! ” ผู้อาวุโสผิวดำพูดขึ้นอย่างหนักแน่น
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์เกิดความลำบากใจเล็กน้อย
“แบบนี้คงจะไม่ดี! ผู้ตายได้ถูกฝังกลบลงดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ขุดหลุมฝังศพขึ้นมา ก็เหมือนกับว่าเป็นการไม่เคารพต่อผู้ตาย! ”
ลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ที่มีอายุมากคนหนึ่งได้พูดเตือนขึ้น
ผู้อาวุโสผิวดำนั้น จ้องเขม็ง แล้วก็ชกหมัดเข้าใส่
ตุบ!
ลูกศิษย์คนนั้นถูกชกจนเสียชีวิตคาที่
“ขุดหลุมฝังศพ! ”
“หากยังมีคนที่พูดมากอีก ก็จะพบจุดจบแบบเดียวกับเขา! ”
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ต่างก็ตัวสั่นเทา และรีบขุดหลุมฝังศพทันที
หลังจากที่ตรวจสอบบาดแผลของผู้อาวุโสเจ็ดและจางเฮยหู่แล้ว ผู้อาวุโสผิวดำก็ขมวดคิ้วขึ้น
“เห็นบาดแผลนี้แล้ว ก็พบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับท่าไม้ตายของสำนักที่ตนรู้จักทั้งในโลกบู๊
โบราณและโลกบู๊ปลอม ตกลงว่าคือใครกันแน่ที่เป็นผู้สังหารผู้อาวุโสเจ็ด? ”
ครุ่นคิดชั่วครู่ ผู้อาวุโสก็มองไปยังลูกน้อง และพูดอย่างหนักแน่นว่า: “สั่งการลงไป ให้ตรวจหา
สาเหตุการตายของผู้อาวุโสเจ็ดให้ได้ เพื่อที่จะล้างแค้นให้กับผู้อาวุโสเจ็ด! ”
“รับทราบ! ”
“ไปกันเถอะ! ”
ผู้อาวุโสผิวดำเดินจากไปพร้อมกับสีหน้าท่าทางที่หม่นหมอง
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ ได้โค้งตัว ส่งพวกคนของตระกูลเซินไปยังประตูด้านหน้าภูเขา
จากนั้น ผู้อาวุโสผิวดำก็หันกลับมามองที่สำนักพยัคฆ์อีกครั้ง
“ผู้อาวุโสเจ็ดตายเพราะสำนักเล็ก ๆ แห่งนี้ ทำลายกวาดล้างมันให้สิ้นซาก! ”
“รับทราบ! ” เด็หนุ่มชุดแดงด้านข้างคนนั้น พยักหน้าอย่างเย็นชา
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
หลายคนไม่เชื่อในคำพูดของผู้อาวุโส
หรือว่า พวกเขาคิดว่าตนเองได้ยินผิดพลาดไป
เพราะว่า สำนักพยัคฆ์กับตระกูลเซินของพวกเขานั้น ไม่มีเรื่องราวบาดหมางกัน ต่อให้ผู้อาวุโสของ
ตระกูลเซินคนหนึ่งได้ตายลงที่นี่ ก็คงไม่สามารถโทษว่าเป็นความผิดของสำนักพยัคฆ์ได้!
แต่ว่า เมื่อพวกลูกศิษย์ของตระกูลเซินที่สวมชุดแดงเหล่านั้น ได้เริ่มลงมือสังหารพวกลูกศิษย์
สำนักพยัคฆ์แล้ว คนของสำนักพยัคฆ์จึงทราบได้ว่า คนตระกูลเซิน พูดจริงทำจริง
อีกทั้ง ชัดเจนว่าต้องการให้คนของสำนักพยัคฆ์ทั้งหมด ตายไปพร้อมกับผู้อาวุโสเจ็ดของพวกเขา
พวกลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห: “พวกนายตามหาคนร้ายไม่พบ ก็เลยลงมือ
จัดการพวกเราแทน นับเป็นวีรบุรุษได้อย่างไรกัน! ”
“พวกเราเองก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเช่นกัน เจ้าสำนักของพวกเราก็ถูกไอ้เด็กหนุ่มนั่นฆ่าตายไปแล้ว! ”
ผู้อาวุโสผิวดำเหมือนกับไม่ได้ยิน โดยยืนหันหลังอย่างเงียบ ๆ ให้กับทุกคน ที่ด้านหน้ารูปปั้น
พยัคฆ์หินนั้น บริเวณด้านหน้าสำนักพยัคฆ์ซานเหมิน
“นายพูดได้ถูกต้อง ฉันต้องการที่จะให้ทั้งสำนัก ตายไปพร้อมกับผู้อาวุโสเจ็ด”
ลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนตระกูลเซิน เลยจึงถูกลงมือสังหารอยู่ฝ่ายเดียว
ไม่นาน ลูกศิษย์ทั้งสามสิบเจ็ดคนของสำนักพยัคฆ์ ก็เสียชีวิตลงทั้งหมด
ส่วนคนของตระกูลเซิน ไม่มีแม้แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บ
“ไปกันเถอะ! ” ผู้อาวุโสผิวดำพูดขึ้น โดยที่พวกเขาได้สังหารคนไปจำนวนมากมาย ก็เหมือนกับว่า
แค่เหยียบมดตายอย่างไรอย่างนั้น ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ออกจากสำนักพยัคฆ์ซานเหมินแล้ว ผู้อาวุโสผิวดำก็ได้โทรศัพท์ขึ้น
“ไปตรวจสอบ โยกย้ายกำลังทั้งหมดของตระกูลเซิน เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนว่าผู้ร้ายคนนั้นคือใคร”
“กล้าที่จะสังหารผู้อาวุโสตระกูลเซินของฉัน ต่อให้นายเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้า ฉันก็จะให้นายชดใช้
ด้วยชีวิตของนายแน่นอน! ”