จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 910 หลินโร่สุ่ยเป็นจุดสนใจ
แม้ฉินเจียเฉียงจะน้ำนิ่งไหลลึก แต่ว่า เมื่อได้ยินดังนั้นก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
สายตาที่มองไปยังหลินหยุน เผยถึงความหม่นหมองขึ้นแวบหนึ่ง
หลินโร่สุ่ยรีบแก้ไขสถานการณ์: “คุณชายฉินอย่าได้โกรธไปเลย พี่ชายของฉันไม่คุ้นเคยที่จะจับมือ
ทักทายกับคนอื่นจริง ๆ ”
หลินโร่สุ่ยรู้อยู่แก่ใจดีว่า ปรมาจารย์หลินมีสถานะอะไร?
ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งเมืองต่าง ๆ เหล่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุน ก็ยังไม่กล้าที่จะยื่นมือออกมา
เพื่อจับมือทักทายกับเขาเลย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพื่อนนักเรียนของเธอคนนี้หรอก
ช่วยหลินหยุนแก้ไขสถานการณ์ ก็เพียงเพราะไม่ต้องการให้เพื่อนนักเรียนของเธอทั้งสองคนต้อง
เสียหน้า
จางจื่อยี่สีหน้าท่าทางย่ำแย่ โดยสายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้น แฝงไปด้วยความแค้นเคือง
หากหลินโร่สุ่ยไม่อยู่ที่นี่ คาดว่าจางจื่อยี่คงจะแสดงอาการไม่พอใจขึ้นมาแน่นอน
สีหน้าของฉินเจียเฉียงกลับคืนเป็นปกติอีกครั้งอย่างรวดเร็ว มองไปที่หลินโร่สุ่ยและพูดว่า: “พูดแบบนี้ ก็หมายความว่าฉันล่วงละเมิดไปเอง”
หลินโร่สุ่ยส่งแววตาที่แสดงถึงความขอโทษให้กับฉินเจียเฉียง
“พวกเราเข้าไปด้านในกันก่อนนะ”
สถานการณ์ค่อนข้างอึดอัด ซึ่งหลินโร่สุ่ยไม่อยากที่จะพบเจอกับสองคนนี้อีก
“ตกลง” ท่าทางของฉินเจียเฉียง ก็ไม่เห็นถึงความผิดแปลกอะไร
จางจื่อยี่ที่อยู่ด้านข้างเขานั้น กลับมองไปยังหลินหยุนด้วยสายตา ที่แฝงไปด้วยความเย็นชา
หลังจากที่หลินหยุนกับหลินโร่สุ่ยเข้าไปด้านในโรงแรมแล้ว
หลินหยุนได้ยินจางจื่อยี่ที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “คุณชายฉิน ไอ้หนุ่มนี้ช่างไร้มารยาท
ยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่านายจะสามารถอดทนได้? ”
ฉินเจียเฉียงหัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า: “ทุกคนต่างก็มีความเคยชินของตนเอง ไม่เห็นแปลก
อะไร”
หลินหยุนแอบพูดในใจว่า: “คุณชายฉินผู้นี้ช่างเป็นคนที่น้ำนิ่งไหลลึกมากจริง ๆ”
งานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนนักเรียนของหลินโร่สุ่ยในครั้งนี้ จัดขึ้นที่ชั้นสาม
โดยเพื่อนนักเรียนของหลินโร่สุ่ยได้เหมาทั้งชั้นสามเอาไว้หมดแล้ว
แสดงให้เห็นว่า เพื่อนนักเรียนของหลินโร่สุ่ยคนนี้ มีชาติตระกูลที่ไม่ธรรมดา
หลินหยุนเดินตามหลินโร่สุ่ย โดยมีพนักงานหญิงสาวสวยคนหนึ่งนำทาง มาถึงชั้นสาม
ที่ประตูเข้าออกของชั้นสาม มีป้ายหนึ่งแผ่นตั้งอยู่ ด้านบนเขียนว่า: “สุขสันต์วันเกิดฉู่หมิงเฟิย! ”
เมื่อหลินโร่สุ่ยปรากฏตัวขึ้นที่ห้องโถงชั้นสาม เดิมทีห้องโถงที่เสียงดังวุ่นวาย ก็สงบเงียบลงทันที
ด้านในนั้นต่างก็เป็นพวกเด็กหนุ่มหญิงสาว ซึ่งเกือบทุกคนเมื่อเห็นหลินโร่สุ่ยแล้ว ต่างก็แสดง
ท่าทางตกตะลึงขึ้น
สายตาของพวกผู้ชายเหล่านั้น เผยให้เห็นถึงความเร่าร้อน
สายตาของพวกผู้หญิงเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา โกรธเคืองพ่อแม่ของตนเองว่าทำไมถึงให้
กำเนิดตนเองออกมาอัปลักษณ์เช่นนี้
หญิงสาวคนหนึ่งที่บนใบหน้าอ้วนกลมมีสิวขึ้นเล็กน้อยนั้น ได้อ้าแขนและวิ่งตรงเข้ามาหาหลินโร่สุ่ย: “โร่สุ่ย วันนี้เธอสวยงามมากเลย! ”
“รีบเข้ามา ให้พี่สาวกอดหน่อยสิ! ”
หลินโร่สุ่ยเองก็เข้าไปหาอย่างเป็นกันเอง และโอบกอดกับผู้หญิงอ้วนคนนั้น
“ซีเฟิน เธออ้วนขึ้นอีกแล้ว ครั้งก่อนเธอบอกว่าจะลดความอ้วนไม่ใช่เหรอ? ” หลินโร่สุ่ยพูดขึ้นด้วย
ท่าทางรังเกียจ
ผู้หญิงอ้วนที่ชื่อหลิ่วซีเฟินนี้ คือเพื่อนรักของหลินโร่สุ่ยในจำนวนเพียงไม่กี่คน ทั้งสองคนเมื่ออยู่
ด้วยกัน มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ แม้จะเปิดเผยเรื่องน่าอับอายของกันและกัน ก็ไม่มีการโกรธเคือง
หลิ่วซีเฟินถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม: “โธ่ ฉันก็ลดความอ้วนอยู่ทุกวัน แต่ว่าหากกินไม่อิ่มแล้วจะ
เอาแรงที่ไหนไปลดความอ้วนกันล่ะ! ”
“ผลที่ออกมาก็คือ ลดความอ้วนหนึ่งเดือน แต่กลับอ้วนขึ้นอีกหลายกิโล! ”
หลินโร่สุ่ยยิ้มและพูดว่า: “อย่างนั้นก็ช่างมัน เธอไม่ต้องลดความอ้วนอีกแล้ว ที่จริงฉันคิดว่าแบบนี้
ก็ดีอยู่แล้ว ดูร่าเริงเบิกบานดี! ”
หลิ่วซีเฟินพูดขึ้นอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องว่า: “ที่จริงแล้วฉันเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน”
“ถึงอย่างไรหากมีหน้าตาที่สวยงาม ก็แค่ให้คนอื่นมองดูเท่านั้น ตัวเองมองไม่เห็นสักหน่อย ซึ่งเพราะเหตุนี้ถึงห้ามที่จะทำให้ตัวเองต้องลำบาก”
หลินโร่สุ่ยไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
คำพูดนี้ช่างมีเหตุมีผลเหลือเกิน
แม้แต่หลินหยุนที่อยู่ด้านหลัง เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็อดหัวเราะไม่ได้
หลิ่วซีเฟินมองไปที่หลินหยุน และกระซิบถามขึ้นว่า: “โร่สุ่ย เธอไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไรกัน? ”
หลินโร่สุ่ยทราบดีว่าเธอคงเข้าใจผิดแล้ว: “ที่ไหนกันล่ะ นี่คือพี่ชายลูกผู้พี่ของฉัน ชื่อว่าหลินหยุน”
หลิ่วซีเฟินดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที: “ก่อนหน้านี้ทำไมเธอไม่เคยพูดว่ายังมีพี่ชายลูกผู้พี่ที่
หน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ล่ะ? ”
“ไม่เห็นจะแนะนำให้ฉันรู้จักเลย” หลิ่วซีเฟินทำเป็นเขินอาย แล้วมองไปที่หลินหยุน
หลินหยุนงุนงงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี
หลินโร่สุ่ยเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรดี
สถานะของหลินหยุนมีเกียรติสูงศักดิ์มากขนาดนี้ แล้วจะมาให้ความสนใจพวกนักเรียนอย่าง
พวกเธอได้อย่างไรกันล่ะ
ขณะที่หลินโร่สุ่ยไม่รู้ว่าจะตอบกลับคำถามของเพื่อนรักของตัวเองคนนี้อย่างไรดีนั้น ก็มีผู้ชาย
คนหนึ่งที่ดูดีมีสง่าเดินเข้ามาหา
ชายคนนี้อยู่ในชุดสุภาพสีขาว ที่บนศีรษะยังสวมหมวกวันเกิดสีทองด้วย
คงน่าจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงฉลองวันเกิดในครั้งนี้ ฉู่หมิงเฟิย
“โร่สุ่ย คุณมาแล้วเหรอ! ”
ฉู่หมิงเฟิยมองไปที่หลินโร่สุ่ย ด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นเต้นดีใจ
เมื่อเขาเดินมาถึงด้านข้างของหลินโร่สุ่ยแล้ว ก็มองสังเกตหลินโร่สุ่ยอยู่สักครู่หนึ่ง
“โร่สุ่ย วันนี้คุณช่างสวยงามมากเลยจริง ๆ! ”
หลินโร่สุ่ยเขินอายเล็กน้อย ก้มหน้ายิ้มและพูดว่า: “เพื่อนฉู่เองวันนี้ก็หล่อมากเหมือนกัน! ”
“คงจะทำให้หญิงสาวหลายคนหลงใหลอย่างแน่นอนเลยสิ! ”
หลินหยุนยืนอยู่ด้านหลัง มองไปที่ฉู่หมิงเฟิย
เขาพบว่าฉู่หมิงเฟิยคนนี้ แม้ว่าสายตาที่มองมายังหลินโร่สุ่ยนั้น จะเผยให้เห็นถึงความน่าทึ่ง
แต่ว่า สายตาของเขาค่อนข้างใสสะอาด เพียงแค่ชื่นชมอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น
ได้ยินหลินโร่สุ่ยพูดว่าเขาทำให้หญิงสาวหลายคนเกิดความหลงใหล แววตาของฉู่หมิงเฟิย ก็พลัน
หมองคล้ำลง
หลินโร่สุ่ยเหมือนกับทราบอะไรมาบ้าง จึงได้รีบพูดปลอบใจว่า: “เพื่อนฉู่ อย่าได้ท้อแท้ใจไป บางทีคนที่อยู่ในใจของคุณนั้น เพียงแค่ไม่ต้องการที่จะพูดคุยถึงปัญหาความรู้สึกระหว่างชายหญิง
เร็วเกินไปเท่านั้นเอง”
ฉู่หมิงเฟิยหัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า: “หวังว่าจะเป็นเช่นนี้! ”
เพียงแต่ว่า รอยยิ้มนี้ดูขมขื่นอยู่บ้าง
ดูเหมือนว่า ในใจของเขาคงจะมีใครบางคนแล้ว
“โร่สุ่ย วันนี้เธอสวยมากจริง ๆ! ” ผู้หญิงที่เพิ่งมาถึงคนหนึ่ง ในชุดเดรสสีแดง วิ่งอ้อมมาจาก
ด้านหลังของหลินโร่สุ่ย และมองไปที่หลินโร่สุ่ยด้วยความตะลึง
“น่านา เธอเองก็สวยงามมากเหมือนกัน! ” หลินโร่สุ่ยตอบรับอย่างยิ้มแย้ม
“โร่สุ่ย เชิญคุณนั่งลงก่อน ฉันจะไปทักทายกับพวกเพื่อนนักเรียน! ” ฉู่หมิงเฟิยพูดอย่างยิ้มแย้ม
หลินโร่สุ่ยพยักหน้า: “อืม นายไปทำธุระเถอะ วันนี้นายคือคนที่ยุ่งวุ่นวายที่สุดแล้วล่ะ! ”
“ตกลง! ” ฉู่หมิงเฟิยเดินจากไป
พวกเพื่อนนักเรียนบางคน ก็ได้เดินมาทักทายกับหลินโร่สุ่ย และก็ทยอยชื่มชมว่าหลินโร่สุ่ยงดงาม
ก็จริงดังนั้น หลินโร่สุ่ยราวกับเจ้าหญิง หลายคนที่อยู่ในสถานที่จัดงานนี้ ต่างก็พ่ายแพ้ให้กับความ
สวยงามของเธอทั้งหมด
ไม่ว่าเธอเดินไปที่ไหน ที่นั่นก็กลายเป็นแหล่งวิวทิวทัศน์ที่สวยงดงาม
หลินหยุนนั่งลงไปพร้อมกับหลินโร่สุ่ยที่มุมแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่งนี้หลินโร่สุ่ยเป็นคนเลือกเอง
“ฉันรู้ว่าพี่หลินหยุนชอบความสงบเงียบ ไม่ต้องการถูกคนรบกวน ที่นั่งตรงนี้ถือว่าอยู่ห่างไกลออก
มามากที่สุดแล้ว! ” หลินโร่สุ่ยมองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าท่าทางเจ้าเล่ห์ ยิ้มแย้มเหมือนกับเป็น
จิ้งจอกตัวน้อย
หลินหยุนยิ้มและพูดว่า: “ลำบากเธอแล้ว”
“แต่น่าเสียดายที่ มีเธออยู่ด้วย ไม่ว่าพวกเราจะนั่งตรงไหน ก็คงจะไม่มีทางที่จะสงบเงียบได้”
เป็นไปตามนั้น มีผู้ชายสองคน ได้วิ่งเข้ามา แล้วนั่งลงไปตรงที่นั่งว่างด้านข้างหลินโร่สุ่ย
“โร่สุ่ย มะรืนนี้ที่โรงหนังเจียงเหอมีภาพยนตร์ไซไฟเรื่องใหม่เข้าฉาย พวกเราไปดูด้วยกันไหม? ชายผู้ที่ไว้ทรงผมแสกข้าง หน้าตาดูดีพอใช้ได้ พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ตนเองคิดว่าน่าหลงใหล”
ชายอีกคนหนึ่งรีบพูดขึ้นทันทีว่า: “โร่สุ่ย ฉันได้ยินมาว่ามะรืนนี้ที่โรงหนังเจียงเหอมีภาพยนตร์
ความรักวัยรุ่น ซึ่งนำแสดงโดยหยางหยิง ฉันจะขอเชิญคุณไปดูด้วยกันได้ไหม? ”
หลินโร่สุ่ยมองไปที่หลินหยุนอย่างเก้อเขิน ตรงตามที่หลินหยุนพูดเอาไว้จริง ๆ ด้วย แม้ว่าพวกเขา
ต้องการที่จะเงียบสงบ ก็คงไม่มีทางที่จะเงียบสงบได้
“ขอโทษด้วย มะรืนนี้ฉันมีธุระ! ” หลินโร่สุ่ยตอบปฏิเสธด้วยความยิ้มแย้ม
“มะรืนนี้มีธุระ อย่างนั้นก็วันหลังจากมะรืนก็ได้! ” ชายผู้นั้นยังคงไม่ยอมตายใจ
หลินโร่สุ่ยพูดขึ้นอย่างจำใจว่า: “วันหลังจากมะรืนก็มีธุระเช่นกัน”
“โอ้ อย่างนี้เหรอ! ” ผู้ชายเข้าใจถึงความหมายของหลินโร่สุ่ยแล้ว จึงได้เพียงเดินจากไปอย่างสงบ
แต่ว่า เมื่อผู้ชายสองคนนี้เพิ่งจะเดินจากไปไม่นาน ก็มีเดินมาเพิ่มอีกสามคน
หลินโร่สุ่ยเหลือบมองไปที่หลินหยุนด้วยแววตาที่แสดงความขอโทษ ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า: “พี่หลินหยุน คุณพูดได้ถูกต้องจริง ๆ ด้วย”