จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 919 หลินหยุนที่ดุดัน
หลินหยุนในชุดสีดำทั้งตัว เดินเอามือไพล่หลังเข้ามาช้าๆ
เมื่อเห็นหลินหยุน ดวงตาที่โผล่ออกมาข้างนอกของฉินเจียเฉียง จู่ๆ เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“พ่อ มันเป็นคนทำร้ายผม!”
“พ่อต้องแก้แค้นให้ผม!”
ถึงเสียงของฉินเจียเฉียงไม่ชัดเจน แต่ความเคียดแค้นในน้ำเสียง ไม่ว่าใครก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
สีหน้าของฉินเห้าเทียนไม่เปลี่ยน แต่แววตาที่มองหลินหยุน กลับเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
“วางใจเถอะลูกชาย อยากกลั่นแกล้งคนตระกูลฉิน ต้องชดใช้เป็นสิบเป็นร้อยเท่า!”
หลินโร่สุ่ยมองหลินหยุน เธอตะโกนอย่างดีใจ “พี่หลินหยุน ในที่สุดพี่ก็กลับมา!”
“ฉันโดนคนกลั่นแกล้งแทบตายแล้ว!”
หลินโร่สุ่ยย่นปากยู่ เหมือนเด็กน้อยโดนแกล้ง แล้วเห็นพ่อแม่ตัวเองพอดี
หลินหยุนเดินไปยืนข้างหลินโร่สุ่ย เอามือข้างหนึ่งสัมผัสหน้าผากเธอ แล้วยิ้มอย่างอบอุ่น “วางใจเถอะ ใครกล้ากลั่นแกล้งโร่สุ่ยของเรา ฉันจะทำให้มันรับผลที่ตามมา!”
หลินโร่สุ่ยเชิดใบหน้าอันงดงามขึ้น และมีสีหน้าต้องการที่พึ่งพา เหมือนแมวที่โดนเจ้าของโอ๋อย่างไรอย่างนั้น เธอพูดเสียงหวาน “พี่พูดแล้วนะ ห้ามกลับคำ!”
“คนพวกนี้กลั่นแกล้งฉัน พี่ต้องเอาความยุติธรรมกลับมาให้ฉัน!” หลินโร่สุ่ยชี้ไปทางพวกฉินเห้าเทียน แล้วพูดด้วยสีหน้าโมโห
คุณท่านหยันมองหลินซื่อเฉิง สีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าบ้านหลิน คุณกลับมาได้เวลาพอดี!”
“เมื่อกี้คุณหลินสัญญากับเจ้าบ้านฉิน ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน ตอนนี้ตระกูลหลินของคุณ หาหลักฐานมาไม่ได้ ควรจะขอโทษเจ้าบ้านฉิน!”
คุณท่านหยันเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เป็นพวกความคิดโบราณ โดนคนหลอกง่ายๆ
หลินซื่อเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณท่านหยัน ผมพอรู้เรื่องก่อนจะกลับมาบ้างแล้ว”
“เห็นได้ชัดว่าพวกเพื่อนของโร่สุ่ย โดนซื้อเป็นพวก หรือไม่ก็โดนข่มขู่”
“ตอนนี้หลินหยุนเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทำไมถึงไม่ฟังเขาพูดล่ะ!”
คุณท่านหยันเงียบครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในเหตุการณ์ คำพูดของเขาเป็นหลักฐานได้อยู่แล้ว แต่เขาเป็นคนของตระกูลหลิน อยากให้เราเชื่อคำพูดของเขา ตระกูลหลินต้องมีพยานบุคคลคนอื่น”
พูดจบ คุณท่านหยันหันไปถามฉินเห้าเทียน “เจ้าบ้านฉิน คุณคิดว่าไง”
ฉินเห้าเทียนสีหน้าไม่หวาดกลัว ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เรื่องที่ลูกชายผมไม่เคยทำ ไม่ว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะมาพูดอีกสักกี่คน ตระกูลฉินของผมก็ไม่กลัว”
“เชิญพูดได้เลย” ฉินเห้าเทียนผายมือให้หลินหยุน เป็นการบอกให้พูด
คุณท่านหยันมองหลินหยุน แล้วถามด้วยเสียงทุ้ม “คุณพูดสิ่งที่เจอมาในตอนนั้นได้ หวังว่าคุณจะไม่โกหก”
จู่ๆ แววตาของทุกคน มองไปยังหลินหยุน
ท่ามกลางแววตาของทุกคน หลินหยุนมีสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงก็ราบเรียบเช่นกัน “เขาวางยาน้องสาวผม ผมเลยทำร้ายเขา มีปัญหาอะไรไหม”
ไม่ได้แก้ตัวอย่างดุเดือด แบบที่ทุกคนคาดเอาไว้ ปฏิกิริยาของหลินหยุน เหมือนกำลังพรรณนาเรื่องเล็กน้อย ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
พวกฉินเห้าเทียนที่เคยกังวล วางใจทันที มองหลินหยุนอย่างเย็นชา ด้วยใบหน้าสะใจ
คุณท่านหยันขมวดคิ้วเบาๆ ท่าทางของหลินหยุน ทำให้เขาไม่ชอบมาก
โดยเฉพาะความอวดดี ไม่เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาของหลินหยุน ยิ่งทำให้อาวุโสผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งและความคิดโบราณท่านนี้ รู้สึกขัดแย้ง
ในสายตาของเขา หลินหยุนเป็นแค่ผู้น้อย ในตระกูลหลินเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นผู้กระทำผิดด้วย
ผู้กระทำผิดยังกล้าอวดดีต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
ทำให้ในใจลึกๆ ของคุณท่านหยัน แอบตีตราว่าหลินหยุนเป็นคนเลว
แต่คุณท่านหยันรู้ดี เขาไม่สามารถไปต่อว่าหลินหยุน เพราะท่าทางของหลินหยุน
ท่าทางของหลินหยุน ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ และไม่สามารถยืนยันอะไรได้
“หลักฐานล่ะ” คุณท่านหยันมองหลินหยุน แล้วพูดเสียงต่ำ “คุณบอกว่าลูกชายของเจ้าบ้านฉิน วางยาน้องสาวคุณ มีหลักฐานไหม”
“ใช่ มีหลักฐานไหม” เจ้าบ้านลู๋แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ไม่มีหลักฐาน นายกำลังใส่ร้ายนะ”
หลินหยุนไม่แม้แต่จะมองเขา เขามองคุณท่านหยัน แล้วพูดอย่างราบเรียบ “คำพูดของผมคือหลักฐาน”
“ฮ่าๆๆ……” จู่ๆ เจ้าบ้านลู๋หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ชี้หลินหยุน แล้วหัวเราะอย่างเหนื่อยหอบ ในเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยการดูหมิ่น
“ทุกคนฟังสิ ผู้น้อยของตระกูลหลิน ปากเก่งขนาดไหน!”
“เห็นได้เลยว่าคนตระกูลหลินเป็นคนยังไง!”
“คิดว่าตระกูลหลินยังยิ่งใหญ่ในอูซุเหมือนปีนั้นเหรอ!”
“ตอนนี้แม้แต่ตระกูลลู๋ของฉัน ยังไม่เห็นตระกูลหลินอยู่ในสายตา นายแค่ผู้น้อยในตระกูลหลิน ยังมีหน้ามาคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอายที่นี่!”
“เจ้าบ้านหลิน ตระกูลหลินของคุณ สอนผู้น้อยแบบนี้เหรอ”
สายตาของเหล่าผู้มีชื่อเสียงของอูซุ ที่มองหลินหยุน เต็มไปด้วยความดูถูกและไม่สบอารมณ์
พวกเขาไม่รู้จักหลินหยุน และไม่รู้ตัวตนของหลินหยุน
ถึงพวกเขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ของปรมาจารย์หลิน แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ผู้น้อยของตระกูลหลิน ที่พวกเขาคิดว่าดูโอ้อวด ตรงหน้าพวกเขา คือปรมาจารย์หลิน
ชายชราคนหนึ่งพูดอย่างทอดถอนใจ “ตระกูลหลิน ตกต่ำจริงๆ! แค่ผู้น้อย ยังกล้าอวดดีขนาดนี้!”
“ตระกูลหลินเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ตกต่ำสิ ถึงจะแปลก!”
ชายวัยกลางคนอีกคน หัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “นี่เรียกว่าโชคไม่เข้าข้าง สิบกว่าปีก่อน ตระกูลหลินเป็นแบบอย่างของอูซุ ชื่อเสียงอันโด่งดังของตระกูลหลินแห่งอูซุ มีใครไม่รู้จักบ้าง กดจนตระกูลร่ำรวยทั้งอูซุ โง่หัวไม่ขึ้น”
“ลูกหลานตระกูลหลิน สบายมานานแล้ว อีกรุ่นเทียบไม่ได้กับอีกรุ่น การทำลายตระกูลหลิน แค่ปัญหาทางด้านเวลาเท่านั้น”
วัยรุ่ยอีกคนชี้ไปที่หลินหยุน แล้วแสยะยิ้มพูดอย่างดูถูก “ไอ้กระจอก ตระกูลหลินมีผู้น้อยแบบนาย อีกไม่นานคงย่อยยับ”
คุณท่านหยันมองหลินซื่อเฉิง และพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าบ้านหลิน คุณควรสั่งสอนผู้น้อยของตระกูลคุณแล้วนะ”
หลินซื่อเฉิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ถึงเขาเป็นรุ่นน้องในตระกูลหลิน แต่ผมทำอะไรเขาไม่ได้”
“อีกทั้งผมเชื่อว่า บนโลกนี้ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแซ่หลิน กลัวว่าขนาดตระกูลหลิน เขาก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา”
ตั้งแต่หลินซื่อเฉิงเริ่มบำเพ็ญเซียน เขายิ่งรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินหยุน ไม่ใช่สิ ความสยองขวัญ
ผู้แข็งแกร่งบู๊ เป็นเทพเซียนในสายตาของคนบนโลก
แต่หลินซื่อเฉิงรู้ว่า นักบู๊ในสายตาของผู้บำเพ็ญเซียนอย่างหลินหยุน ไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป
ดังนั้นคำพูดของหลินซื่อเฉิง ไม่ได้จงใจยกหลินหยุนให้สูงส่ง แต่พูดออกมาจากใจจริง
แต่คนนอกกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้
พวกเขาเข้าใจว่า หลินซื่อเฉิงตั้งใจไม่สนใจหลินหยุน ปล่อยให้เขาวุ่นวายที่นี่
คุณท่านหยันขมวดคิ้วเบาๆ เขาก็คิดว่าคำพูดของหลินซื่อเฉิง เป็นเพียงข้ออ้าง
“เจ้าบ้านหลิน คุณพูดแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วสิ”
เจ้าบ้านลู๋หัวเราะเย้ยหยัน “ทุกคนได้ยินแล้ว เจ้าบ้านหลินผู้ยิ่งใหญ่ ดูแลไม่ได้แม้กระทั่งรุ่นน้องของตัวเอง”
“ในเมื่อตระกูลหลินสั่งสอนไม่ได้ งั้นตระกูลลู๋ของฉันดูแลให้ เป็นไง ฮ่าๆ……”
เจ้าบ้านลู๋มองหลินซื่อเฉิง แล้วหัวเราะเยาะเย้ย
หลินซื่อเฉิงไม่ได้โกรธ แต่กลับมองเจ้าบ้านลู๋ เหมือนมองคนโง่ “คุณลองดูได้”
“ได้ เจ้าบ้านหลิน คุณพูดเองนะ! ทุกคนได้ยินหมดแล้ว เป็นพยานให้ฉันด้วย เจ้าบ้านหลินให้ฉันอบรมผู้น้อยแทนเขา อีกเดี๋ยวอย่ามาว่าฉันรังแกเด็กแล้วกัน”