จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 92 เสียหน้ามาก
บทที่ 92 เสียหน้ามาก
เมื่อจงเฟยหยู่ได้ยินได้สิ่งที่ศาสตราจารย์โม่กล่าว ใบหน้าก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย คนที่ปกติมีความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างเธอก็ทำได้แค่ก้มหัวที่สูงส่งนั้นของตัวเองยอมรับ
“ขอโทษค่ะศาสตราจารย์โม่ หนูทำให้ทุกคนผิดหวัง!”
ซูชิงเหยียนเข้าใจจงเฟยหยู่ เพราะว่าหัวข้อที่ออกครั้งนี้ เขาเองก็มีส่วนร่วม เขารู้ดีว่าหัวข้อในครั้งนี้ยากขนาดไหน
“จงเฟยหยู่ไม่ต้องเศร้าหรอก เป็นเพราะหัวข้อในครั้งนี้ยากเกินไป แต่ก็หวังว่าเธอจะจดจำประสบการณ์ในครั้งนี้ กลับไปก็ตั้งใจเรียนให้มากขึ้น”
จงเฟยหยู่มองซูชิงเหยียนด้วยความรู้สึกของคุณ พร้อมพูดว่า “ขอบพระคุณผู้อำนวยการซูมากค่ะ กลับไปหนูจะตั้งใจเรียนให้มากกว่าเดิมแน่นอน!”
ฝั่งตรงข้าม ฉินเสว่หมิงตะโกนถามเสียงดัง “สนามที่สองเริ่มได้หรือยังครับ?”
ซูชิงเหยียนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ได้!”
“จางเหยียน นายไป!”
“ครับ!”
จางเหยียนไปแข่งด้วยความฝืนใจ ครั้งนี้เขามีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องเผชิญหน้ากับหลี่ซู
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ฝั่งฉินโจวส่งหลี่ซูมา
กติกาเหมือนสนามแรก หัวข้อใหม่ 10 หัวข้อ ใครตอบถูกเยอะกว่าชนะ
ความยากของหัวข้อในสนามที่สองเหมือนรอบแรก ตามความอัจฉริยะของหลี่ซูก็สามารถตอบได้เพียงแค่ 5 ข้อเท่านั้น
แต่จางเหยียน ตอบได้เพียงแค่ข้อเดียว
พอถึงสนามที่ สาม เหมยฉางหลินเข้าแข่ง ก็ไม่ได้คะแนนแม้แต่คะแนนเดียวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฝั่งฉินโจวหัวเราะเยาะ ในเสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความดูถูก ถึงแม้ว่าทีมพวกเขาจะมีไม่ถึง 10 คน แต่ก็สามารถเอาชนะหลินโจวที่มีคนเกือบร้อยคนได้อย่างขาดรอย
“เสียหน้าจริงๆ!” ศาสตราจารย์โม่แทบจะอยากมุดหัวให้เหมือนนกกระจอกเทศ ผลงานเช่นนี้น่าอับอายมากจนไม่อยากเผชิญจริงๆ
ซูชิงเหยียนเหมือนว่าจะทำใจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเทียบกับสีหน้าศาสตราจารย์โม่ เขาถือว่าดีกว่าเล็กน้อย “อาจารย์โม่ไม่ต้องเศร้าไป การแข่งขันระหว่างอาจารย์ที่ปรึกษาถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า!”
“ถ้าหากว่าเราสามารถกลับมาเอาชนะในรอบของอาจารย์ที่ปรึกษาได้ ก็ไม่ถือว่าเสียหน้าเท่าไหร่นัก”
ศาสตราจารย์โม่มองไปยังหลินหยุนที่สองมือกอดอกแน่น สีหน้าไม่สนใจอะไร จึงพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า “กลัวว่ารอบอาจารย์ที่ปรึกษาจะยิ่งเสียหน้ากว่าเดิม!”
ซูชิงเหยียนเข้าใจความหมายของประโยคที่ศาสตราจารย์โม่พูด เขาเหลือบมองไปที่หลินหยุน พบว่าหลินหยุนเหมือนคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่เหมือนคนที่กำลังจะเข้าแข่งขันเลยสักนิด
ซูชิงเหยียนเองก็ขมวดคิ้วขึ้น แอบถอนหายใจอยู่ในใจ “เกรงว่าครั้งนี้ผู้อำนวยการโจวจะคาดการณ์ผิดแล้วล่ะ”
ฉินเสว่หมิงก็ลุกยืนขึ้นมาอีก พร้อมพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเยอะ สามารถแข่งระดับอาจารย์ที่ปรึกษาได้เลย”
ซูชิงเหยียนตอบด้วยความเย็นชา “พร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว!”
ถึงแม้ว่าความสามารถอาจจะไม่เท่าฝั่งฉินโจว แต่ซูชิงเหยียนรู้สึกว่าจะแพ้อะไรก็แพ้ได้ แต่จะแพ้ขบวนทัพไม่ได้!
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเลย!” ซูชิงเหยียนก็ยิ่งตรงไปตรงมามากกว่าเดิม เหมือนว่าเขากำลังรอให้ซูชิงเหยียนพูดคำนี้ออกมา
“ได้!” ซูชิงเหยียนเองก็ตอบรับด้วยความไม่ลังเล
กติกาของการแข่งขันระดับอาจารย์ที่ปรึกษาไม่เหมือนระดับนักเรียนอย่างชัดเจน การแข่งขันระดับนักเรียนส่วนใหญ่นั้นจะเกี่ยวข้องกับความรู้พื้นฐาน แต่ระดับอาจารย์ที่ปรึกษาล้วนถูกเลือกมาจากแพทย์ระดับแนวหน้าของพื้นที่นั้นๆ
การแข่งขันระหว่างแพทย์ระดับแนวหน้า แน่นอนว่าจะต้องมีเป็นการทดสอบเทคนิคของแต่ละคน
เพราะฉะนั้น การแข่งขันระหว่างอาจารย์ที่ปรึกษา สิ่งที่แข่งก็คือการรักษาผู้ป่วยจริงๆ
ฝั่งหลินโจวก็ได้ทำการนัดผู้ป่วยจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งทำการแบ่งหมายเลขให้กับผู้ป่วยแต่ละคน จากนั้นในวันนี้ให้ระดับอาจารย์ที่ปรึกษาทุกคนจับฉลากเพื่อเลือกผู้ป่วยทำการรักษา
ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการในการแข่งขันระดับอาจารย์ที่ปรึกษาในครั้งนี้ ได้ทำการเชิญผู้เชี่ยวชาญอาวุโสที่เป็นผู้มีคุณธรรมและเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนของมณฑลมา เพื่อรับรองว่าการแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ฝั่งฉินโจว หยูหมิงวั่ง เจี่ยงฉางยิง โหวเสวเหวิน ผู้อาวุโสสามคนนั่งเป็นแถวเดียวกัน สีหน้าไร้ความรู้สึกรอการแข่งขันอยู่ตรงนั้น
ซูชิงเหยียนมองไปที่ศาสตราจารย์โม่ พร้อมกล่าวว่า “ท่านโม่ เชิญครับ!”
“เชิญครับ!” โม่หัวถิงผายมือทำท่าทางเชิญ
จากนั้น ทั้งสองคนก็เดินไปยังที่นั่งของตัวเอง ไม่ได้สนใจหลินหยุนเลยแม้แต่น้อย
โจวชิงเหอโมโหสบถด้วยความเย็นชาด้วยความไม่พอใจในการกระทำของซูชิงเหยียนและโม่หัวถิง ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้หลินหยุนก็เป็นเพื่อนร่วมทีมของพวกเขา
ต่อให้พวกเขารู้สึกไม่โอเค การให้เกียรติที่ควรมีก็ต้องมีกันบ้าง แต่ว่าตอนนี้ พวกเขาทั้งสองคนกลับทำตัวออกห่างหลินหยุนอย่างชัดเจน มันมากเกินไปจริงๆ!
จางเหยียนและนักเรียนคนอื่นๆ เมื่อได้เห็นภาพนั้น ต่างก็พากันหัวเราะเยาะหลินหยุนอย่างหนัก
“ถ้าฉันเป็นหลินหยุน ฉันหาที่มุดหัวลงไปแล้ว ใครจะยังมีหน้ายืนอยู่ตรงนี้ต่อ!” มีเพื่อนนักเรียนพูดเย้ยขึ้น
“เกาะคนอื่นเรื่องแบบนี้เขาก็ทำไปได้ ความน่าอับอายแบบนี้สำหรับเขามันไม่ถือว่าเป็นเรื่องอะไรเลย!”
“ฮ่าๆ ไอ้คนไม่ได้เรื่องคนนี้นี่มันหน้าหนาจริงๆ เลย!”
เหมือนว่านักเรียนเหล่านี้จะลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่ตัวเองถูกหลี่ซูและเหยียนโล่ตันเอาชนะจนไม่เหลือชิ้นดีอะไร เสียหน้าไปขนาดไหน ตอนนี้กลับพากันเยาะเย้ยถากถางหลินหยุน
หลินหยุนไม่ได้สนใจพวกเขา เขาเดินไปยังที่นั่งพร้อมนั่งลงอย่างไม่มีความรู้สึกใดๆ เพื่อรอการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มขึ้น
จงเฟยหยู่ดูหลอนหยุนที่นั่งอยู่ที่นั่งอย่างไม่มีความรู้สึกใดๆ เธอยิ้มเยาะอยู่ในใจ “หลินหยุน ฉันแปลกใจจริงๆ เลยว่า นายเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกันแน่!”
ที่นั่งฝ่ายกรรมการ กรรมท่านหนึ่งยืนขึ้นกล่าวว่า “ผมขอประกาศว่า การแข่งขันเริ่มต้นนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป!”
“ทั้งสองฝั่งส่งตัวแทนมาฝั่งละหนึ่งคน พร้อมจับฉลากร่วมกันเพื่อเลือกคนไข้”
ฝั่งฉินโจว หยูหมิงวั่งเดินไปที่นั่งฝ่ายกรรมการ
ฝั่งหลินโจว โม่หัวถิงมองไปที่ซูชิงเหยียน แล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการซู คุณไปเถอะ!”
“ได้!” ซูชิงเหยียนพยักหน้า พร้อมเดินไปที่นั่งฝ่ายกรรมการ ทั้งสองคนมองข้ามหลินหยุนไปอีกครั้ง
หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แถมยังไม่พูดอะไรเลย เอาแต่นั่งรออยู่ตรงนั้น
ผู้ป่วยทั้งสามคน ก็ถูกเลือกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซูชิงเหยียนและหยูหมิงวั่งต่างก็พากันเดินไปกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
ไม่นาน ผู้ป่วยคนแรกก็ถูกพยาบาลของโรงพยาบาลสังกัดนำตัวขึ้นมา
เขาคือผู้ชายวัยกลางคน อายุ สาม0 กว่า เป็นเสาหลักของครอบครัว
เมื่อเห็นว่าที่ตรงนั้นมีคนเป็นร้อยอยู่ ชายวัยกลางคนคนดังกล่าวก็ตกใจขาอ่อนจนแทบจะล้มลงมา
“คุณพยาบาล ช่วงนี้ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองร้อนในเฉยๆ ไม่ใช่ว่าผมเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนถามพยาบาลด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
พยาบาลสาวรีบยิ้มตอบ พร้อมพูดว่า “คุณผู้ชายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ วันนี้พอดีว่าเป็นการแข่งขันการรักษาพยาบาลของผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ที่จัดขึ้นปีละครั้ง คุณโชคดีมากเลยค่ะ ที่เราได้จับฉลากเลือกคุณมา คุณสามารถวิเคราะห์โรคและรักษาพยาบาลฟรีจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ค่ะ”
“เป็นแบบนี้เองหรือ! ผมนึกว่าตัวเองเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาแล้วซะอีก” ชายวัยกลางคนรู้สึกโล่งขึ้นมา
พยาบาลสาวนำชายวัยกลางคนไปนั่งข้างหน้าพวกซูชิงเหยียนพร้อมกำชับว่า “อีกสักครู่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนถามอะไรคุณ คุณก็ตอบตามความจริง ถ้าหากว่าไม่ถาม คุณก็ไม่ต้องพูดอะไร เข้าใจไหมคะ?”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “เข้าใจครับ”
ผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลมักจะเชื่อฟังเสมอ พยาบาลก็จับจุดตรงนี้ได้ ทำให้ชายวัยกลางคนคนนี้พยายามให้ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญให้มากที่สุด
คนทั้งสามของฝั่งฉินโจว มองมาที่พวกโม่หัวถิงสามคน
เมื่อเห็นหลินหยุนที่นั่งอยู่ด้านหลัง พวกหยูหมิงวั่งก็พากันชะงัก
จากนั้นก็ทำท่าทางหัวเราะด้วยความดูถูก “หลินโจวไม่มีคนแล้วเหรอ ให้เด็กมาเข้าแข่งขันของระดับอาจารย์ที่ปรึกษา!”
โม่หัวถิงและซูชิงเหยียนเข้าใจดีว่าพวกเขากำลังหัวเราะอะไร แต่ว่า พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่จ้องเขม็งไปที่โจวชิงเหอที่นั่งอยู่ด้านล่างเวที
ฝ่ายกรรมการ กรรมท่านหนึ่ง ประกาศเสียงดังว่า “เริ่มการวินิจฉัยโรคได้!”
กติกาการวินิจฉัยโรคนั้น ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ใดๆ และก็ไม่สามารถให้ผู้ป่วยบรรยายอาการป่วยของตัวเองได้ อาศัยเพียงความสามารถของแพทย์เท่านั้น หรือไม่ก็ใช้การจับชีพจรแบบแพทย์แผนจีน เพื่อทำการวินิจฉัยโรค จากนั้นก็บอกแนวทางในการรักษา
ฝั่งของฉินโจว หยูหมิงวั่งมอบไปที่โม่หัวถิง พร้อมกล่าวว่า “คุณฉิน พวกคุณก่อนเลย!”
โม่หัวถิงตอบว่า “มาไกลกว่าเป็นแขก พวกคุณก่อนดีกว่า!”
หยูหมิงวั่งยิ้มจางๆ พร้อมตอบอย่างไม่เกรงใจ “ได้!”
จากนั้น พวกหยูหมิงวั่งพากันค่อยๆ ลุกขึ้นมาเพื่อเดินไปหาผู้ป่วย ทั้งจับชีพจร ทั้งสังเกตอาการ เพื่อเริ่มการวินิจฉัยโรค