จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 925 หรือเทียบว่าหมัดใครใหญ่กว่ากัน
ฉินเห้าเทียนสีหน้าเย็นชา พูดตำหนิว่า “ตระกูลหลินทำร้ายลูกชายผมจนบาดเจ็บสาหัส แถมยังใส่ร้ายว่าลูกชายผมวางยา เราไปเรียกร้องความยุติธรรมที่ตระกูลหลิน โดนพวกคุณใช้กำลังจนทำให้อับอาย”
“ตอนนี้คุณมาพูดว่าเรารังแกตระกูลหลิน คนของตระกูลหลิน ยังมียางอายอยู่ไหม”
เจ้าบ้านกู่มองหลินซื่อเฉิง ยังคงเงียบไม่พูดอะไร
คนในตระกูลกู่มองหลินซื่อเฉิง อดแสยะยิ้มไม่ได้
หลินหยุนมองฉินเห้าเทียนกับเจ้าบ้านลู๋ที่อวดดีไม่หยุด สีหน้านิ่งเฉย แต่ในแววตาฉายแววเย็นชา
หลินโร่สุ่ยโมโหจนอกกระเพื่อม ถ้าไม่ใช่เพราะลำดับอาวุโสของเธออยู่ระดับล่าง โพลงออกไปจะทำให้คนตำหนิ หลินโร่สุ่ยคงทนไม่ไหว เถียงไปตั้งนานแล้ว
สำหรับหลินโล่เฉิน ตั้งแต่เข้ามาในตระกูลกู่ ก็เอาแต่ก้มหน้า กำหมัดแน่น มองหญิงสาวงดงามและดูหยิ่งยโส ข้างๆ เจ้าบ้านกู่เป็นระยะ
ผู้หญิงคนนั้น น่าจะเป็นกู่ยู่หลัน คู่หมั้นของหลินโล่เฉิน และเป็นผู้หญิงที่ทำให้หลินโล่เฉินจมอยู่ในห้วงลึก
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ กู่ยู่หลันไม่ได้มองหลินโล่เฉินสักนิด เหมือนที่เธอเคยพูดไว้ตอนแรก
“ผู้ชายที่ฉันจะแต่งงานด้วย ต้องแข็งแกร่งกว่าฉัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตระกูลและพละกำลัง สำหรับผู้ชายที่เทียบไม่ได้แม้กระทั่งผู้หญิงอย่างฉัน คนอย่างกู่ยู่หลันไม่อยากเหลียวตามองสักนิด”
ประโยคนี้ ทำให้หลินโล่เฉินถูกถล่มอย่างยับเยิน และอยู่ภายใต้เงามืดของกู่ยู่หลันมาตลอด
และเพราะประโยคนี้ ทำให้หลินโล่เฉินผู้โอหัง พยายามอย่างเต็มที่ นี่จึงทำให้เขากลายเป็นอันดับหนึ่งในรุ่นของตระกูลหลิน
บางครั้ง ผู้ชายคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จ บางทีต้องการเพียงประโยคเดียวจากผู้หญิง หรือไม่ก็แค่เพียงสายตาเท่านั้น
ส่วนการทำลายผู้ชายคนหนึ่ง บางทีต้องการเพียงประโยคเดียวจากผู้หญิง หรือไม่ก็แค่เพียงสายตาเหมือนกัน
หลินซื่อเฉิงมองคนที่กลับผิดเป็นถูก อย่างฉินเห้าเทียนทั้งสองคน สีหน้าเย็นชา “เจ้าบ้านฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายของคุณวางยาใส่โร่สุ่ยของเราก่อน หลินหยุนจะทำร้ายเขาได้ยังไง”
ฉินเห้าเทียนแสยะยิ้มเย็นชา “ไหนหลักฐานล่ะ ตอนอยู่ตระกูลหลิน ยัยเด็กนั่นโทรหาเพื่อนนักเรียนไปทั่ว ผลสรุปนักเรียนพวกนั้นพูดว่าอะไร คุณน่าจะได้ยินชัดเจนแล้ว”
“ตระกูลหลินไม่มีหลักฐาน เป็นการใส่ร้าย”
สีหน้าของหลินซื่อเฉิงเย็นชา “ฉินเห้าเทียน ความจริงเป็นยังไง เราต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ คุณมาพลิกขาวเป็นดำที่นี่ มีประโยชน์อะไร”
“ถึงคุณข่มขู่ซื้อพวกเพื่อนของโร่สุ่ยมาเป็นพวก ช่วยลูกชายคุณปิดบัง แต่ความจริงเป็นยังไง คุณและผมต่างรู้ดีแก่ใจ จะทำสงครามน้ำลายไปทำไม!”
“คุณมีวิธีอะไรรีบใช้ออกมา ตระกูลหลินรับเอง!”
เจ้าบ้านลู๋หัวเราะเยาะเย้ย “ทุกคนฟังสิ นี่เป็นท่าทีของเจ้าบ้านตระกูลหลิน!”
“เจ้าบ้านแบบนี้ จะสอนคนรุ่นหลังออกมายังไง ดูเหมือนว่าการตัดสินใจยกเลิกการแต่งงานของคุณหนูใหญ่ตระกูลกู่ในตอนนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”
“คนรุ่นหลังของตระกูลหลินพวกนี้ จะคู่ควรกับคุณหนูใหญ่ตระกูลกู่ได้ยังไง”
คำพูดของเจ้าบ้านลู๋ ทำให้สีหน้าของหลินโล่เฉินเปลี่ยนไปมาก
นับว่าเป็นการจ้วงแทงจุดอ่อนไหวของตระกูลหลิน
หลินหยุนเงยหน้าช้าๆ มองเจ้าบ้านลู๋ด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนว่าการสั่งสอนที่ตระกูลหลินก่อนหน้านี้ คงยังไม่พอสินะ!”
เจ้าบ้านลู๋โดนหลินหยุนมองใส่ รู้สึกร้อนตัว เขาไม่กล้าสบตากับหลินหยุนสักนิด
หลินซื่อเฉิงก้าวไปข้างหน้า และตบหน้าเจ้าบ้านลู๋ ทำให้ซีกหน้าอีกด้านของเจ้าบ้านลู๋บวมเป่ง
“คนรุ่นหลังของตระกูลหลินเป็นยังไง พวกคุณไม่ต้องมาพูดมาก!”
เจ้าบ้านลู๋โดนตบจนอึ้งไป เขายืนอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่พูดอะไรสักคำ
เขาไม่คาดคิดมาก่อน ว่าหลินซื่อเฉิงจะกล้าตบเขา ต่อหน้าเจ้าบ้านกู่
ขนาดฉินเห้าเทียนที่อยู่ข้างๆ ยังคิดไม่ถึง ว่าหลินซื่อเฉิงจะกล้าลงมือในเวลานี้ และในสถานที่แบบนี้
แต่ว่าฉินเห้าเทียนตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าบ้านกู่ คุณเห็นหรือยัง เจ้าบ้านหลินกล้าทำร้ายเจ้าบ้านลู๋ต่อหน้าคุณ เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลิน ไม่เห็นตระกูลกู่อยู่ในสายตาสักนิด!”
เดิมทีคนในตระกูลกู่ตกใจกับความเด็ดขาด และเผด็จการของหลินซื่อเฉิง คิดไม่ถึงว่ากล้าทำร้ายคนที่นี่
ตอนนี้ได้ยินฉินเห้าเทียนเตือนสติ คนในตระกูลกู่โมโหขึ้นทันที
“หึ ตระกูลหลินเกรี้ยวกราดตามคาด กล้าทำร้ายคนของตระกูลกู่ ในตระกูลกู่!”
“นี่ไม่เห็นตระกูลกู่ของเราอยู่ในสายตาชัดๆ เจ้าบ้าน ผมคิดว่าควรให้ตระกูลหลินอธิบายกับเรา!”
“ใช่ครับเจ้าบ้าน ต้องสั่งสอนตระกูลหลินให้สาสม ถ้าเรื่องแดงออกไป คนอื่นต้องเข้าใจว่าตระกูลกู่ของเรากลัวตระกูลหลิน!”
คนของตระกูลกู่ต่างพากันพูดขึ้น แววตาที่มองหลินซื่อเฉิง เต็มไปด้วยเจตนาร้าย
เดิมทีพวกเขาดูถูกตระกูลหลินอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าบ้านลู๋ ที่เป็นหนึ่งในสามเสือตระกูลกู่ โดนคนของตระกูลหลินทำร้ายที่ตระกูลกู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำต่อหน้าเจ้าบ้านกู่
นี่เป็นการตบหน้าตระกูลกู่ต่อหน้าทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย!
คนของตระกูลกู่ จะทนได้อย่างไร
ขนาดเจ้าบ้านกู่ยังทนไม่ไหว
สีหน้าเจ้าบ้านกู่ที่มองหลินซื่อเฉิง ดูอึมครึม เสียงฟังดูเย็นชา “เจ้าบ้านหลิน คุณทำเกินไปแล้ว!”
“ทำร้ายคนของตระกูลกู่ต่อหน้าผม คุณไม่เห็นหัวเจ้าบ้านกู่อย่างผมเหรอ”
“หรือคุณคิดว่าตัวเองเป็นนักบู๊ แล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจได้ ไม่เห็นตระกูลกู่อยู่ในสายตาแล้วเหรอ”
หลินซื่อเฉิงพูดอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง “เจ้าบ้านกู่พูดแรงไปแล้ว เจ้าบ้านลู๋พูดจาจาบจ้วง ดูหมิ่นคนรุ่นหลังของตระกูลหลิน ผมต้องสั่งสอนเขาอยู่แล้ว”
“นี่ไม่เกี่ยวกับตระกูลกู่”
“ถ้าตระกูลกู่ดึงดันจะออกหน้าแทนเจ้าบ้านลู๋ งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด”
ตอนนี้เจ้าบ้านลู๋ตั้งสติได้แล้ว เขารีบพูดสะอึกสะอื้น “นายท่านกู่ครับ คุณต้องจัดการแทนผมนะครับ ตระกูลหลินรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว!”
เจ้าบ้านกู่ขมวดคิ้วเบาๆ มองเจ้าบ้านลู๋อย่างเหนื่อยหน่าย เทียบกับฉินเห้าเทียน เจ้าบ้านลู๋คนนี้ ห่างชั้นอยู่มาก
แต่เจ้าบ้านกู่ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ นี่ทำร้ายหน้าตาของตระกูลกู่เกินไป
“เจ้าบ้านหลิน ผมคิดว่าคุณควรขอโทษเจ้าบ้านลู๋!” เสียงของนายท่านกู่เด็ดขาด จนทำให้รู้สึกยากที่จะปฏิเสธ
คนของตระกูลกู่ มองหลินซื่อเฉิงอย่างโมโห แล้วตวาดว่า “ขอโทษ!”
เจ้าบ้านลู๋มีสีหน้าโมโห “ขอโทษดูง่ายเกินไปสำหรับเขา ผมจะตบกลับ ตบกลับเป็นสองเท่า!”
ฉินเห้าเทียนหรี่ตาลงมองหลินซื่อเฉิง แววตาดูยิ้มเยาะกับแผนร้ายที่สำเร็จ
“คิดไม่ถึงว่าหลินซื่อเฉิงจะเผด็จการเช่นนี้ ครั้งนี้ฉันคงไม่ต้องเปลืองแรง ตระกูลกู่ไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”
หลินหยุนก็คิดไม่ถึงว่านิสัยของหลินซื่อเฉิง จะแปรเปลี่ยนเป็นห้าวหาญเช่นนี้
ทำร้ายคนในตระกูลกู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลินซื่อเฉิงไม่มีทางทำแน่นอน
หลินซื่อเฉิงมองเจ้าบ้านกู่ เชิดหน้า และหัวเราะอย่างภาคภูมิ “ฮ่าๆๆ เจ้าบ้านกู่ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ!”
“ถ้าตระกูลกู่จะออกหน้าแทนพวกเขา ก็ทำตรงๆ ไปเลย อย่ามัวแต่เหยาะแหยะ”
หลินซื่อเฉิงคร้านจะไม่มีความจริงใจต่อหน้านายท่านกู่ ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องสู้ ไม่จำเป็นต้องพูดเสแสร้งอีก
สีหน้าเจ้าบ้านกู่เคร่งขรึม ความเหิมเกริมของหลินซื่อเฉิง เหนือจินตนาการของเขา
เดิมทีกะจะใช้อำนาจของตระกูลกู่ อีกทั้งความสัมพันธ์แต่ก่อนของสองตระกูล ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ทำให้ตระกูลหลินยอมรับผิด
การทำแบบนี้จะได้แสดงถึงความใจกว้างของตระกูลกู่ อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาได้ ไม่แน่อาจทำให้ตระกูลหลินยอมจำนนด้วย
แต่ดูเหมือนตอนนี้ แผนการของเจ้าบ้านกู่ ไม่มีโอกาสได้ใช้สักนิด
เสียงของนายท่านกู่ทุ้มต่ำ “พูดแบบนี้ ตระกูลหลินจะสู้กับตระกูลกู่แล้วหรือเปล่า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมจะสนองให้คุณเอง”