จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 926 ปูมหลังตระกูลกู่
เจ้าบ้านกู่มองไปอีกด้าน มีชายวัยกลางคนในชุดสีดำคนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงมุม
“กู่เฉิง นายมาต่อกรกับเจ้าบ้านหลิน!” เจ้าบ้านกู่แสยะยิ้ม และเอ่ยขึ้น
ชายวัยกลางคนที่ชื่อกู่เฉิงกอดอก เดินออกมาจากมุมช้าๆ
ตอนนี้ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาอยู่ที่นี่
อันที่จริง เขายืนอยู่ตรงมุมตลอดเวลา แต่เหมือนทุกคนมองไม่เห็นเขาสักนิด
มีเพียงหลินหยุน ที่สังเกตเห็นคนนี้ตั้งนานแล้ว
เพราะคนนี้เป็นปรมาจารย์บู๊!
กู่เฉิงเดินมาข้างหลินซื่อเฉิงช้าๆ ประสานมือคำนับหลินซื่อเฉิง แล้วพูดว่า “เชิญเจ้าบ้านหลิน!”
หลินซื่อเฉิงก็ไม่เกรงใจ ท่วงท่าอันแข็งแกร่งระเบิดออกจากตัวเขา “มาสิ ให้ฉันเห็นหน่อยว่าตระกูลกู่ ฉายาตระกูลพันปี มีปูมหลังอย่างไรบ้าง!”
จากการบำเพ็ญ ทำให้นิสัยของหลินซื่อเฉิงเด็ดขาดตามไปด้วย ถ้าพูดไม่เข้าหูก็จะมีเรื่องอะไรทำนองนั้น
“สยบเขา!”
หลินซื่อเฉิงเริ่มลงมือ โดยการใช้กระบวนท่าที่หลินหยุนสอนเขา ร่างกายหายแวบ ปล่อยหมัดกระแทกหัวกู่เฉิง
หมัดนี้ เหมือนคนตัวใหญ่มโหฬาร ถือขวานยักษ์ในมือ ใช้กำลังของตัวเอง แหวกทางก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หวาดกลัว
หลินหยุนพยักหน้านิ่งๆ “พรสวรรค์ของปู่ไม่ธรรมดาตามคาด ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ เขาเรียนรู้ถึงแก่นแท้ของหมัดฝ่าบรรพต”
กล้ากับผู้ฝ่าบรรพต ต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หวาดกลัว เทพขวางฆ่าเทพ มารขวางฆ่ามาร
ถึงคนทั่วไปสัมผัสได้ถึงพลานุภาพอันแข็งแกร่ง ของหมัดหลินซื่อเฉิง แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันแข็งแกร่งถึงระดับไหนกันแน่
แต่คนที่เป็นปรมาจารย์บู๊อย่างกู่เฉิง กลับสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง ของหมัดหลินซื่อเฉิงได้อย่างลึกซึ้ง
“หมัดแข็งแกร่งจริงๆ!”
กู่เฉิงแอบตกใจ แต่มือไม่กล้าประมาท หมัดทั้งสองต่อยไปตรงหน้าจนเกิดเงาสิบกว่าเงา แล้วตวาดออกมาว่า “ฝ่ามือไร้เงา!”
หมัดของกู่เฉิง กลายเป็นเงาสิบเงา เป็นภาพมืดฟ้ามัวดิน พลานุภาพพุ่งไปหาหลินซื่อเฉิง
เหมือนคนเป็นร้อยพุ่งมาจากทุกทิศทาง โจมตีหลินซื่อเฉิงพร้อมกัน พลานุภาพไร้เทียมทาน
แต่สีหน้าของหลินซื่อเฉิงไม่เปลี่ยน หมัดนั้นก็ไม่มีท่าทีจะหยุด พลานุภาพพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง แหวกเงาหมัดมืดฟ้ามัวดิน
พลั่ก!
ราวกับขวานขนาดใหญ่กระแทกใส่ก้อนเต้าหู้ เงาหมัดมากมาย ที่ดูเหมือนแข็งแกร่งของกู่เฉิง โดนหมัดของหลินซื่อเฉิงต่อยจนกระจายไปคนละทิศคนละทาง
สุดท้ายหมัดของหลินซื่อเฉิง แยกเป็นเงานับไม่ถ้วน กระแทกกับหน้าอกของกู่เฉิงอย่างแรง
พรวด!
กู่เฉิงเงยหน้ากระอักเลือดออกมา เขาโดนต่อยจนตัวปลิว ล้มลงตรงเท้าของนายท่านกู่
“เป็นไปได้ยังไง!”
กู่เฉิงมองหลินซื่อเฉิงด้วยใบหน้าตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ฉันกับเขาน่าจะอยู่ระดับแดนปรมาจารย์ระดับใหญ่ ขนาดฉันใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด ยังต้านทานหมัดเขาไม่ได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”
พละกำลังของหลินซื่อเฉิง ถ้านับตามเกณฑ์ผู้บำเพ็ญเซียน ก็แค่ระยะปฐมภูมิตอนปลายเท่านั้น แต่พละกำลังพอๆ กับปรมาจารย์ระดับใหญ่ของนักบู๊ ถึงขนาดที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย
บวกกับกระบวนท่าที่หลินซื่อเฉิงใช้ คือการที่หลินหยุนดัดแปลงตามสิบแปดท่าต้าเต๋า พลานุภาพแข็งแกร่งกว่าการต่อสู้อันแข็งแกร่งของกู่เฉิงเป็นร้อยเท่าอยู่แล้ว
กู่เฉิงต้านทานหมัดของหลินซื่อเฉิงไม่ได้ก็ไม่แปลก
คนของตระกูลกู่ก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน
หลินซื่อเฉิงแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาไม่รู้ชัดเจน
แต่กู่เฉิงแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนรู้อยู่แล้ว
“ตาแก่ตระกูลหลิน กำราบกู่เฉิงได้ด้วยหมัดเดียว!”
“พระเจ้า ตาแก่นี่เก่งเกินไปแล้ว มิน่าล่ะถึงพาวัยรุ่นมาเพียงสามคน ก็กล้ามาฐานของตระกูลกู่!”
คนของตระกูลกู่ต่างพากันพูด สายตาที่มองหลินซื่อเฉิง เต็มไปด้วยความตกตะลึง
นายท่านกู่มองหลินซื่อเฉิง ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน “คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลินแอบซ่อนไม่เปิดเผย ฝึกบู๊จนมาถึงระดับนี้!”
“มิน่าล่ะตระกูลหลินถึงกล้าเหิมเกริมเช่นนี้!”
“แต่ว่าใช้แค่เรื่องพวกนี้ มาเกรี้ยวกราดในตระกูลกู่ ดูเหมือนเจ้าบ้านหลิน ไม่เห็นตระกูลกู่อยู่ในสายตาเกินไปแล้ว”
“ฉายาของตระกูลกู่คือตระกูลพันปี ปูมหลังในนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณสามารถจินตนาการได้”
“ไปสวนหลังบ้าน บอกให้คนของสำนักหยุนออกมา!”
ชายวัยกลางคนดูเหมือนพ่อบ้าน ที่ยืนข้างหลังนายท่านกู่ตลอดเวลา โค้งตัวตอบรับ และหันหลังเดินออกไป
เมื่อได้ยินคำว่าสำนักหยุน คนส่วนใหญ่มีสีหน้าตกตะลึง
ขนาดคุณท่านหลินซื่อเฉิง ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้
แต่ทว่าหลินหยุนไม่เคยได้ยินว่าสำนักหยุนคืออะไร ชาติก่อนไม่เคยได้ยิน ครั้งนี้ก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน
แต่เมื่อเห็นสีหน้าปู่ เขาน่าจะรู้จักสำนักหยุน
หลินหยุนอดถามไม่ได้ “ปู่เคยได้ยินสำนักหยุนเหรอ”
หลินซื่อเฉิงพยักหน้า พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “สำนักหยุน เป็นสำนักบู๊แห่งหนึ่งในเมืองหยุนเฉิง ได้ยินว่าพละกำลังแข็งแกร่งมาก แต่ฉันไม่แน่ใจเรื่องภาพรวม”
“แต่ดูจากตอนนี้ สำนักหยุนน่าจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น กับตระกูลกู่เมืองหยุนเฉิง”
“ถ้าตระกูลกู่มีความสัมพันธ์กับสำนักหยุน งั้นครั้งนี้ตระกูลหลินของเราต้องแพ้แน่”
แววตาของฉินเห้าเทียนเป็นประกายส่องออกมา เขาได้ยินมานานแล้วว่าสำนักหยุน มีความสัมพันธ์กับตระกูลกู่ แต่กลับหาหลักฐานไม่เจอ
เขาเคยสอบถามลูกชายคนโตกับลูกชายคนรองตระกูลกู่ ขนาดนายท่านกู่ เขาก็ยังถามแบบเลี่ยงๆ มาแล้ว
แต่ไม่มีใครให้คำตอบกับเขา
แต่ฉินเห้าเทียนเชื่อมั่นมาตลอด ตระกูลกู่กับสำนักหยุน ไม่มีทางไร้ความสัมพันธ์กัน
ไม่งั้น สำนักหยุนจะปล่อยให้ตระกูลใหญ่ในโลกมนุษย์ ทำอะไรตามสบายภายใต้สายตาตัวเองได้อย่างไร
ตอนนี้จากสีหน้าของเจ้าบ้านกู่ ฉินเห้าเทียนรู้ว่าตัวเองเดาถูก
สายตาเหล่าลูกหลานตระกูลกู่ ที่มองไปยังเจ้าบ้านกู่ เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน
ดูเหมือนว่าขนาดพวกเขาก็ไม่รู้ว่าตระกูลกู่ มีความสัมพันธ์กับสำนักหยุนอย่างไร
แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคยได้ยินความยิ่งใหญ่ของสำนักหยุน ดังนั้นสีหน้าจึงแปรเปลี่ยนเป็นตกใจและดีใจ
กู่เฉิงมองหลินซื่อเฉิง แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าบ้านหลิน คุณแข็งแกร่งมาก พละกำลังของคุณ เหนือความคาดหมายของผมจริงๆ แต่ถ้าคนของสำนักหยุนมา คุณต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
หลินซื่อเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้ตอบอะไร เห็นได้ชัดว่าในใจของเขาไม่มีความมั่นใจ ในการจัดการสำนักหยุน
นายท่านกู่มองหลินซื่อเฉิง แววตาดูไม่สบอารมณ์ “เจ้าบ้านหลิน เห็นแก่บุญคุณที่ตระกูลหลินมีให้ตระกูลกู่ เมื่อหลายปีก่อน แค่คุณขอโทษเจ้าบ้านฉิน ส่งคนร้ายมา ผมจะจบเรื่องไว้แค่เท่านี้”
“คุณว่ายังไง”
หลินซื่อเฉิงเงียบ ไม่พูดอะไร ถ้าหาเรื่องสำนักหยุน กลัวว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะไม่ใช่แค่อับอาย ตระกูลหลินอาจมีคนตาย
อีกทั้งเจ้าสำนักหยุนคนนั้น ว่ากันว่าลึกลับมาก ไม่เคยมีใครเห็นเขาลงมือ พละกำลังลึกล้ำจนยากที่จะคาดเดา
เคยมีข่าวว่า เจ้าสำนักหยุนกับเทพกระบี่เยนหนานเทียน เป็นผู้แข็งแกร่งในยุคเดียวกัน
เยนหนานเทียนออกจากการเก็บตัวฝึกฝนก่อน เพราะต้องการแก้แค้น
เจ้าสำนักหยุนคนนี้ ไม่เคยได้ยินว่าออกจากการเก็บตัวฝึกฝน พละกำลังของเขา อาจบรรลุถึงระดับแดนเทพในตำนาน
หลินหยุนจะเอาชนะเขาได้ไหม
แต่ไม่ว่าจะเอาชนะได้หรือไม่ หลินซื่อเฉิงไม่มีทางยอมรับข้อเสนอของเจ้าบ้านกู่
เพราะถ้ายอมรับ ต่อไปฐานะของตระกูลหลินจะต่ำต้อยยิ่งกว่านี้ ถึงขนาดที่จะร่วงลงไปเป็นตระกูลระดับกลาง
“ขอบคุณความหวังดีของเจ้าบ้านกู่ แต่ถึงต้องเผชิญหน้ากับสำนักหยุน ผมก็จะลองดู”
หลินซื่อเฉิงพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เจ้าบ้านกู่ยิ้มเย็นชา “ได้!”
ไม่นาน กลุ่มคนในชุดฝึกสีดำ ก้าวเข้ามาในห้องโถงตระกูลกู่
คนที่เดินนำมา ใช้ผ้าสีดำปกปิดใบหน้า ดูลึกลับยากจะคาดเดา
คนที่ปิดบังใบหน้าเดินมาหน้านายท่านกู่ ประสานมือคำนับ “หยุนชิงซาน เจ้าสำนักหยุน นำเหล่าศิษย์มาพบเจ้าบ้านกู่”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนถึงกับตกใจ!