จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 928 อาจารย์ฉันอยู่นี่
ขณะที่ทุกคนเข้าใจว่าหลินซื่อเฉิงใกล้แพ้
จู่ๆ หลินซื่อเฉิงแผดเสียงออกมา “อ๊าก!”
ประสิทธิภาพของยาวิเศษที่เคยใช้ พวกยาปฐมภูมิและยาสร้างกระดูกยังหลงเหลืออยู่ ภายใต้การกดดันภายนอก ในที่สุดก็ดูดซับเอาไว้ทั้งหมด
พลังเดิมของหลินซื่อเฉิง แบ่งตามเกณฑ์ของนักบู๊ น่าจะอยู่ในแดนระดับปรมาจารย์ใหญ่
ส่วนพละกำลังของเจ้าสำนักหยุน เป็นปรมาจารย์แดนขั้นสูงสุด
แต่วิชาที่หลินซื่อเฉิงฝึกฝน เป็นของผู้บำเพ็ญเซียน พลังทิพย์ในร่างกายแข็งแกร่งกว่าชี่แท้มาก ถึงเจอกับปรมาจารย์แดนขั้นสูงสุดที่เหนือกว่าเขา ก็สามารถต้านทานได้ระยะเวลาหนึ่ง
ตอนนี้ดูดซับประสิทธิภาพของยาที่หลงเหลือในร่างกาย ถึงไม่สามารถช่วยให้หลินซื่อเฉิง ยกระดับแดนได้ แต่กลับทำให้พลังของหลินซื่อเฉิง เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทันที
พลั่ก!
เสียงอันน่าตกใจ ดังสนั่นขึ้นในห้องโถง
เจ้าสำนักหยุนส่งเสียงออกมา ถูกพลังมหาศาลกระแทกออกมา
หลินซื่อเฉิงก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น เหงื่อไหลเหมือนฝน
“นี่มันอะไรกัน ใครชนะ”
ทุกคนมองภาพตรงหน้า ด้วยสีหน้าสงสัย
“ปู่ไม่เป็นไรใช่ไหม” สีหน้าของหลินโร่สุ่ยกับหลินโล่เฉิน เต็มไปด้วยความกังวล และหันไปหาหลินหยุน ด้วยใบหน้าสงสัย
หลินหยุนพูดอย่างราบเรียบ “วางใจเถอะ การต่อสู้ครั้งนี้ ปู่ไม่เพียงแต่จะไม่บาดเจ็บ อีกทั้งยังได้ประโยชน์มากมายด้วย”
หลินโร่สุ่ยกับหลินโล่เฉิน ไม่รู้ว่าที่หลินหยุนพูดว่าได้ประโยชน์มากมาย นั่นหมายถึงด้านไหน แต่ก็พอเข้าใจเหตุผลภายในนั้น
เจ้าสำนักหยุนลงสู่พื้น มองหลินซื่อเฉิงด้วยแววตาเป็นประกาย
“นายมีฝีมือตามคาด ดูเหมือนว่าเมื่อก่อน นายต้องใช้ยาวิเศษชั้นยอดแน่นอน ประสิทธิภาพของยาพวกนั้น อยู่ในตัวของนาย ตอนนี้ได้รับความกดดัน ประสิทธิภาพของยาพวกนั้น กลับโดนนายดูดซับเอาไว้หมด”
“เมื่อพูดเช่นนี้ เวลาในการฝึกฝนของนาย ไม่ได้นาน ไม่งั้นประสิทธิภาพของยาพวกนั้น คงเปล่าประโยชน์ไปนานแล้ว”
“ตอนนี้ ฉันอยากรู้มากว่าอาจารย์ของนายคือใคร”
“ถึงบ่มเพาะให้คนอายุแบบนาย กลายเป็นปรมาจารย์ได้ อาจารย์ของนายต้องเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่สุดยอดแน่นอน!”
หลินซื่อเฉิงไม่ค่อยเข้าใจอาการในร่างกายของตัวเอง แต่เมื่อพูดถึงยาวิเศษ เขานึกถึงโอสถพวกนั้น ที่หลินหยุนให้เขากิน
ดูเหมือนว่าจะเป็นของดี ขนาดเจ้าสำนักหยุนยังอิจฉา
เมื่อได้ยินเจ้าสำนักหยุนพูดถึงอาจารย์ของตัวเอง หลินซื่อเฉิงอดมองหลินหยุนไม่ได้
เมื่อหันกลับมา หลินซื่อเฉิงหัวเราะ แล้วพูดว่า “อยากรู้ว่าอาจารย์ฉันเป็นใคร เอาชนะฉันให้ได้ก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
เจ้าสำนักหยุนแสยะยิ้ม “นายคิดว่า ร่างกายดูดซับพลังในยาวิเศษพวกนั้น ก็จะท้าประลองฉันได้เหรอ”
“นายประเมินตัวเองสูงไปแล้ว”
“บางที ให้เวลานายสักไม่กี่ปี นายสามารถยกระดับจนถึงแดนปรมาจารย์สูงสุด อาจสู้กับฉันได้”
“แต่ตอนนี้ ถึงพละกำลังของนายเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี”
“ตอนนี้ฉันจะทำให้นายรู้ว่า อะไรคือความแตกต่างระหว่างแดน”
เจ้าสำนักหยุนยกมือทั้งสองข้างขึ้นช้าๆ ราวกับเทพลงมายังโลกมนุษย์ แผดเสียงออกมาว่า “ขุมเย็นน้ำแข็ง!”
อากาศอันสุดแสนหนาวเหน็บ ปกคลุมไปทั่วห้องโถงทันที
หลินหยุนขมวดคิ้วเบาๆ “ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด สามารถตระหนักถึงกฎส่วนหนึ่งของโลก ดูเหมือนว่า พละกำลังของเขา เข้าใกล้แดนเทพแล้ว”
“ครั้งนี้ ปู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้”
หลินโร่สุ่ยมองหลินหยุนอย่างหวาดกลัว “งั้นพี่ก็รีบช่วยปู่สิ!”
“วางใจเถอะ ไม่เป็นไร” หลินหยุนพูดปลอบ
สีหน้าของหลินซื่อเฉิงเปลี่ยนไป เขาพบว่าจู่ๆ เหมือนตัวเองมายังอุโมงค์น้ำแข็ง ความหนาวเย็นเข้ากระดูก ทำให้เขาหนาวไปทั้งตัว
อีกทั้งเขาพบว่าตัวเองอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง พลังทิพย์ในตัวโดนจำกัดไว้
ถ้าก่อนหน้านี้หลินซื่อเฉิงสามารถใช้พลังได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้อย่างมากก็ใช้ได้แค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
เจ้าสำนักหยุนหัวเราะร่า แล้วพูดว่า “อยู่ในขุมเย็นน้ำแข็งของฉัน ฉันคือผู้ครอบงำโลก!”
“ฉันคือเทพ!”
พูดจบ เจ้าสำนักหยุนฟาดฝ่ามือลงมา
พลังของหลินซื่อเฉิงโดนจำกัด แต่พลังของเจ้าสำนักหยุน กลับโดนขุมเย็นน้ำแข็งทำให้เพิ่มขึ้น
ภายใต้กระบวนการแปรเปลี่ยนนี้ พลังของเจ้าสำนักหยุน เหนือกว่าหลินซื่อเฉิงอยู่หลายเท่า
หลินซื่อเฉิงสัมผัสได้ถึงฝ่ามือของศัตรู ราวกับมือครองโลก ทำให้เขารู้สึกต้านทานไม่ไหว
ถึงหลินซื่อเฉิงฝึกฝนได้ไม่นาน แต่ผ่านการเปลี่ยนแปลงบนโลกมาหลายปี ปณิธานในใจเขามั่นคงมาก
หลินซื่อเฉิงเหมือนผีเสื้อที่สยายปีกเหนือลม กล้าท้าประลองกับสวรรค์
“อย่าว่าแค่เขตแดนเพียงเขตแดนเดียว ถ้านายเป็นเทพของโลกใบนี้จริง ฉันก็ไม่ปล่อยให้นายฆ่าแกงหรอก!”
“สยบเขา!”
หลินซื่อเฉิงลงมือด้วยความโกรธ พลานุภาพของหมัดนี้ แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นเท่าตัว
เงาหมัดบริสุทธิ์เงาหนึ่ง พุ่งเข้าไปหาน้ำค้างแข็งอันหนาวเหน็บที่มีอย่างมากมาย ปะทะกันทันที
แต่น่าเสียดาย ความแตกต่างระหว่างแดน ยากที่จะใช้พลังมาทดแทน ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีพลังของหลินซื่อเฉิง ก็เทียบไม่ได้กับเจ้าสำนักหยุนอยู่แล้ว
พลั่ก!
หลินซื่อเฉิงโดนแรงสั่นสะเทือนจนปลิวออกไป และร่วงลงบนพื้นอย่างรุนแรง
แต่หลินซื่อเฉิงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
เพราะว่าพลังของหมัดนั้น ใช้พลังของเจ้าสำนักหยุนไปถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ส่วนเจ้าสำนักหยุนก็สะเทือนจนถอยไปด้านหลัง เทคนิคการต่อสู้ที่ผ่านการดัดแปลง จากวิชาสิบแปดท่าต้าเต๋า พลานุภาพห่างชั้นจากเทคนิคการต่อสู้ของโลกบู๊ จนไม่สามารถเทียบได้
“แข็งแกร่งตามคาด!” ดวงตาเจ้าสำนักหยุนเป็นประกาย เขาสนใจเทคนิคการต่อสู้ของหลินซื่อเฉิง ถึงขนาดที่มีสีหน้าละโมภ
“เจ้าบ้านหลิน เอาเทคนิคการต่อสู้ของนายออกมา ฉันจะปล่อยพวกนายไป!” เจ้าสำนักหยุนชี้หลินซื่อเฉิง แล้วพูดด้วยสีหน้าจองหอง
หลินซื่อเฉิงกลับมายืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง เลือดลมในตัวพลุ่งพล่าน
เขามองเจ้าสำนักหยุนอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ฝันไปเถอะ!”
แววตาเจ้าสำนักหยุนฉายแววอาฆาต “งั้นฉันจะฆ่าคนตระกูลหลินต่อหน้านาย ดูสิว่าเทคนิคการต่อสู้ของนายสำคัญ หรือตระกูลหลินสำคัญ!”
หลินซื่อเฉิงยิ้มประหลาด “นายลองดูสิ”
เจ้าสำนักหยุนอึ้งไป แอบคิดในใจว่า “หรือว่าเขายังมีไพ่ใบสุดท้ายอะไรอีก”
แต่ว่าหลังจากเจ้าสำนักหยุน มองพวกหลินหยุน ก็ไม่กังวลอะไรอีก เพราะในวัยรุ่นสามคนนั้น เขาสัมผัสชี่แท้ไม่ได้เลยสักนิด
“หึ เร้นลับซับซ้อน”
“ฉันจะฆ่าสามคนที่นายพามาก่อน ดูสิว่านายจะให้ไหม!”
ขณะที่เจ้าสำนักหยุนจะลงมือ นายท่านกู่ที่นั่งอยู่ตำแหน่งหน้าสุด ส่งเสียงว่า
“ช้าก่อน”
เจ้าสำนักหยุนหันมามองนายท่านกู่ “เจ้าบ้านมีอะไรจะสั่งเหรอครับ”
นายท่านกู่มองหลินซื่อเฉิง แล้วพูดช้าๆ ว่า “เดิมทีตระกูลหลินกับตระกูลกู่ คบกันมาหลายชั่วคน นายทำแบบนี้ไม่ดี”
เจ้าสำนักหยุนพูดว่า “เจ้าบ้าน ขอแค่เจ้าบ้านหลินยอมแบ่งปันเทคนิคการต่อสู้ ผมก็ไม่ฆ่าคนตระกูลหลินแม้แต่คนเดียว!”
“ไม่งั้น ผมจำใจต้องปฏิเสธคำสั่งของเจ้าบ้าน”
สีหน้าของนายท่านกู่อึมครึม “นายรอก่อน ฉันจะเกลี้ยกล่อมเขา”
พูดจบ นายท่านกู่มองหลินซื่อเฉิง “เจ้าบ้านหลิน มีคำคมที่ว่า ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด เทคนิคการต่อสู้เป็นเพียงสิ่งนอกกาย เอามาแลกกับชีวิตทั้งตระกูลหลิน ผมคิดว่ามันไม่เสียหาย”
“สิ่งที่ผมทำได้ มีเพียงเรื่องพวกนี้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้ว”
จู่ๆ หลินซื่อเฉิงเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆๆๆ คุณคิดว่าตระกูลหลินอ่อนแอรังแกได้อย่างนั้นหรือ”
“คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าอาจารย์ผมคือใคร ผมจะบอกให้นะ เขาอยู่ที่นี่”
อะไรนะ!
เจ้าสำนักหยุน นายท่านกู่ รวมไปถึงพวกฉินเห้าเทียน และลูกหลานตระกูลกู่ ต่างพากันมีสีหน้าตกใจ มองไปรอบๆ
แต่ไม่เห็นอาจารย์ที่หลินซื่อเฉิงพูดถึง ขนาดคนที่น่าสงสัยยังไม่มี
เว้นเสียแต่ว่า อาจารย์ของเขา อยู่ในวัยรุ่นสามคนที่เขาเป็นคนพามา
แต่ไม่มีทางเป็นไปได้