จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 929 หมัดเดียวกระจาย
เจ้าสำนักหยุนแสยะยิ้มเย็นชา “เจ้าบ้านหลิน เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่ามาวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน”
“ถ้านายไม่ให้เทคนิคการต่อสู้ อย่ามาว่าฉันใจดำอำมหิตแล้วกัน!”
หลินซื่อเฉิงหัวเราะ “ใครว่าฉันวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน”
“เสี่ยวหยุน ในเมื่อพวกเขาอยากเจอนายขนาดนี้ นายก็ออกมาให้เขาเจอหน่อย!”
จากนั้นสายตาของหลินซื่อเฉิงมองไปยังหลินหยุน เจ้าสำนักหยุน พวกฉินเห้าเทียน นายท่านกู่ รวมไปถึงคนของตระกูลกู่
สายตาของทุกคน ต่างมองไปยังหลินหยุน
“ฮ่าๆๆๆ……”
“ตาเฒ่าตระกูลหลินบ้าไปแล้วหรือเปล่า เขาบอกว่าไอ้หนุ่มนั่นเป็นอาจารย์เขา!” ผู้น้อยในตระกูลกู่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น และหัวเราะด้วยสีหน้าดูหมิ่น
คนวัยกลางคนของตระกูลกู่อีกคนหนึ่ง แสยะยิ้มเย้ยหยัน “เขาไม่ได้บ้า แต่เขาโดนบีบบังคับจนไม่รู้จะทำยังไง”
เจ้าสำนักหยุนแสยะยิ้ม “เจ้าบ้านหลิน นายคิดว่าหาใครมาบอกว่าเป็นอาจารย์ของนาย ก็สามารถทำให้เราตกใจได้เหรอ”
“นายอายุมากขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้!”
“เด็กน้อยอายุยี่สิบต้นๆ อย่างเขา ถึงเริ่มฝึกบู๊ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ตอนนี้สามารถอยู่ในแดนพรสวรรค์ได้ ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะของอัจฉริยะแล้ว”
“แต่ไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์หรอก ถึงเขาเป็นปรมาจารย์ แล้วยังไง ฉันใช้มือเดียวก็สามารถขยี้เขาตายได้!”
หลินหยุนเอามือไพล่หลัง ก้าวมาข้างหน้าสองก้าว ยืนข้างหลินซื่อเฉิง มองเจ้าสำนักหยุนอวดดีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เสียงราบเรียบของหลินหยุนดังขึ้น “ให้ฉันดูหน่อยสิ มือเดียวของนาย จะขยี้ฉันตายยังไง”
พูดจบ หลินหยุนสะบัดฝ่ามือใส่เจ้าสำนักหยุน
ทุกคนมองหลินหยุนอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร ทักทายงั้นเหรอ
แต่ว่าสีหน้าของเจ้าสำนักหยุน เปลี่ยนไปทันที
เหมือนชายหนุ่มคนนั้นโบกมือเล่นๆ แต่กลับมีพลังทำลายล้างมหาศาล
“อ๊าก!”
เจ้าสำนักหยุนพยายามใช้พลังทั้งตัว วางเกราะกำบังไว้ข้างหน้าหนึ่งชั้น
“ไอ้หนุ่ม ฉันไม่ได้คุยโว การป้องกันของฉัน ถึงผู้แข็งแกร่งแดนเทพ โจมตีสุดกำลัง ก็ไม่สามารถทำลายได้”
“ถึงพละกำลังของนายแข็งแกร่งมาก ก็ทำอะไรฉันไม่ได้!”
“งั้นเหรอ” หลินหยุนตอบอย่างราบเรียบ และเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังอีกครั้ง มองเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย
เกราะป้องกันที่เจ้าสำนักหยุนภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก อยู่ต่อหน้าฝ่ามือของหลินหยุน เหมือนกับมีดหั่นเต้าหู้ โดนทำลายจนแตกกระจายทันที
จากนั้นพลังนั่น กระแทกกับหน้าอกของเจ้าสำนักหยุนอย่างแรง
ได้ยินเพียงเสียงกระดูกกรอบแกรบ เจ้าสำนักหยุนปลิวออกไปทันที กระแทกกับกำแพงห้องโถงอย่างแรง และกลิ้งลงมาบนพื้น สลบไปทันที
เหมือนไล่แมลงวันอย่างไรอย่างนั้น แค่สะบัดมือเล่นๆ ปรมาจารย์แดนขั้นสูงสุด เจ้าสำนักหยุนแสนลึกลับ โดนตบจนสลบไปแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
ทุกคนเงียบกริบ!
ทุกคนเบิกตาโต มองร่างบางที่ยืนเอามือไพล่หลังในห้องโถง อย่างไม่อยากเชื่อ
พวกลูกหลานตระกูลกู่ กำลังจะหัวเราะเยาะหลินหยุน ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เกือบตายเพราะคำพูดของตัวเอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนถึงตั้งสติได้
พวกลูกศิษย์สำหนักหยุน มองหลินหยุนอย่างตกตะลึง “นี่เป็นไปได้ยังไง!”
“เจ้าสำนักใกล้เข้าถึงแดนในตำนานแล้ว ทำไมถึงแพ้ให้กับชายหนุ่มเพียงคนเดียว!”
“อย่าบอกนะว่าคนนี้มีเวทมนตร์”
ปรมาจารย์แดนขั้นสูงสุด ในสายตาของพวกเขา เป็นสิ่งที่ไร้เทียมทาน
แต่ตอนนี้กลับโดนชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนอายุเพียงยี่สิบต้นๆ สะบัดมือเล่นๆ ใส่ ก็พ่ายแพ้ แถมยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตายด้วย
นี่ล้มล้างจินตนาการของพวกลูกศิษย์สำนักหยุน
เจ้าบ้านลู๋อุทานด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “นี่เป็นไปได้ยังไง ไอ้หมอนี่แข็งแกร่งกว่าปู่เขางั้นเหรอ!”
ฉินเห้าเทียนหน้าจริงจัง ใบหน้านั่นเคร่งครึมเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เขารู้แล้วว่า ไอ้หมอนี่เอาความกล้าที่ทำร้ายลูกเขา จนใบหน้าปูดบวม มาจากไหนกัน
“ที่แท้เขาไม่ได้พึ่งพาตระกูลหลิน แต่เป็นพละกำลังของตัวเอง”
“ถ้าฉันมีพละกำลังเช่นนี้ ใครจะไม่กล้าสู้บ้าง!”
“ดูเหมือนว่าวันนี้ ถึงเป็นตระกูลกู่ ก็ไม่สามารถทำให้ตระกูลหลินก้มหัวได้!”
“ความเสียเปรียบนี้ เป็นที่แน่นอนแล้ว”
ใบหน้างดงามของหลินโร่สุ่ย เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอเคยเห็นความแข็งแกร่งของหลินหยุน แต่ตอนนี้เห็นหลินหยุนสะบัดมือเล่นๆ ก็สามารถตบคนอวดดีอย่างเจ้าสำนักหยุน จนเหมือนสุนัขตาย หลินโร่สุ่ยตื่นเต้นจนแทบอยากจะกระโดดเหมือนแมวน้อย
“พี่หลินหยุน พี่เท่มาก!” แววตาของสาวน้อยเป็นประกายวิบวับ
หลินซื่อเฉิงก็อึ้งอยู่นาน จากนั้นจึงยิ้มแหยๆ “เดิมทีฉันอยากท้าประลองเสี่ยวหยุน แต่ดูเหมือนฉันจะคิดไปเอง”
“ไอ้หมอนี่ อยากรู้จริงๆ ว่าพละกำลังของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน!”
ทุกคนตกใจกับพละกำลังที่หลินหยุนแสดงออกมาเป็นอย่างมาก
แต่มีเพียงเจ้าบ้านกู่ หลังตกใจเพียงครู่เดียว ก็มีสีหน้าราบเรียบ
“คิดไม่ถึงจริงๆ ตระกูลหลินมีนักบู๊ระดับปรมาจารย์ตั้งสองคน!”
“มิน่าล่ะ ตระกูลหลินถึงไม่เห็นตระกูลกู่ในสายตา เหอะๆ ตระกูลหลินนี่นะ!”
หลินซื่อเฉิงเงยหน้าขึ้น พูดอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง “เจ้าบ้านกู่ ตระกูลหลินเคารพตระกูลกู่มาตลอด แม้ตอนนั้นยู่หลันจะมายกเลิกการแต่งงานที่ตระกูลหลิน ความเคารพที่ตระกูลหลินมีต่อตระกูลกู่ ไม่เคยลดน้อยลงเลยสักนิด”
“แต่ตระกูลกู่อยากใช้อำนาจรังแกตระกูลหลิน ตระกูลหลินไม่มีทางรับได้”
“ลูกชายของฉินเห้าเทียน วางยาลูกหลานตระกูลหลิน ทำเรื่องต่ำทราม หลังจากเรื่องนี้ ยังใช้อำนาจหลอกล่อเพื่อนโร่สุ่ย ให้พวกเขาพูดเท็จ มาหาเรื่องตระกูลหลิน”
“เรื่องนี้ ตระกูลกู่ไม่ถามจริงเท็จ ก็ออกหน้าแทนฉินเห้าเทียน บังคับให้ตระกูลหลินขอโทษ”
“วันนี้ผมหวังว่าตระกูลกู่จะมีคำอธิบายให้ตระกูลหลิน!”
ตอนนี้กลับกลายเป็นหลินซื่อเฉิง ถามหาคำอธิบายจากตระกูลกู่
เหตุผลอะไรกันล่ะ พูดตามตรง ก็เทียบกันว่าหมัดใครใหญ่กว่ากัน
ได้ยินหลินซื่อเฉิงถามหาคำอธิบายจากตระกูลกู่ ลูกหลานตระกูลกู่ มีสีหน้าขุ่นเคือง แต่เมื่อเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของหลินหยุน ที่อยู่ด้านข้าง ทุกคนโกรธ แต่ไม่กล้าพูด
เจ้าบ้านกู่แสยะยิ้มเย็นชาอย่างประหลาด “เหอะๆ เจ้าบ้านหลิน ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของคุณ ดีกว่าหน่อยเดียว ก็ทำให้คุณกลายเป็นไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
“คุณคิดว่าเจ้าสำนักหยุนแพ้ ตระกูลกู่จะปล่อยให้คุณฆ่าแกงงั้นเหรอ”
“คุณดูถูกตระกูลกู่พันปีของผมเกินไปหน่อยแล้ว!”
“วันนี้ผมจะทำให้คุณรู้ ว่าทำไมตระกูลกู่ถึงยืนหยัดไม่ล้มมาเป็นพันปี!”
“ไปเชิญเหล่าจู่ออกเขา!”
ในเงามืดข้างหลังนายท่านกู่ จู่ๆ มีร่างของชายชราปรากฏออกมา ร่างนั้นเหมือนเงา หลบซ่อนอยู่ในเงามืด
นอกจากหลินหยุน ไม่มีใครสังเกตว่าเขาอยู่ที่นี่ ขนาดพวกลูกหลานตระกูลกู่ ยังไม่รู้ว่าเงามืดข้างหลังนายท่านกู่ มีชายแก่ลึกลับยืนอยู่ตลอดเวลา
ฉินเห้าเทียนมีสีหน้าดีใจ “ดูเหมือนตระกูลกู่ยังมีไพ่ใบสุดท้าย!”
เจ้าบ้านลู๋ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ดีจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นตระกูลกู่!”
หลินซื่อเฉิงหน้าเปลี่ยนสี “ตระกูลกู่พันปี สมคำร่ำลือตามคาด!”
“แต่ไม่รู้ว่าเหล่าจู่ตระกูลกู่ เป็นใครกันแน่”
ตระกูลหลินกับตระกูลกู่เป็นมิตรกัน สำหรับผู้อาวุโสตระกูลกู่ หลินซื่อเฉิงรู้ดีอยู่แล้ว
แต่เขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อน ตระกูลกู่ยังมีเหล่าจู่
ความเผด็จการไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนเมฆอึมครึม ปกคลุมทั้งห้องโถงทันที
ทุกคนรู้สึกกดดัน ราวกับหายใจยังลำบาก
เสียงชราดังขึ้นทันที เหมือนฟ้าร้องดังลั่น กังวานในห้องโถง
“ผู้ที่ลบหลู่ตระกูลกู่ ตาย!”