จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 94 โรคมะเร็งในตับ
บทที่ 94 โรคมะเร็งในตับ
“ผลวินิจฉัยของคุณโม่คือ ปากลิ้นมีแผลเปื่อย การขับของเหลวในร่างกายเกิดความไม่สมดุล พร้อมแนบยาบรรเทาอาการร้อนในและยารักษาอักเสบ”
กรรมการท่านหนึ่งอ่าน
“เป็นหวัดร้อน ใบยาที่สั่งคือยาลดอาการหวัด นี่คือผลวินิจฉัยของคุณซู”
สุดท้ายกรรมก็พากันเดินมาที่หลินหยุน
สายตาทุกคนมองไปที่เขา
สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่หลินหยุน
นี่คือคนที่พูดอย่างชัดเจนว่า รับประกันว่าจะชนะแน่นอน
ทุกคนแทบจะกลั้นหายใจ รอฟังผลการวินิจฉัยของหลินหยุนที่กรรมการกำลังจะประกาศ
บรรยากาศทั้งงานต่างก็พากันตื่นเต้นไปตามๆ กัน
กรรมการท่านหนึ่งหยิบผลการวินิจฉัยของหลินหยุนที่วางอยู่บนโต๊ะ ตาเบิกกว้าง จากนั้นก็เงียบไปค่อนข้างนาน
ด้านล่างเวที จางเหยียนและนักเรียนคนอื่นๆ เริ่มพากันเดา “ฉันว่าหลินหยุนไอ้คนไม่ได้เรื่องนั่นอาจจะไม่ได้เขียนผลการวินิจฉัยอะไรเลย”
“ฮ่าๆ พอเอาจริงๆ ไอ้หลินหยุนมันก็ต้องเผยความลับออกมาแล้ว เขาไม่ได้ดูแม้แต่ผู้ป่วย จะเขียนผลการวินิจฉัยออกมาได้ยังไง”
จงเฟยหยู่กลับขมวดคิ้วขึ้นมา เธอไม่เชื่อว่าหลินหยุนจะไม่ได้เขียนผลการวินิจฉัย เพราะเธอมองเห็นสายตาของกรรมการที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ถ้าหากว่าไม่ได้เขียนผลการวินิจฉัย สายตาของกรรมการคนนั้นน่าจะดูถูก แต่นี่กลับตกใจ
หยูหมิงวั่งและโม่หัวถิงทั้งสองฝั่ง ก็พากันมองหลินหยุนด้วยความอยากรู้ ไม่รู้ว่าผลการวินิจฉัยของเขาเขียนว่าอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้กรรมการเกิดความสงสัยขนาดนี้ได้!
“โรคมะเร็งในตับ!”
กรรมการคนนั้นอ่านออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็นำผลการวินิจฉัยของหลินหยุนให้กรรมการคนอื่นๆ ดู
“จริงๆ ด้วย!”
“นี่มันล้อเล่นหรือไง? โรคมะเร็งในตับแม้แต่เครื่องวัดก็ไม่สามารถตรวจออกมาได้ เขามองแค่ผู้ป่วยจากไกล ก็สรุปผลออกมา มันจะเป็นไปได้ยังไง!”
กรรมการหลายคนต่างก็ไม่เชื่อผลการวินิจฉัยของหลินหยุน
“โรคมะเร็งในตับ?” โม่หัวถิงและซูชิงเหยียนพากันมองหน้ากัน สีหน้าของโม่หัวถิงโมโหจนหน้าเขียว กระทืบเท้าอยู่ตรงนั้น
“ไอ้บ้านี่ มันปั้นเรื่องขึ้นมาชัดๆ มันคิดว่าบอกผลวินิจฉัยไปมั่วๆ ก็จะผ่านไปได้งั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
จางเหยียนและนักเรียนคนอื่นๆ พอได้ยินผลการวินิจฉัยนั้นก็พากันชะงักไปสักพัก จากนั้นก็พากันหัวเราะขึ้น
“ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม! หลินหยุนไอ้คนไม่ได้เรื่องนั่นบอกว่าเป็นโรคมะเร็งในตับ? น่าหัวเราะจริงๆ เลย”
จางเหยียนมองไปที่หลินหยุน สีหน้าไม่แยแสพร้อมหัวเราะเยาะ “แม้แต่นักศึกษาฝึกประสบการณ์ที่เพิ่งเรียนจบก็รู้ว่าโรงมะเร็งในตับระยะแรก ยากที่จะพบได้ พอร่างกายเกิดอาการอะไรขึ้นมา ส่วนมากก็มักจะอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว”
“ผู้ป่วยคนนี้ดูท่าก็แค่ป่วยเป็นโรคไม่ร้ายแรงมาก จะเป็นโรคมะเร็งในตับได้ยังไง! หลินหยุนไอ้หมอนี่ พูดมั่วซั่วจริงๆ เลย”
จงหยู่เฟยแอบส่ายหน้าด้วยความดูถูก “หลินหยุน จนถึงตอนนี้นายยังจะอวดดีอีก แต่นายคิดว่าบอกว่าเป็นโรคมะเร็งในตับก็จะหลอกใครต่อใครได้แล้วเหรอ? รอให้ผลการตรวจจากเครื่องมือเฉพาะทางออกมาก่อน คำโกหกของนายก็จะต้องถูกเปิดเผยออกมา ตอนนั้นนายยิ่งจะเสียหน้าไปมากกว่านี้!”
ผู้ป่วยคนนั้นลุกขึ้นมาทันที มองหลินหยุนด้วยความกลัว พร้อมตวาดขึ้นว่า “คุณเป็นหมอเหรอ? อย่ามาพูดมั่วนะ! ผมแค่รู้สึกว่าถ่ายไม่ออกมาหลายวันก็เท่านั้น ถึงได้มาหาหมอ อยู่ดีๆ จะเป็นมะเร็งในตับได้ยังไง?”
ผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าใคร ได้ยินว่าตัวเองเป็นโรคที่ไร้ทางรักษาเช่นนี้ อันดับแรกก็คงไม่อยากจะเชื่อกันทั้งนั้น
หลินหยุนมองไปที่เขา พร้อมพูดด้วยเสียงราบเรียบ “ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไปตรวจได้”
ผู้ป่วยงงงัน พร้อมพูดตอบว่า “งั้นผมของถามหน่อย ว่าดูจากตรงไหนว่าผมเป็นมะเร็งในตับ?”
คำถามนี้ ก็เป็นคำถามที่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต้องการรู้เช่นกัน
ถ้าหลินหยุนสามารถพูดถึงสาเหตุที่สมเหตุสมผลออกมาได้ ถ้าเช่นนั้นเขาอาจจะมีความสามารถอยู่จริงๆ แต่ถ้าเกิดว่าเขาพูดไม่ออก ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่าเขาคุยโวมั่วไปเรื่อย
“ใช่ หลินหยุน นายดูจากไหนถึงตัดสินว่าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในตับ?” จางเหยียนพูดเย้ย เขาคาดว่าหลินหยุนคงแค่พูดมั่วไปก็เท่านั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดของประเทศจีน ในสถานการณ์ที่ไม่ใช้เครื่องมือใดๆ ก็ไม่สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งในตับระยะแรกได้
หลินหยุนมองจางเหยียนด้วยสายตาที่ไม่แสดงอาการใดๆ ใบหน้าเฉยเมย “นายไม่สมควรที่จะรู้”
จางเหยียนโมโหอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้แสดงความโวยวายออกมา แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “นายคงพูดไม่ออกล่ะสิ นายพูดมั่วชัดๆ!”
หลินหยุนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้อธิบายใด มองทุกคนอย่างไม่สนใจ
“งั้นฉันล่ะ ฉันพอจะมีสิทธิ์รู้ไหม?” โม่หัวถิงใบหน้าที่มีอายุนั้นโมโหจนแดงก่ำ ตัวสั่นตะโกนคำรามออกมา
หลินหยุนมองไปที่โม่หัวถิง สีหน้าราบเรียบ ผ่านไปสักพัก ถึงได้ค่อยๆ พูดขึ้นว่า “ที่ผมวินิจฉัยว่าเขาเป็นมะเร็ง เพราะสีหน้าของเขาแดงระเรื่อ แต่กลับมาสีเหลืองเทียนเล็กน้อย”
“จากการหายใจและการเดิน ผมเห็นเขาโค้งตัวพร้อมจับหน้าอกไว้”
“ตามหลักอายุของเขาเท่านี้ ควรจะมีพละกำลังที่เต็มที่ แต่ผมกลับพบว่าพละกำลังในตัวของเขากำลังเสื่อมสภาพลง”
“จากสามจุดนี้ ผมวินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคมะเร็งในตับ”
โม่หัวถิงและซูชิงเหยียนขมวดคิ้วขบคิด พวกหยูหมิงวั่ง พากันถกเถียงด้วยเสียงเบาๆ กรรมการเหล่านั้นต่างก็พากันความสงสัย
“แค่อาศัยสามอย่างนี้ นายก็วินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นโรงมะเร็งในตับเหรอ? บุ่มบามเกินไป ไม่มีความน่าเชื่อถือ!” โม่หัวถิงพูดด้วยความไม่แยแส
เวลานั้นโจวชิงเหออยู่ดีๆ ก็ยืนขึ้นมา พูดไปพิจารณาไปว่า “สีหน้าแดงระเรื่อ แต่กลับมาสีเหลืองเทียนเล็กน้อยคือการสังเกตผู้ป่วย”
“การหายใจและการเดิน เขาโค้งตัวพร้อมจับหน้าอกไว้คือการวิเคราะห์ผู้ป่วย”
“อายุเพิ่มจะ สาม0 วัยที่ควรจะมีพละกำลัง แต่กลับกำลังเสื่อมตัวลง คือการฟังเสียงผู้ป่วย!”
ในการแพทย์แผนจีนมีคำกล่าวเกี่ยวกับพละกำลังภายใน ที่แท้พละกำลังภายในส่วนหนึ่งคือลมปราณ หมายถึงสิ่งนี้นี่เอง!”
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร แต่พยักหน้าให้กับโจวชิงเหอ ชัดเจนว่า เขาตอบถูกแล้ว
กรรมการหลายคนกระซิบกระซาบสักพัก หนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นว่า “ถึงสิ่งที่คุณหลินพูดจะพอผ่านเข้าใจได้ แต่ก็ไม่สามารถเป็นหลักฐานได้ว่านี่คือโรคมะเร็งในตับ ผมเสนอว่าให้ผู้ป่วยทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ถ้าหากว่าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในตับระยะแรกนี้จริงๆ ถึงจะสามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่คุณหลินพูดนั้นถูกต้อง”
ชายวัยกลางคนคนนั้นได้ยินสิ่งที่เหล่าแพทย์พวกนั้นวินิจฉัยโรคของตัวเองก็รู้สึกไม่นิ่งนอนใจนัก อารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ ไปตามคำพูด ในใจเริ่มไม่มีความเชื่อมั่นอยู่ เขามองออกว่าแพทย์พวกนี้กำลังเอาเขาเป็นหนูทดลอง
เมื่อเวลานี้ได้ยินว่าตัวเองตัวเองไปตรวจอย่างละเอียด ชายวัยกลางคนคนนี้ก็คิดว่าแพทย์เหล่านี้กำลังหลอกเอาเงินตัวเองอยู่ และเขาเองก็ไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นโรงมะเร็งในตับ
“พวกคุณเป็นหมอก็ชอบพูดมั่วไปหมด สองเดือนก่อนผมเพิ่งจะไปตรวจร่างกายมา จะเป็นโรงมะเร็งในตับได้ยัง? ผมไม่ตรวจแล้ว!”
พอพูดจบ ก็ลุกขึ้นจะเดินหนีไป
โจวชิงเหอรีบตะโกนบอก “เดี๋ยวก่อน!”
“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณไปตรวจได้เลย ค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมจะเป็นคนจัดการเอง ถ้าหากว่าตรวจเจอะไรที่มันไม่ดี ยิ่งพบเร็วก็ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ ถ้าช้าไป จะมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้วนะครับ!”
ชายวัยกลางคนเริ่มลังเล
เขาไม่อยากตรวจ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็เพราะว่า แพทย์พวกนี้ให้เขาตรวจอีกรอบเพราะอยากให้เขาเสียเงิน จากนั้นพวกเขาก็จะได้เงินเปอร์เซ็นต์ไป
แต่ว่า ในเมื่อมีคนที่ยินดีออกค่าใช้จ่ายให้เขาได้ตรวจฟรี ถ้าเช่นนั้นเขาเองก็ยินดี
“คุณพูดจริงๆ เหรอ? ไม่ได้ คุณต้องเอาเงินมาก่อน!” ชายวัยกลางคนกังวลว่าถ้าเกิดเขาตรวจเสร็จ โจวชิงเหอหนีไปเขาจะทำยังไง?
โจวชิงเหอหยิบมือถือออกมา พร้อมพูดว่า “ตอนนี้ผมจะโอนเงินให้คุณไปเลยหนึ่งหมื่นหยวน คุณไปตรวจให้สบายใจ ที่เหลือคุณค่อยคืนให้ผมก็พอ คุณโอเคไหม?”
“ได้!” เขาตอบตกลง เงินหนึ่งหมื่นพอให้เขาไปตรวจทั้งร่างกายแล้ว
จากนั้นเขาก็ถูกนำตัวไปตรวจ กรรมการคนหนึ่งเดินออกมาพูดว่า “ผลการตรวจอันนี้เกรงว่าคงต้องได้รอสักพัก เรามาเริ่มการแข่งขันต่อไปกันดีกว่าไหม?”
ฉินเสว่หมิงตอบด้วยเสียงดังว่า “ผมเห็นด้วย”
โม่หัวถิงเองก็พยักหน้า พร้อมพูดว่า “ผมก็เห็นด้วย”
“โอเค งั้นเชิญผู้ป่วยคนต่อไป!” กรรมการคนดังกล่าวตะโกนบอก