จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 943 พรสวรรค์ของคาร์นอตวิลเลียม
“ไป!”
หญิงสาวชุดขาวทั้งสองคนต่างก็มองหน้ากันและกัน แล้วก็กระโดดหนีไปทันที
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากที่ไม่จำเป็นตามมาภายหลัง หลินหยุนจะไม่ยอมให้ทั้งสองคนนั้นกลับไปแจ้งข่าวได้
ก้าวเท้าออกไปเพียงก้าวเดียว ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเธอทั้งสองทันที
หญิงสาวทั้งสองต่างก็ตกใจ หนึ่งในนั้นพูดด้วยเสียงสั่นว่า “เป็นไปได้ยังไง!”
“แยกกันหนีเร็ว!”
หญิงสาวทั้งสองตอบโต้ได้ว่องไวมาก แต่เสียดายที่ว่าคนที่พวกเธอเจอนั้นคือหลินหยุน
มีพลังกดดันมหึมาราวกับภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง ทำให้พวกเธอไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
“พวกแกอยู่สำนักอะไร?” หลินหยุนถามอย่างเรียบ ๆ
หญิงสาวทั้งสองถึงแม้สีหน้าตื่นตกใจ แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา
หลินหยุนยกมือขึ้นเบาๆ หญิงสาวหนึ่งในนั้นก็ล้มลงไปกับพื้นทันที
“โอ๊ย!”
หญิงสาวอีกคนหนึ่งก็ตกใจจนหน้าขาวซีด มองดูหลินหยุนด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“จะพูดหรือไม่พูด?” หลินหยุนมองดูเธอด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งจนน่ากลัว
“ไม่พูดก็ตาย พูดแล้วก็ยิ่งต้องตายอย่างอนาถ แกฆ่าฉันดีกว่า!” หญิงสาวเงยหน้าขึ้น หลับตาอย่างสิ้นหวัง
“งั้นก็สมใจตามปรารถนาแล้วกัน” หลินหยุนพูดจบก็หันหลังเดินต่อไปข้างหน้า หญิงสาวคนนั้นก็ล้มลงกับพื้นเช่นเดียวกับเพื่อนของเธอ
ตอนนี้ การสังหารนักบู๊ระดับต่ำพวกนี้ หลินหยุนไม่จำเป็นต้องลงมือเองเลย เพียงแค่ใช้ชี่ทิพย์ที่แข็งแกร่ง ก็สามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอยแล้ว
เดินต่อไปข้างหน้า หลินหยุนก็ได้ผ่านด่านตรวจไปหลายด่านแล้ว พละกำลังของคนที่เฝ้าเวรยามพวกนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ว่า ถึงแม้จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ก็เพียงแค่แดนปรมาจารย์ระดับเล็กเท่านั้นเอง
พวกนี้ไม่มีทางที่จะสกัดกั้นหลินหยุนไว้ได้เลย
หลังจากนั้นก็แอบสังหารคนที่เฝ้าเวรยามทั้งหลายพวกนั้น โดยไม่มีใครรู้เลย
ในที่สุดหลินหยุนก็มาถึงยอดเขาเทพจันทราแล้ว
ท้องฟ้าที่มืดมิด บนยอดเขาเทพจันทราที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบนั้น ถึงกับมีทะเลสาบที่ใสราวกับกระจกบานหนึ่ง
ทะเลสาบแห่งนี้ มีรูปทรงที่กลมมาก กลมเหมือนพระจันทร์เต็มดวง
ด้วยสายตาของหลินหยุน ยังสามารถมองเห็นไอน้ำที่ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำอีกด้วย
อีกทั้งหลินหยุนรับรู้ได้ถึงทะเลสาบนี้ได้ส่งกลิ่นอายที่เขาเคยคุ้นเคยมานานออกมา
แต่ว่า กลิ่นอายนี้เบาบางมากเกินไปจนไม่สามารถติดตามได้ หลินหยุนหลับตาลงคิดจะพยายามไปดักจับ แต่กลับไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย
บริเวณรอบๆทะเลสาบนั้น หลินหยุนก็ได้เห็นคนชุดขาวจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหญิงสาวทั้งนั้น
ตามที่หลินหยุนรับรู้ได้ พละกำลังของคนพวกนี้ แข็งแกร่งกว่าคนที่เฝ้าเวรยามที่เชิงเขาพวกนั้นมากทีเดียว
การสั่นไหวของชี่ทิพย์ที่แข็งแรงส่วนหนึ่งเท่าที่หลินหยุนสัมผัสได้นั้น น่าจะเป็นนักบู๊ระดับปรมาจารย์ชั้นสูงสุดแล้ว
สายลมโชยมา พัดผ่านผิวหน้าทะเลสาบไป
ท่ามกลางความมืดมิดนั้น จู่ๆก็มีเงามืดราวกับสีหมึกดำเพิ่มขึ้นมา
อีกทั้งนั่นยังเป็นเงามืดดำที่เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
เมื่อเห็นเงามืดดำนั้น สีหน้าหลินหยุนก็ค่อยๆผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เงาร่างนั้นก็หายแวบไป หลินหยุนก็วิ่งตามเงามืดดำที่อยู่ตรงข้ามทะเลสาบนั้นไปด้วยความรีบเร่ง
เงามืดดำนั้นก็หยุดอยู่ตรงชายฝั่งทะเลสาบนั้น จากนั้นก็มีเงาร่างสีดำคนหนึ่งเดินออกมาจากความมืดมิด
“เทพสว่างที่สมควรตาย คนพวกนี้จะมาทำอะไรที่นี่กันแน่? ตั้งหลายวันแล้วยังไม่ไปอีก!”
ทันใดนั้น เขาก็หันไปมองข้างหลังทันที
การตอบโต้ของร่างกายนั้น ราวกับแมวที่ถูกเหยียบหางตัวหนึ่ง กระโดดเด้งขึ้นมาทีเดียว
“ใคร?” เขาตะคอกเสียงเบาไปยังตำแหน่งเดิมที่ยืนอยู่
“ฉันเอง”
เงาร่างของหลินหยุน ราวกับเดินแหวกออกมาจากกลางอากาศ
“ตกใจหมดเลย ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง!” สีหน้าของคาร์นอตวิลเลียมก็ผ่อนคลายลง
“คุณตามมาถึงที่นี่ได้ยังไง?” คาร์นอตวิลเลียมสำรวจหลินหยุนอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
หลินหยุนพูดว่า “คุณตามฉันมาก่อน ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
คาร์นอตวิลเลียมมองไปยังหลินหยุนอย่างเซอร์ไพรส์เล็กน้อย “คุณถึงกับต้องการความช่วยเหลือจากฉันเลยเหรอ?”
“ผิดเพี้ยนอะไรหรือเปล่า?”
หลินหยุนไม่ได้สนใจท่าทางที่โอเว่อร์ของเขา แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า: “ฉันอยากอาศัยพรสวรรค์ของเผ่าโลหิตพวกนาย เพื่อตามหาคนคนหนึ่ง”
คาร์นอตวิลเลียมรีบถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าอันหล่อเหลาแสดงสีหน้าที่ระแวดระวังออกมา
“ไม่มีทาง! ฉันปฏิเสธที่จะช่วยคุณ!”
“ในเมื่อคุณรู้ว่าฉันมีพรสวรรค์ในการตามหาคนได้ งั้นก็ต้องรู้ว่าถ้าใช้พรสวรรค์พวกนั้นไปแล้ว พวกเราก็จะต้องแลกกับอะไรบ้างเพื่อชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น!”
“ฉันเคยใช้พรสวรรค์ไปครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าจะใช้อีกครั้ง สิ่งที่ต้องชดใช้ก็จะต้องมากขึ้นกว่าเดิมอีกมากเลย”
“ดังนั้น ฉันจึงขอปฏิเสธ”
หลินหยุนสีหน้ายังคงเรียบเฉย “คนที่ฉันจะให้คุณตามหาคืออีหลิง”
“หาใครก็ไม่…….” คาร์นอตวิลเลียมยังไม่ทันพูดคำว่า “ได้” ออกมาเลย
ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป “คุณบอกว่าใครนะ? ตามหาอีหลิงเหรอ? อีกหลิงเป็นอะไรไป?”
หลินหยุนพูดว่า “เธอถูกคนจับตัวไป ไม่เหลือเบาะแสอะไรให้ตามหาเลย ฉันจึงได้แต่ตามหาคุณ”
คาร์นอตวิลเลียมไม่พูดอะไรอีก หันหลังแล้วก็เดินไป
เดินไปได้สองก้าว ก็หันกลับไปมองหลินหยุนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม แล้วพูดว่า “รีบกลับไปสิ ยังยืนบื้ออยู่ทำไม!”
เมื่อเห็นท่าทางของคาร์นอตวิลเลียมที่ตื่นเต้นกับเรื่องของอีหลิงเช่นนี้ หลินหยุนก็หัวเราะแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณเพิ่งปฏิเสธฉันไปไม่ใช่เหรอ?”
คาร์นอตวิลเลียมทำตาค้อนใส่ “ถ้าเป็นคนอื่นฉันต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่ว่าอีหลิงเป็นนางฟ้าในดวงใจของฉัน”
“ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตที่อมตะของฉันไปก็ตาม”
หลินหยุนเข้าใจดีว่า คำพูดของคาร์นอตวิลเลียมนี้ พูดออกจากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะว่าตอนที่เขาพูดคำพูดนี้ออกมานั้น ยังจริงใจกว่าความจริงใจของสาวกบ้าคลั่งที่มีต่อเทพสว่างเสียอีก
“ผีดูดเลือดที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดอย่างคุณ สิ่งที่เกลียดที่สุดควรจะเป็นพวกมนุษย์ที่มีปีกพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?”
คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยสีหน้ารำคาญว่า “เป็นการเปรียบเปรย ฉันเพียงแต่พูดเปรียบเปรย เข้าใจมั้ย?”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดอีกแล้ว รีบลงเขาไปช่วยอีหลิงกัน ถ้าเกิดอะไรกับอีหลิงละก็ ฉันคงไม่ให้อภัยตัวเองตลอดไป”
“ฉันควรจะอยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา ไม่ควรมาที่นี่หา……”
หลินหยุนมองหน้าเขา แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “หาอะไรหรอ?”
“ไม่มีอะไร รีบลงเขาไปเถอะ อย่าให้คนของวังเทพหิมะรู้ตัว” คาร์นอตวิลเลียมพูดจบ ก็กลายร่างเป็นเงามืดดำอีกครั้ง แล้วรีบเดินลงไปเชิงเขาอย่างเงียบๆ
หลินหยุนก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ค่อยๆเดินตามหลังไป
ด่านตรวจหลายแห่งถูกหลินหยุนจัดการเรียบร้อยไปแล้ว ตอนลงจากเขาจึงสะดวกกว่าตอนนี้ที่ขึ้นเขามา
ทั้งสองคนก็เดินลงมาถึงเชิงเขา คาร์นอตวิลเลียมจึงหยุดลง
“คงจะเป็นที่นี่แหละ!” คาร์นอตวิลเลียมพูด
หลินหยุนก็หยุดอยู่ตรงข้างหลัง แล้วมองดูเขา แล้วถามอย่างเรียบๆว่า “คุณมาที่นี่หาอะไรเหรอ?”
คาร์นอตวิลเลียมหันหน้ามองหลินหยุน หลินหยุนก็จ้องหน้าเขาอย่างสงบนิ่ง ทั้งสองคนต่างจ้องหน้ากันนานราวสิบวินาที
สุดท้ายแล้ว คาร์นอตวิลเลียมก็ถอนหายใจเฮือก แล้วพูดว่า “ก็ได้ ฉันบอกคุณก็ได้”
“ฉันมาที่นี่ ก็เพื่อมาตามหาประกาศิตของเทพธิดาแห่งชีวิตที่ได้ทิ้งไว้ให้”
“ประกาศิตของเทพธิดาแห่งชีวิตเหรอ?” ในใจหลินหยุนรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย เขานึกขึ้นมาทันทีว่า กลิ่นอายที่คุ้นเคยมานานที่เขาได้สัมผัสจากบนยอดเขาเทพจันทราเมื่อครู่นั้น มาจากไหนกันแน่
นั่นก็คือกลิ่นอายของเย่เยว่ ถูกต้อง มันคือกลิ่นอายของเย่เยว่ นั่นคือกลิ่นอายเฉพาะของ‘วิชามหากรุณาสร้างสรรพสิ่ง’ที่เย่เยว่ฝึกฝนบำเพ็ญอยู่นั่นเอง
เช่นนี้แล้ว เทพธิดาแห่งชีวิตก็คือเทพจันทราจริงๆด้วย
ต่อให้ไม่ใช่ ทั้งสองก็จะต้องเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดแน่นอน
ส่วนชื่อของเขาเทพจันทรานั้น ก็ไม่ใช่ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เป็นไปได้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทพจันทราก็ได้
แต่ว่า เทพจันทราจะเป็นเย่เยว่หรือไม่นั้น หลินหยุนยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ให้แน่ชัดได้
นี่จะต้องสืบดูให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน จึงจะหาคำตอบได้
แต่ว่าตอนนี้หลินหยุนไม่มีเวลาที่จะไปสืบหาความจริงของเขาเทพจันทราแล้ว จำเป็นจะต้องไปตามหาอีหลีนให้พบก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ไม่ต้องให้หลินหยุนเตือนสติเลย คาร์นอตวิลเลียมดูเหมือนจะรีบร้อนกว่าเขาเสียอีก ร่างกายของเขาเปล่งประกายแสงสีแดงที่แปลกประหลาดออกมา เมื่อมองผ่านท่ามกลางความมืดมิดนั้นดูเหมือนเป็นแสงสีม่วงจางๆที่สลัวๆ
นี่คือพรสวรรค์เฉพาะตัวของเผ่าโลหิต ตอนที่หลินหยุนได้ท่องเที่ยวไปทั่วอวกาศนั้น ก็เคยพบเห็นผู้กล้าของเผ่าโลหิต ที่เคยแสดงพรสวรรค์เช่นนี้ออกมาเช่นกัน
แต่ว่าทำเช่นนี้จะต้องชดใช้ด้วยการเผาผลาญชีวิตเป็นการทดแทน
ถึงแม้ว่าชีวิตของเผ่าโลหิตจะยืนยาวกว่ามนุษย์ก็จริง แต่ว่าถ้าไม่ใช่เป็นเพราะคาร์นอตวิลเลียมชอบอีหลิงเป็นพิเศษละก็ จะต้องไม่ยอมเสียสละชีวิตเช่นนี้อย่างแน่นอน