จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 95 ยอมแพ้เอง
บทที่ 95 ยอมแพ้เอง
ผู้ป่วยคนต่อไปคือพนักงานบริษัทอายุ 28 ปี มาโรงพยาบาลหาหมอก็ยังเอากระเป๋าเอกสารสีดำมาด้วย ดูๆ แล้วน่าจะเป็นผู้ที่บ้าคลั่งเรื่องงาน
ผู้ป่วยคนนี้ท่าทางนิ่งกว่าผู้ป่วยคนแรกมาก นั่งอยู่บนที่นั่ง เผชิญหน้ากับคนหลายคนขนาดนั้นก็ยังมีสีหน้าที่นิ่งสงบได้
หยูหมิงวั่งและโม่หัวถิงทั้งสองฝั่งต่างก็เดินไปดูอาการผู้ป่วย หลินหยุนยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับไปไหนเช่นเดิม
เมื่อทุกคนเขียนผลการวินิจฉัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรรมการจึงได้ทำการดูผลของแต่ละคน
“ผลวินิจฉัยของคุณหยูคือ ร้อนใน อุจจาระไม่สะดวก ยาที่สั่งให้คือยาปรับสมดุลลำไส้และกระเพาะอาหาร”
“ผลการวินิจฉัยของคุณโหวก็คืออาการร้อนใน อุจจาระไม่สะดวกเช่นกัน ยาที่สั่งก็คือใช้ยาปรับสมดุลลำไส้และกระเพาะอาหารเป็นหลัก พร้อมทั้งกำชับผู้ป่วยว่าต่อไปให้ลดการนอนดึก จัดเวลาการทำงานและการพักผ่อน รวมถึงการกินให้เป็นระบบ”
“ผลวินิจฉัยของคุณเจี่ยงก็มีความคล้ายคลึงกัน ยาที่สั่งก็คือใช้ยาปรับสมดุลลำไส้และกระเพาะอาหารเป็นหลัก”
หลังจากดูผลวินิจฉัยและการสั่งยาของฝั่งฉินโจวแล้ว จากนั้น เหล่ากรรมการก็ไปดูทางฝั่งของหลินโจว
“ผลวินิจฉัยของคุณโม่คือม้ามและกระเพาะอาหารขาดสมดุล ยาที่สั่งก็คือใช้ยาปรับสมดุลลำไส้และกระเพาะอาหารเป็นหลัก”
“ผลวินิจฉัยของคุณซูคือลำไส้และกระเพาะอักเสบ ยาที่สั่งก็คือใช้ยาปรับสมดุลลำไส้และกระเพาะอาหารเป็นหลัก”
“ผลวินิจฉัยของคุณหลินคืออาการร้อนใน การอุจจาระไม่สะดวก วิธีการรักษาคือการปรับสมดุลของลำไส้และกระเพาะเป็นหลัก แต่กลับใช้ยาระบายร่วมด้วย!”
“แพทย์ที่ไร้ฝีมือในการรักษา! ยาระบายก็ใช้มั่วได้เหรอ?”
แต่ว่า โม่หัวถิงกับซูชิงเหยียน รวมถึงฝั่งฉินโจวทั้งสามคน กลับไม่ได้พูดอะไรถากถางอะไรหลินหยุน แต่เหมือนกำลังไตร่ตรองอะไรสักอย่าง
ครั้งนี้ ผลการวินิจฉัยของทุกคนคล้ายกันมาก วิธีการรักษาก็มีความเหมือนกันจนผิดปกติ มีเพียงวิธีรักษาของหลินหยุนที่มีความแตกต่างจากคนอื่น
เพราะฉะนั้น รอบนี้ ถ้าไม่ใช่หลินหยุนแก้ คนอื่นชนะ ก็คือคนอื่นชนะ หลินหยุนแพ้
“ตอนนี้ให้ผู้ป่วยพูดถึงอาการของตัวเองเลยครับ!” กรรมการท่านหนึ่งพูด
ผู้ป่วยพูดว่า “คุณหมอทุกคนพูดถูกครับ ผมรู้สึกว่าช่วงนี้ถ่ายยาก ท้องผูกเล็กน้อย มันกระทบกับการใช้ชีวิตและการทำงานของผมแล้ว เพราะฉะนั้นผมเลยมาหาหมอครับ”
กรรมการปรึกษากันสักพัก จากนั้นก็พูดว่า “ครั้งนี้ผลการวินิจฉัยดีโดยภาพรวมแล้วเหมือนกัน แต่วิธีการรักษา คุณหลินมีความแตกต่างจากคนอื่น วิธีการรักษาของคนอื่นต่างก็ใช้วิธีการบำรุงร่างกายเป็นหลัก เมื่อประสิทธิภาพของลำไส้และกระเพาะอาหารกลับมาดีขึ้นแล้ว ถ้าเช่นนั้นการขับถ่ายก็จะกลับเข้ามาสู่สภาวะปกติ”
“แต่ว่าวิธีการรักษาของคุณหลิน กลับเพิ่มการใช้วิธีกินยาระบายเป็นตัวเสริม ถ้าแบบนี้สามารถทำให้อาการป่วยของผู้ป่วยรับการปรับสภาพให้ดีขึ้น แต่ผลข้างเคียงก็ค่อนข้างมากเช่นกัน”
“วิธีนี้จะบอกว่าไม่ดีก็ไม่ใช่ ต่างก็มีข้อดีเป็นของตัวเอง”
“จากการที่เราปรึกษาหารือกัน รอบนี้ถือว่าเสมอ!”
“ทั้งสองฝั่งมีความเห็นที่แตกต่างไหม?”
หยูหมิงวั่งตอบ “ไม่มีครับ”
โม่หัวถิงก็ตอบว่า “ไม่มีครับ”
“โอเค งั้นเริ่มรอบที่ สาม” กรรมการกล่าว
ผู้ป่วยคนที่สองถูกส่งกลับไป ผู้ป่วยคนที่ สาม ถูกเชิญขึ้นมา
เป็นผู้หญิงที่อุ้มลูกขึ้นมาด้วย ลูกอายุประมาณหนึ่งขวบกว่า กำลังร้องไห้เสียงดังอยู่ในอ้อมกอดแม่
กรรมการประกาศขึ้นว่า “ผู้ป่วยคือเด็กคนนี้หนึ่งขวบ สาม เดือน ทุกคนเร่มได้เลย!”
ยังคงเริ่มต้นจากหยูหมิงวั่ง
รอจนกระทั่งฝั่งฉินโจวทั้งสามคนดูอาการป่วยของเด็กเสร็จ ฝั่งหลินโจวทั้งสามคนก็เริ่มทำการวินิจฉัย
ครั้งนี้ หลินหยุนยืนขึ้นเป็นคนแรก โม่หัวถิงและซูชิงเหยียนชะงักไปสักพัก
ก่อนหน้านี้สองรอบ หลินหยุนเอาแต่นั่งอยู่ในที่ตัวเอง ไม่ยอมเดินไป ทำไมครั้งนี้ถึงได้ยอมลุกไปเอง
แต่หลังจากที่ผ่านการแข่งขันรอบที่สองมา โม่หัวถิงและซูชิงเหยียนรู้สึกว่าหลินหยุนพอที่จะมีความสามารถอยู่ในตัว โดยเฉพาะการที่หลินหยุนนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็สามารถรู้ได้ถึงอาการป่วยของผู้ป่วย
เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงนั่งอยู่ในเก้าอี้ตามเดิมด้วยความประหลาดใจ มองดูหลินหยุนตรวจอย่างเงียบๆ
หลินหยุนมองไปที่เด็กคนนั้นแวบเดียวก็เริ่มทำการนวดไปตามตำแหน่งต่างๆ บนร่างกายตามจังหวะ
ที่แปลกก็คือ พอหลินหยุนนวดไปสักพัก เด็กคนนั้นก็ไม่ร้องไห้แล้ว แถมยังหัวเราะคิกคักให้กับเขาอีกด้วย
“เด็กคนนี้ไม่ได้ป่วยหนักอะไร แค่อาหารไม่ย่อยปกติเท่านั้น กลับไปคุณแค่นวดตามจุดต่าง ๆ เมื่อกี้ก็พอ ทุกวันวันละ 10 ครั้ง ทำแบบนี้ไปครึ่งเดือนก็พอแล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นดีใจมาก “ขอบคุณคุณหมอค่ะ คุณเป็นหมอเทพจริงๆ!”
ฝั่งหยู่หมิงวั่งทั้งสามคนที่กำลังเขียนผลการวินิจฉัยอยู่ อยู่ดีๆ ก็พากันหยุดเขียน พร้อมมองไปที่หลินหยุนพร้อมไตร่ตรองอะไรสักอย่าง!
หลินหยุนกลับมายังที่นั่งของตนเอง ซูชิงเหยียนหันไปพูดกับโม่หัวถิง “ท่านโม่ คุณก่อนเลยครับ!”
“ได้!” โม่หัวถิงลุกขึ้นยืน เตรียมเดินไป
เวลานี้ ทันใดนั้นหยูหมิงวั่งก็ยืนขึ้น ถอนหายใจยาว “ไม่ต้องแข่งแล้ว รอบนี้เราแพ้แล้ว!”
คนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างต่างพากันงงงวย หันมองไปที่หนูหมิงวั่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
มีเพียงผู้ที่เป็นกรรมการ ที่มองไปยังหยูหมิงวั่งและพยักหน้าให้เขา “คุณหยูเป็นคนใจกว้างจริงๆ ครับ!”
หลีซูคนของฝั่งฉินโจถามด้วยความไม่เข้าใจ “ผู้อำนวยการฉิน ทำไมอยู่ดีๆ ศาสตราจารย์หยูยอมแพ้? กรรมการยังไม่ประกาศผลเหรอ?”
ฉินเสว่หมิงมองหลินหยุนที่ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็ถอนหายใจ “รอบที่สองหมอนั่นไม่ได้ลุกจากที่นั่ง ก็วินิจฉัยได้ว่าผู้ป่วยป่วยเป็นอะไร พร้อมทั้งสั่งยาที่ค่อนข้างรุนแรงอย่างยาระบาย ตอนนั้น เราก็แพ้แล้ว”
เหยียนโล่ตันที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามด้วยเสียงเบา “ผู้อำนวยการฉินคะ ฉันไม่ค่อยเข้าใจ!”
ฉินเสว่หมิงยิ้มให้เหยียนโล่ตัน ถึงแม้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นอัจฉริยะในอนาคตของฉินโจว แต่เมื่อเทียบกับหยูหมิงวั่งและแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ เธอยังเทียบไปได้
“ถ้าหากดูแค่การแข่งรอบที่สองฉันเองก็ดูไม่ออกเหมือนกัน แต่พอมองรวมกับรอบที่ สาม ฉันถึงเข้าใจว่าความสามารถในการแพทย์ของเขามากขนาดที่สามารถรักษาโดยใส่ใจในรายละเอียดของคนไข้แต่ละคนที่ต่างกันได้ เราแพ้ก็แพ้อย่างสมได้ศักดิ์ศรี!”
หลีซูขมวดคิ้วถาม “รักษาโดยใส่ใจในรายละเอียดของคนไข้แต่ละคนที่ต่างกันคืออะไรเหรอครับ? ถ้ารักษาสั่งยาโดยไม่ดูจากอาการคนไข้ หรือว่าจะต้องดูจากคนเหรอครับ? นี่มันล้อเล่นหรือไง?”
ฉินเสว่หมิงตอบไปว่า “ตอนที่แข่งรอบที่สองผู้ป่วยคนนั้นยังวัยรุ่นอยู่เลย เรียกได้ว่ามีภาระทางครอบครัวหลายด้าน การรักษาของทุกคนคือการบำรุงรักษาลำไส้และกระเพาะเป็นหลัก แต่การที่จะบำรุงรักษาลำไส้และกระเพาะได้นั้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อย สาม วัน”
“แต่ว่า หมอนั่น กลับใช้วิธีการบำรุงรักษาลำไส้และกระเพาะเป็นหลัก ประกอบกับการใช้ยาระบายช่วย แบบนี้จะทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น ไม่รบกวนการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้ป่วย”
“แต่ว่า พอถึงรอบที่ สาม ผู้ป่วยเปลี่ยนเป็นเด็กอายุหนึ่งขวบกว่า เข้ากลับใช้แค่วิธีการนวดของการแพทย์แผนจีน ทำให้เด็กๆ ค่อยๆ หายดี วิธีการนวดเป็นวิธีการรักษาที่ช้าที่สุด เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงใช้วิธีนี้?” ฉินเสว่หมิงกถามกลับหลี่ซูและคนอื่นๆ
เหยียนโล่ตันตอบว่า “เพราะว่าเด็กเป็นดวงใจของพ่อแม่ การกินยามีความเสี่ยง ถึงแม้ว่าใช้วิธีการนวดจะรักษาได้ช้า แต่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ มีประโยชน์ที่สุดสำหรับเด็กที่อวัยวะในร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่”
ฉินเสว่หมิงพยักหน้า พร้อมพูดว่า “ในรอบสองเขาใช้ยาระบายเพื่อให้วัยรุ่นคนนั้นได้ถ่ายอุจจาระได้เป็นปกติ ถึงจะมีผลข้างเคียง แต่ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน เพราะว่ายังไงทั้งครอบครัวต้องพึ่งเขาหารายได้”
“ตอนรอบที่ สาม ใช้วิธีการนวดกับเด็กคนนั้น ถึงการรักษาจะได้ผลช้า แต่จะไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ เลย และยังมีผลดีต่อการเจริญเติบโตต่อไปของตัวเด็กอีกด้วย ทำให้พ่อแม่ของเด็กวางใจ”
“หยูหมิงวั่งพวกเขามองจุดนี้ออก ถึงได้ขอยอมแพ้ด้วยตนเอง”
หลี่ซูและนักเรียนคนอื่นๆ พยักหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความศรัทธา “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง! ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่าความสามารถทางการแพทย์ของเขาสูงมากจริงๆ!”
“แต่ว่า ต่อให้ความสามารถทางการแพทย์ของเขาสูงขนาดไหน ก็ไม่น่าจะวินิจฉัยได้แม้กระทั่งโรคมะเร็งในตับระยะแรกหรอกมั้ง?”
ฉินเสว่หมิงส่ายหน้า “เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ ตอนแรกฉันเองก็คิดว่าเด็กคนนี้โอ้อวดเกินไป แต่สิ่งที่เขาแสดงออกในการแข่งรอบที่สองและ สาม ทำให้คนมองเขาเปลี่ยนไปจริงๆ”