จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 951 ตระกูลหงท้ารบ
หวางจิงหลงเอ่ยพูด : “ผู้อาวุโสหงไม่ต้องเกรงใจหรอก ช่วยคุณ ก็เท่ากับช่วยตัวผมเอง”
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสหงจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่?”
หงซิงกั๋วครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า : “เดิมทีผมไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียว ฉันต้องการเอาเลือดของไอ้เวรนั่น มาบูชาหลานชายผมที่ตายไป”
“แต่ว่า ไอ้หมอนั่นมันไม่ธรรมดา ผมจำเป็นต้องไปวางแผนให้รอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะฆ่ามันได้แน่นอน”
“แต่ช้าสุดก็ภายในสามวันนี่แหละ ไม่ว่าจะเตรียมการเป็นยังไง ผมก็จะเริ่มดำเนินการทันที ถึงเวลานั้น ผมหวังว่าผู้นำตระกูลทุกท่านจะมาร่วมเป็นสักขีพยาน”
หวางจิงหลงเอ่ย : “ผู้อาวุโสหงวางใจเถอะ ต่อให้คุณไม่เชิญ พวกเราก็จะไปอยู่แล้ว”
จ้าวโม่เย้นผู้นำตระกูลจ้าวเอ่ยพูด : “ผู้อาวุโสหงวางใจเถอะ พวกเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้หมอนั่นมันเก่งกาจสักแค่ไหน ศึกครั้งนี้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็น่าจะหาไพ่ตายของไอ้หมอนั่นได้”
“ต่อให้ครั้งนี้คุณพ่ายแพ้ พวกเราก็ไม่ปล่อยไอ้หมอนั่นไปหรอก”
หงซิงกั๋วทำมือคารวะผู้นำทั้งสี่คน : “เมื่อเป็นเช่นนี้ กระผมขอขอบคุณท่านทั้งสี่เป็นอย่างมาก!”
“ขอตัวลาก่อนครับ!”
“ไม่ไปส่งนะ!”
หลังจากที่หงซิงกั๋วกลับไป จ้าวโม่เย้นได้มองไปที่หวางจิงหลง แล้วเอ่ยถาม : “ผู้นำตระกูลหวาง คุณคิดว่าครั้งนี้จะมั่นใจตระกูลหงได้สักแค่ไหน?”
หวางจิงหลงส่ายหน้า : “ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าหากตระกูลหงมีแค่ให้เจียงร่อโจ๋ออกหน้า ผมคิดว่าไม่มีทางชนะได้เลย”
จ้าวโม่เย้นขมวดคิ้ว : “ผมคิดว่าหงซิงกั๋วไม่ใช่คนประมาท ต่อให้แค้นจนหน้ามืดตามัว ยังไงก็ต้องมีความมั่นใจอยู่บ้างแหละ”
จางฉางเกิงผู้นำตระกูลจางได้เอ่ยว่า : “หรือว่า ตระกูลหงมีไพ่ตายอย่างอื่นอีก”
หวางจิงหลงพยักหน้า : “สามวันหลังจากนี้ จะได้รู้ทุกอย่างเองแหละ”
“อืม”
……
หนึ่งวันถัดมา หลินหยุนที่อยู่ ณ บ้านตระกูลอีแห่งเจียงหนาน ได้รีบจดหมายท้ารบจากเมืองหลวง
จดหมายนั้นส่งมาจากตระกูลหง แต่ว่า ผู้ท้ารบ กลับเป็นเทพสงครามที่เลื่องชื่อมากสุดของจีน เจียงร่อโจ๋
ในห้องโถงตระกูลอี หลินหยุนได้ถือจดหมายด้วยมือข้างหนึ่ง
เนื้อหาในจดหมายฉบับนี้สั้นมาก มีเพียงตัวอักษรหนึ่งบรรทัดเท่านั้น เขียนว่า : ปรารถนาที่จะสู้รบกับคุณ
ลงชื่อ : เจียงร่อโจ๋
อ่านจดหมายจบ หลินหยุนได้ยื่นจดหมายให้กับอีหยุ่นที่อยู่ข้าง ๆ
“เทพสงคราม เจียงร่อโจ๋!”
“เขา เขาจะลงมือ!”
สิ่งที่อีหยุ่นกลัวมากสุดคือหงซิงกั๋วขอให้เจียงร่อโจ๋มาช่วย ถึงแม้เขาคิดว่าต่อให้เป็นเจียงร่อโจ๋ก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะหลินหยุนได้
แต่ว่า ชื่อเสียงของเทพสงครามของจีนนั้น เลื่องชื่อลือชามากเหลือเกิน
ชื่อเสียงที่ได้มา ไม่มีทางเป็นเรื่องหลอกลวงแน่นอน
อีกอย่าง เจียงร่อโจ๋อยู่ในเมืองหลวงมายี่สิบกว่าปี คอยปกป้องประตูเมืองของจีนเอาไว้ ทำให้ศัตรูจากรอบทิศไม่กล้ามาย่างกราย
ถ้าหากไม่มีความสามารถจริง ๆ จะทำถึงขนาดนี้ได้ยังไง!
สายตาของหลินหยุนมองออกไปไกล ๆ เขาเอ่ยพูดอย่างเรียบเฉยว่า : “เทพสงครามของจีน”
อีหยุ่นเห็นท่าทางนิ่งเฉยของหลินหยุน ก็เอ่ยเตือนอย่างจริงจัง : “ในเมื่อตระกูลหงเชิญเทพสงครามมาช่วย ก็น่าจะไม่ใช้กองกำลังทหารแล้วล่ะ”
“แต่ว่า เทพสงครามปกป้องประตูประเทศจีนมานานหลายปีขนาดนี้ ความสามารถต้องไม่ธรรมดาแน่นอน คุณอย่าประมาทเด็ดขาดนะ!”
“วางใจเถอะครับ ผมรู้ตัวเองดี” หลินหยุนเอ่ยอย่างเรียบ ๆ
ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม : “เทพสงครามแห่งจีนอะไรกัน ก็คือไอ้หนุ่มชาวจีนแซ่เจียงคนหนึ่งไม่ใช่หรือไง?”
“ตอนนั้น ฉันก็เคยได้ปะทะฝีมือกับมัน ความสามารถของมันก็งั้น ๆ แหละ”
หลินหยุนประหลาดใจ : “นายเคยปะทะฝีมือกับเจียงร่อโจ๋ด้วยเหรอ?”
ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมเอ่ยพูดอย่างเรียบเฉยว่า : “มีอะไรน่าตกใจ ตอนนั้นฉันได้ตามดยุกแดร็กคิวล่ามา แล้วเคยสู้รบกับเทพสงครามคนนั้นที่พวกนายพูดถึง แต่ว่า มันก็เป็นเรื่องเมื่อหลายปีมาแล้วล่ะ”
“ตอนนี้ ไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นจะเก่งกาจขึ้นหรือยัง?”
หลินหยุนหมดคำพูด สามารถเรียกเจียงร่อโจ๋ว่าไอ้หมอนั่นได้ คงมีแค่เผ่าโลหิตที่มีชีวิตยืนยาวนี่แหละที่ทำได้
แต่ว่า ในเมื่อฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมเคยสู้กับเจียงร่อโจ๋ ต่อให้ความสามารถของเจียงร่อโจ๋เพิ่มมากขึ้นแล้ว ก็คงไม่เพิ่มจนเกินจริงหรอก อย่างมากสุดก็คงเก่งกว่าฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมมากหน่อยเท่านั้นเอง
“ฉันต้องไปเมืองหลวง นายจะไปกับฉันด้วยหรือเปล่า?” หลินหยุนหันไปถามฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม
“ต้องไปอยู่แล้วสิ ไอ้หมอนั่นกล้าท้าทายนาย ก็ต้องผ่านด่านฉันไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมมีสีหน้าเฝ้าคอย
ดูท่าทาง เจ้าหมอนี่คงคันไม้คันมือ อยากไปสู้กับเจียงร่อโจ๋เสียมากกว่า
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ!” หลินหยุนพูดจบ ก็ลุกขึ้นทันที
“เร็วขนาดนี้เลย?” อีหยุ่นตกตะลึงเล็กน้อย แต่เขาก็เริ่มชินกับการกระทำที่เด็ดขาดอย่างนี้ของหลินหยุนแล้วล่ะ
“ปรมาจารย์หลิน ผมต้องไปกับคุณด้วยหรือเปล่า?” อีหยุ่นคิดว่า ความแค้นระหว่างหลินหยุนกับตระกูลหง มีสาเหตุมาจากอีหลิง
เขาในฐานะที่เป็นพ่อของอีหลิง จึงควรออกหน้า
“ไม่จำเป็นหรอก คุณอยู่เป็นเพื่อนอีหลิงที่เจียงหนานนี่เถอะ!”
“ก็ดีครับ” อีหยุ่นเอ่ยพูด
“ไปเถอะ!” หลินหยุนพูดกับฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม
“ครับ”
“ผมให้คนไปส่งพวกคุณที่สถานีรถแล้วกัน!” อีหยุ่นเอ่ย
“ครับ”
พวกเขาเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ ก็ได้ยินเสียงอีหลิงรีบวิ่งเข้ามา
“พี่หลินหยุน ได้ยินว่าตระกูลหงส่งจดหมายท้ารบมาให้พี่เหรอ?” อีหลิงถามด้วยความเป็นห่วง
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมได้หัวเราะอย่างเหยียดหยาม : “จดหมายท้ารบอะไรกัน? ก็แค่เจียงร่อโจ๋คนนั้นเอง เธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไปสั่งสอนมันกับหลินหยุนเอง”
อีหลิงตกใจ : “เจียงร่อโจ๋! เทพสงครามแห่งจีน!”
“ตระกูลหงถึงกับเชิญให้เทพสงครามแห่งจีนมากำจัดพี่เลยเหรอ!”
พี่หลินหยุน ฉันจะไปกับพี่ด้วยค่ะ!”
ถึงแม้อีหลิงจะไม่ใช่คนในโลกบู๊ แต่สำหรับชื่อเสียงของเทพสงครามแห่งจีน เธอก็พอได้ยินมาบ้าง
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยพูด : “ครั้งนี้ไม่รู้ว่าตระกูลหงเตรียมแผนชั่วอะไรไว้ที่เมืองหลวง เธอไปด้วยจะยิ่งไม่สะดวก”
ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมก็พูดว่า : “หลินหยุนพูดถูก คุณอยู่บ้านให้สบายใจเถอะนะ มีผมไปกับหลินหยุน ไม่เกิดเรื่องอะไรได้หรอก คุณวางใจได้เลย”
อีหลิงรู้สึกน้อยใจ ดวงตาคู่นั้นของเธอที่เต็มไปด้วยความหวัง ได้เปียกปอนด้วยหยดน้ำตา
“พี่หลินหยุน ขอโทษค่ะ เป็นเพราะฉันเอง ทำให้พี่มีศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างนี้!”
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย : “ศัตรูแข็งแกร่งอะไรกัน เป็นพวกคนเลวไม่ได้เรื่องไม่กี่คนเอง”
“เอาล่ะ รออยู่ที่บ้านให้สบายใจ เมื่อพี่ถึงเมืองหลวงแล้ว จะรีบบอกเธอทันที”
อีหลิงเงยหน้าขึ้น มองไปที่หลินหยุน : “งั้นพี่ต้องระวังตัวนะคะ”
“อืม” หลินหยุนพยักหน้า
ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมที่อยู่ข้าง ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกหึงขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะพึมพำเสียงเบา ๆ ว่า : “ผมก็ต้องไปเมืองหลวงนะ……”
อีหลิงได้ยิน ก็กลอกตาใส่เขา แล้วเอ่ยว่า : “คุณก็ต้องระวังตัว ทำอะไรอย่างวู่วาม เชื่อฟังพี่หลินหยุนให้มาก ๆ”
ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมยิ้มออกมาด้วยความดีใจทันที : “นี่ใช่ภรรยาผู้แสนอ่อนโยนกำลังกำชับสามีที่กำลังจะไปออกรบหรือเปล่านะ?”
อีหลิงหน้าแดงขึ้นมา : “พูดเพ้อเจ้ออะไรกัน เป็นความห่วงใยระหว่างเพื่อนต่างหาก”
ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมเลิกคิ้วขึ้น แล้วหัวเราะแหะแหะ : “เอาเถอะ ต่อให้เป็นความเป็นห่วงใยแบบเพื่อน ก็ไม่เลว คนรักกันส่วนมากเริ่มจากการเป็นเพื่อนทั้งนั้นแหละ”
“นายยังจะพูดอีก!” อีหลิงพูดด้วยความโมโห
“ไม่พูดแล้วไม่พูดแล้ว หลินหยุนเรารีบไปกันเถอะ! นางฟ้าแสนสวยของฉันเขินแย่แล้ว! ฮ่าฮ่า……” ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมพูดจบ ก็รีบวิ่งแจ้นออกไปราวกับลมพัดทันที
อีหยุ่นมองไปที่คนหนุ่มสาวสามคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน
สำหรับความคิดของฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม เขามีประสบการณ์มาก่อน จึงเข้าใจความคิดของฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม
สำหรับความคิดของอีหลิง เขายิ่งเข้าใจมันเป็นอย่างดี
แต่ว่า ความคิดของหลินหยุนนั้น เขากลับคาดเดาไม่ได้
“ช่างเถอะ เรื่องของคนหนุ่มสาว ปล่อยพวกเขาไปแล้วกัน!”
หลินหยุนบอกลาอีหลิง แล้วนั่งรถที่อีหยุ่นเตรียมไว้ มุ่งหน้าไปยังสถานีรถเพื่อเดินทางไปยังเมืองหลวง