จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 969 ประมุขอิงรั่ว
นางหิมะมองไปยังเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายที่แตกตื่นจนพูดอะไรไม่ออกพวกนั้น จึงพูดต่อไปว่า “คำสั่งเสียนี้มีเพียงแค่ประมุขของแต่ละรุ่นและนางหิมะ ที่ถ่ายทอดจากปากต่อปากเท่านั้น ดังนั้นพวกคุณจึงไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วย”
“อีกอย่าง……..”
นางหิมะสะดุดเล็กน้อย มองไปยังหลอหยวนป้าและผู้รับผิดชอบสำนักต่างๆ “พวกคุณคิดว่าวังเทพหิมะเราทำไมจึงสามารถหาที่นี่จนพบได้?”
“พวกคุณคิดจริงๆหรือว่า วังเทพหิมะเราเป็นคนค้นพบที่นี่เป็นคนแรก แล้วคิดจะยึดเป็นของตัวเองเหรอ?”
“ทั้งหมดนี้ ก็ล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสั่งเสียของเทพหิมะทั้งนั้น!”
“เพราะว่าที่นี่ ก็คือพระราชวังที่เทพหิมะเหลือไว้ให้”
คาร์นอตวิลเลียมตะโกนพูดเสียงดังขึ้นมาทันทีว่า “ที่แท้พระราชวังข้างในที่ถูกน้ำแข็งปกคลุมนั้น ก็คือพระราชวังที่เทพหิมะทิ้งไว้ให้!”
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร ถ้าพูดอย่างถูกต้องแล้ว พระราชวังที่อยู่ข้างในนั้น เย่เยว่เป็นคนที่ทิ้งไว้ให้จึงจะถูก
แต่ว่า หลังจากถูกเทพหิมะเคลื่อนย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว เพื่อรักษาไว้ให้ดี จึงต้องใช้น้ำแข็ง ปกคลุมไว้
หลอหยวนป้าและผู้รับผิดชอบของแต่ละสำนัก ต่างก็แสดงสีหน้าแตกตื่นตกใจออกมา
เทพหิมะแต่ไหนแต่ไรมาก็มีเพียงแต่ในตำนานเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าวันนี้นางหิมะถึงกับเอ่ยปากยอมรับด้วยตัวเอง
โชคดีที่ปัจจุบันนี้ห่างจากสมัยที่เทพหิมะอยู่ยาวนานกว่าหลายพันปีมาแล้ว ไม่เช่นนั้นละก็ เกรงว่าเทพหิมะยังคงมีชีวิตอยู่ได้ถึงทุกวันนี้
แต่ว่าตอนนี้ ชื่อของเทพหิมะก็ได้ทำให้ทุกคนแตกตื่นตกใจไปหมดแล้ว อย่างน้อยหลังจากหลายพันปีที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีใครพบเห็นเทพหิมะมาก่อนเลย ก็ยืนยันได้ว่าเทพหิมะได้ตายไปแล้ว หรือไม่ก็อาจจะไปจากโลกนี้ไปแล้ว
แต่ว่า ในเมื่อที่นี่เป็นพระราชวังที่เทพหิมะทิ้งไว้ให้ เช่นนั้นแล้วเทพหิมะก็จะต้องทิ้งของวิเศษไว้ให้ด้วยอย่างแน่นอน
พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆอย่างเด็ดขาด
หลอหยวนป้าพูดเยาะเย้ยว่า “ต่อให้คุณยกเทพหิมะออกมาพูด พวกเราก็ไม่ตื่นตกใจกลัวทั้งนั้น วันนี้เจ้าเด็กนี่จะต้องเอาของวิเศษที่เทพหิมะเหลือไว้ให้ออกมาให้หมด!”
“ถูกต้อง มอบของออกมาแต่โดยดี หรือว่าจะให้พวกฉันไปค้นตัว” ผู้อาวุโสสำนักต้าหลินพูดด้วยเสียงเข้มงวด
“ไม่งั้นแล้ว ต่อให้มีวังเทพหิมะปกป้องแกอยู่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลที่จะเกิดขึ้นตามมาของแกได้หรอก”
หลินหยุนกวาดสายตามองไปยังผู้คนอย่างเรียบๆ “พวกแกก็ลองดูได้เลย”
นางหิมะจ้องมองทุกคนด้วยความโกรธแล้วพูดตะโกนว่า “คิดจะแตะต้องเจ้านายวังเทพหิมะเรา ฆ่าฉันก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
หลอหยวนป้าพูดเยอะเย้ยว่า “ได้ยินความงามที่เลื่องลือของนางหิมะมานานแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่พวกเราจะยอมตัดใจฆ่าคุณได้ลงคอล่ะ?”
“ฉันเคยคิดอยากจะลิ้มลองรสนางหิมะว่าเป็นยังไงมาโดยตลอด จะเยือกเย็นอย่างที่เขาร่ำลือขนาดนั้นหรือไม่นะ”
นางหิมะพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้พวกเลวทรามต่ำช้า!”
“คุ้มกันนางหิมะ!” เหล่าลูกศิษย์วังเทพหิมะพูดตะโกนขึ้น แล้วพุ่งตัวออกมาขวางอยู่ตรงหน้านางหิมะ
“ลงมือลุย!” หลอหยวนป้าโบกมือให้กับลูกศิษย์สำนักชิงชาง
ผู้รับผิดชอบของแต่ละสำนักที่เหลือต่างก็ทยอยโบกมือให้กับลูกน้องตัวเอง แล้วล้อมรอบผู้คนของวังเทพหิมะเอาไว้
เหล่านักบู๊ที่ไร้สังกัดทั้งหลายเมื่อเห็นฉากนี้แล้ว อดไม่ได้ที่รู้สึกตื่นกลัว คนส่วนใหญ่ก็ค่อยๆทยอยถอยหนีออกไป อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ไม่อยากมีส่วนร่วมกับการกระทำอันชั่วร้ายของห้าสำนักใหญ่ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นศัตรูมีจำนวนมากกว่าฝ่ายตัวเองหลายเท่า คาร์นอตวิลเลียมก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “หลินหยุน นี่น่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเลยนะ!”
“ต่อให้มีคนของวังเทพหิมะช่วยเหลือก็ตาม คนของพวกเราก็ยังน้อยอยู่ดี”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฆ่าพวกเขาให้หมดเกลี้ยงก็ได้แล้ว”
คาร์นอตวิลเลียมอึ้งไปสักครู่แล้วพูดอย่างตกใจว่า “ยอดฝีมือมากมายขนาดนี้ ลำพังคุณคนเดียว เป็นไปได้ยังไงที่จะฆ่าพวกเขาให้หมดได้ล่ะ?”
ในขณะที่การสู้รบกำลังจะเกิดขึ้นนั้น ก็มีเงาร่างคนสีขาวปรากฏขึ้นมาภายใต้พระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า
เงาร่างนั้นก็มีผ้าคลุมใบหน้าไว้เช่นกัน ผมยาวเท้าเปล่า ราวกับเทพธิดาวังจันทราลอยลงมาจากสวรรค์
ในขณะที่เงาร่างนั้นปรากฏขึ้นมานั้น ผิวหน้าทะเลสาบราวกับเกิดมีหิมะตกลงมา ทำให้อุณหภูมิรอบๆบริเวณนั้นลดลงไปอย่างมาก
ทันใดนั้น ลูกศิษย์ทั้งหลายของวังเทพหิมะ ต่างก็คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วตะโกนพูดว่า “คารวะท่านประมุข!”
นางหิมะก็พุ่งตัวไปยังเงาร่างนั้น แล้วค่อยๆโค้งตัวลง ทำความเคารพแบบสตรี
คนของสี่สำนักใหญ่ ต่างก็แตกตื่นตกใจทันที
“ประมุขวังเทพหิมะ เธอมาได้ยังไงกัน!” ผู้อาวุโสสำนักต้าหลินพูดด้วยความตกใจ
สีหน้าหลอหยวนป้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที แอบด่าในใจว่า “ยายมารเฒ่าทำไมถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ได้!”
ผู้อาวุโสสำนักเขาหยุนซูและผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ ต่างก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึม
เจ้าสำนักของทั้งห้าสำนักใหญ่นั้น ได้ข่าวว่าพละกำลังของแต่ละคนต่างก็สูงส่งล้ำเลิศทั้งนั้น
ถึงแม้ว่าคนของสี่สำนักใหญ่มีจำนวนมากกว่าก็จริง แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่เจ้าสำนักของอีกสี่สำนักใหญ่ที่เหลือไม่ได้อยู่ด้วยนั้น พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับประมุขวังเทพหิมะ
หลินหยุนมองดูเงาร่างสีขาว ที่กำลังค่อยๆเดินมาหาตัวเองอยู่นั้น ราวกับเป็นเทวดาตกลงมาจากสวรรค์
เมื่อเธอเดินมาถึงตรงหน้าหลินหยุนห่างราวประมาณสามเมตร ก็ค่อยๆโค้งตัวลงทำความเคารพแบบสตรีให้กับหลินหยุน “อิงรั่วแห่งวังเทพหิมะคารวะเจ้าพระคุณค่ะ!”
เมื่อเห็นประมุขถึงกับทำความเคารพหลินหยุน แล้วยังเรียกว่าเจ้าพระคุณอีกด้วย เหล่าลูกศิษย์วังเทพหิมะทั้งหลาย ก็ไม่คิดสงสัยอะไรอีกแล้ว ดูท่าทีแล้วคำสั่งเสียของเทพหิมะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน
ผู้คนของสี่สำนักที่เหลือ เมื่อเห็นฉากนี้แล้วต่างก็มีสีหน้าที่สับสน
“คิดไม่ถึงเลยว่า แม้แต่คนระดับอย่างประมุขวังเทพหิมะเช่นนี้ ยังเห็นความสำคัญของคำสั่งเสียของเทพหิมะถึงขนาดนี้เลย”
“ถ้าคิดจะแตะต้องเจ้าเด็กนั่น เกรงว่าจะยากซะแล้ว!”
หลอหยวนป้าและผู้รับผิดชอบสำนักทั้งสามที่เหลือ ต่างก็มองหน้ากันและกัน แล้วแสดงสีหน้าที่เคร่งขรึมออกมา
หลินหยุนมองดูประมุขวังเทพหิมะคนนี้ หนึ่งในเจ้าสำนักของห้าสำนักใหญ่ในโลกบู๊โบราณ
เธอปิดบังใบหน้าด้วยผ้าบางๆ มองเห็นหน้าตาของเธอไม่ชัด แต่อายุน่าจะไม่น้อยแล้ว แต่ว่าผิวพรรณที่อยู่ภายนอกก็แลดูขาวใสสะอาดมาก ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดีเยี่ยม
“ลุกขึ้นเถอะ!” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
“ขอบคุณเจ้าพระคุณค่ะ!” อิงรั่วประมุขวังเทพหิมะ ก็มายืนอยู่ข้างๆหลินหยุนอย่างนอบน้อม เช่นเดียวกับนางหิมะ
หลินหยุนมองดูเธอทั้งสองแล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ที่จริงแล้วฉันไม่ใช่เจ้าพระคุณตามที่เทพหิมะกล่าวถึงหรอก พวกคุณไม่จำเป็นต้องเรียกฉันอย่างนี้ก็ได้”
ตามความเข้าใจของหลินหยุนแล้ว อาจารย์ของเทพหิมะน่าจะเป็นเย่เยว่ ส่วนเจ้าพระคุณที่เทพหิมะต้องการตามหานั้น ก็น่าจะเป็นเย่เยว่มากกว่า
แต่ว่าหลินหยุนก็รู้เคล็ดวิชาการฝึกฝนของเย่เยว่เช่นกัน จึงทำให้คนของวังเทพหิมะเข้าใจเขาว่าเป็นเจ้าพระคุณ
อิงรั่วพูดด้วยเสียงเข้มว่า “คำสั่งเสียของเทพหิมะ ใครก็ตามที่สามารถทำให้แนวปกป้องที่เทพหิมะทิ้งไว้ให้นั้นทลายลงไปได้ ก็คือเจ้าพระคุณของวังเทพหิมะ ในฐานะที่เป็นคนของวังเทพหิมะ ย่อมไม่กล้าที่จะฝ่าฝืน”
หลินหยุนไม่อยากจะวุ่นวายอยู่กับปัญหาเช่นนี้อีก เจ้าพระคุณที่เทพหิมะต้องการตามหาคือเย่เยว่ แต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย่เยว่นั้น ตำแหน่งเจ้าพระคุณนี้เขาก็ย่อมจะยอมรับได้เช่นกัน
อิงรั่วพูดจบ ก็หันหน้าไปมองดูคนของสี่สำนักใหญ่ น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในทันที
“ไสหัวไป หรือว่าอยากตาย!”
พร้อมกับเสียงดังนั้น ก็มีกลิ่นอายเยือกเย็นที่รุนแรงปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าแผ่นดิน ทำให้ผู้รับผิดชอบของแต่ละสำนักรู้สึกหนาวเย็นจนอดไม่ได้ที่จะจามออกมา
“ร้ายกาจมาก!”
“พลังฝึกฝนของประมุขวังเทพหิมะคนนี้ น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!”
“เธอจะต้องบรรลุถึงแดนเทพแล้วอย่างแน่นอน”
ในใจทุกคนก็แอบหวาดกลัว
คาร์นอตวิลเลียมก็อดไม่ได้ที่ตื่นตกใจ บ่นกระซิบเบาๆว่า “หนาวจังหนาวจังเลย ผู้หญิงคนนี้ราวกับเป็นภูเขาน้ำแข็งที่เคลื่อนที่ได้”
ผู้อาวุโสสำนักต้าหลินก็โค้งตัวลงทำความเคารพอิงรั่วอย่างกะทันหัน “ในเมื่อประมุขออกหน้าด้วยตัวเองมารับรองว่า คนนี้ก็คือเจ้าพระคุณแห่งวังเทพหิมะแล้ว พวกเราก็ย่อมไม่กล้าที่จะขัดขืนอีก!”
“ลูกศิษย์สำนักต้าหลินทุกคนฟังคำสั่ง รีบถอยกลับเดี๋ยวนี้!”
สีหน้าของอิงรั่วไร้ความรู้สึก มองดูผู้คนสำนักต้าหลินลงจากเขาไปอย่างเยือกเย็น
คนของสามสำนักที่เหลือในใจก็แอบด่าทอว่า “เจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าของสำนักต้าหลินนี่ เห็นท่าไม่ดี ก็รีบเผ่นหนีไปไวยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก!”
“คนของเขาหยุนซูตามฉันลงเขาเดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสเขาหยุนซูไม่อยากจะอยู่ต่อให้มากความ จึงถอนตัวจากไปเป็นรายต่อมา
ชั่วพริบตาเดียวทั้งสี่สำนักก็หนีไปแล้วสองสำนัก เหลือแต่สำนักอู๋จี๋และสำนักชิงชางเท่านั้น
หลอหยวนป้าหัวเราะแฮะๆ แล้วทำความเคารพอิงรั่วอย่างนอบน้อม “ในเมื่อท่านประมุขผู้อาวุโสมาด้วยตัวเองเช่นนี้แล้ว ผู้น้อยก็มิกล้าบังอาจอีก ขอตัวลาก่อน!”
“ฉันก็ขอลาก่อน!” คนของสำนักอู๋จี๋ก็จากไปเช่นกัน
คาร์นอตวิลเลียมตกตะลึงไปสักพัก ถามด้วยความสงสัยว่า “ไปกันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ? นี่ไม่มีความเป็นอัศวินนักสู้เลยแม้แต่นิดเดียว”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ในจำนวนคนพวกนี้ ยังไม่มียอดฝีมือแดนเทพอยู่เลย ต่อให้มีคนจำนวนมากก็จริง แค่ยอดฝีมือแดนเทพเพียงคนเดียวก็มากพอที่จะกวาดล้างพวกเขาได้หมดแล้ว”
“พวกเขายังไม่ไปอีก หรือว่าจะรอตายอยู่ที่นี่ล่ะ?”
คาร์นอตวิลเลียมยักคิ้วแล้วบ่นพึมพำแล้วว่า “ดูเหมือนก็ยังพอมีเหตุผลอยู่บ้าง”
“จากนี้ไป พวกเราจะกลับไปหรือยังล่ะ?” คาร์นอตวิลเลียมมองไปยังผู้คนของวังเทพหิมะที่กำลังมองหลินหยุนอยู่นั้น กระซิบถามด้วยเสียงเบาๆ