จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 97 คุณหลินช่วยด้วย
บทที่ 97 คุณหลินช่วยด้วย
หลินหยุนหันตัวไป สองมือไขว้หลัง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “รู้ก็ดีแล้ว”
ผู้คนต่างพาหันขมวดคิ้ว นั่นคือศาสตราจารย์โม่แห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจวเชียวนะ หลินหยุนทำไมถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้!
แต่ว่า โม่หัวถิงกลับไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับโค้งตัวคำนับอีกครั้งด้วยความจริงใจ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ขอบคุณหมอเทพหลินที่แนะนำครับ!”
โม่หัวถิงถอยกลับออกไป ซูชิงเหยียนเดินเข้ามาหา พร้อมทั้งทำความเคารพหลินหยุน “หมอเทพหลิน ก่อนหน้านี้ที่ล่วงเกินคุณ…”
ซูชิงเหยียนยังพูดไม่ทันจบ หลินหยุนก็หันหน้าไปทางโจวชิงเหอ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผู้อำนวยการโจว ถ้าที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
สิ่งที่ซูชิงเหยียนจะพูดถูกหยุดไว้ จนรู้สึกเก้อเขินอยู่ตรงนั้นคนเดียว
โจวชิงเหอะขมวดคิ้วมองไปที่ซูชิงเหยียน เขาในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจว ถึงแม้ว่าฐานะและตำแหน่งจะต่ำกว่าโม่หัวถิงเล็กน้อย แต่ก็เป็นบุคคลสำคัญที่อยู่จุดสูงสุดของวงการแพทย์หลินโจว
หลินหยุนกลับไม่ให้โอกาสเขาได้พูดจบ การกระทำเช่นนี้ไร้ซึ่งมารยาทมาก
“หมอนี่ พูดตัดบทผู้อำนวยการโจว เกินไปแล้วหรือเปล่า?” มีนักเรียนบางคนรู้สึกไม่เห็นด้วย ถ้าหากว่าไม่ใช่หลินหยุนเพิ่งจะเอาชนะหยูหมิงวั่งและทีม ถ้าหลินหยุนกล้าทำเรื่องไร้มารยาทกับซูชิงเหยียนแบบนี้ คงต้องโดนเพื่อนคนอื่นๆ โจมตีไปแล้ว
“ใช่ ต่อให้เมื่อกี้เขาเอาชนะฉินโจว ทำผลงานให้หลินโจวได้ แต่ฐานะของผู้อำนวยการซูก็สูงมาก เขากลับไร้มารยาทแบบนี้!”
จงเหยียนและจงเฟยหยู่ในฐานะที่เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจว ยังมองหลินหยุนด้วยอาการขมวดคิ้ว
หลินหยุนให้ความรู้สึกกับคนอื่นคือ อวดดีเกินตัว!
ซูชิงเหยียนเองก็รู้สึกกลัดกลุ้มเช่นกัน แต่เขาไม่มีทางโกรธแน่นอน นักเรียนพวกนี้ไม่มีทางรู้ว่าหลินหยุนสำคัญกับวงการแพทย์ของหลินโจวขนาดไหน
เขาในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจว ต้องมีสายตาที่กว้างไกลกว่าคนอื่นอยู่แล้ว
คนในวงการแพทย์ฉินโจว เหตุผลที่สามารถมีชื่อเสียงในประเทศจีนได้หลายคน นั่นเป็นเพราะว่าแพทย์ที่มีชื่อเสียงของฉินโจวที่ออกไป พออายุมาก ก็พากันกลับไปที่ฉินโจว เพื่อสอนหนังสือคนรุ่นใหม่ต่อไป
เพราฉะนั้น เมืองฉินโจวถึงได้เอาชนะมณฑลหลิงหนานทั้ง 18 เมืองมาตลอด
ถ้าหากว่าหลินโจวมีหลินหยุนอยู่ตรงนี้เป็นหลัก หรือถ้าหากมีคนสืบต่อความรู้จากหลินหยุนได้ ถ้าเช่นนั้นจะต้องเอื้อผลประโยชน์ให้กับหลินโจวได้รุ่นต่อรุ่นแน่นอน
เพราะเหตุนี้ ห้ามผิดใจหลินหยุนเด็ดขาด!
ซูงชิงเหยียนหัวเราะแห้ง พร้อมพูดว่า “ในเมื่อหมอเทพหลินอยากจะกลับแล้ว งั้นผมจะให้คนไปส่งนะครับ!”
โจวชิงเหอเห็นดังนั้น ก็เข้าใจแล้วว่าซูชิงเหยียนต้องการอะไร อดไม่ได้ที่จะถอนหอยใจ แอบยกนิ้วชื่นชมในสิ่งที่เขาทำ
“หมอเทพหลิน การแข่งขันจบลงแล้ว ที่นี่ผมก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว ถ้าคุณอยากจะไปจากที่นี่ ถ้างั้นผมกับผู้อำนวยการซูจะไปส่งคุณด้วยกันนะครับ”
“ได้” หลินหยุนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ซูชิงเหยียนและโจวชิงเหอไปส่งหลินหยุนด้วยกัน
หยูหมิงสั่งและคนของฝั่งฉินโจว สีหน้าตึงเครียด
“หลินโจวมีคนคนนี้อยู่ คงจะคุกคามตำแหน่งวงการแพทย์ของฉินโจวเราในมณฑลหลิงหนานแน่นอน” ฉินเสว่หมิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หยูหมิงวั่งหัวเราะแห้ง พร้อมกล่าวว่า “ผู้อำนวยการฉิน ถึงแม้ว่าจะเป็นภัยกับฉินโจวของเรา แต่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศจีนของเรา ไม่ใช่หรือ?”
“ฮ่าๆ พูดถูก!” ฉินเสว่หมิงหัวเราะดัง อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
“ผู้อำนวยการฉิน เพียงแต่ว่ากลับไปครั้งนี้ ไม่รู้จะให้คำตอบตระกูลฉินยังไง!” หยูหมิงวั่งพูดเสียงเบาด้วยความกังวลใจ
ฉินเสว่หมิงหัวเราะเหอะๆ พร้อมพูดว่า “ในเมื่อสู้เขาไม่ได้ ก็บอกไปตามความจริง ถึงอำนาจของตระกูลฉินจะใหญ่ แต่จะไม่พูดตามเหตุผลไม่ได้ เพราะในเมื่อเราเองก็ทำเต็มที่แล้ว!”
“ครับ” พวกหยูหมิงวั่ง พยักหน้า
ฉินเสว่หมิงมองกวาดสายตาไปที่ผู้คน พร้อมพูดต่อว่า “สถานีแรกก็แพ้ราบคาบ การเดินที่วางไว้ก็ยกเลิกซะ เรากลับไปกัน!”
“แบบนี้จะดีหรือครับ? ตระกูลฉินให้เราทำตามพวกเรา โดยที่แสดงอำนาจให้เมืองทั้ง 18 เมืองของมณฑลหลิงหนานได้เห็น เรากลับไปกันทั้งแบบนี้เลย พวกเขาจะเห็นด้วยหรือครับ?” หยูหมิงวั่งกังวลเล็กน้อย
ฉินเสว่หมิงฝืนหัวเราะ “สถานีแรกก็แพ้แล้ว จะแสดงอำนาจอะไรกันอีก? ต่อให้เอาชนะเมืองอื่นได้ ก็ทำให้ผลออกมาอย่างที่ตระกูลฉินต้องการไม่ได้แล้ว”
“วางใจเถอะ ตระกูลฉินจะเข้าใจเอง”
คนของฉินโจวพากันกล่าวลาโม่หัวถิง จากนั้นก็พาคนกลับไป
หลินหยุนกลับไปโดยรถที่ซูชิงเหยียนจัดไว้ให้
หลินหยุนไม่ได้กลับไปที่บ้านตระกูลเส้ แต่กลับไปที่คฤหาสน์ทะเลสาบเยว่หยา จากการผ่านงานแลกเปลี่ยนทางการแพทย์มาหนึ่งรอบ เขารู้สึกว่าโอกาสที่เขารอมานานเหมือนว่ากำลังจะมาถึงแล้ว
เวลาพลบค่ำ ชั้นดาดฟ้าของคฤหาสน์ตึกว่างเยว่
หลินหยุนจัดค่ายกลป้องกันอย่างง่ายเอาไว้รอบๆ จากนั้นก็เริ่มหลับตาฝึก เพื่อเตรียมระยะปฐมภูมิตอนกลาง
“วิชากลืนสววรค์” เริ่มขึ้น ชี่ทิพย์ทั้งดินและฟ้าก็เริ่มเกิดการเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น จากนั้นก็ถล่มเข้าสู่ตัวหลินหยุนอย่างจัง
แต่ว่า ชี่ทิพย์ในร่างกายของหลินหยุนอยู่ในระดับอิ่มตัวแล้ว ชี่ทิพย์ทั้งฟ้าและดินนั้นได้แต่ผ่านไป วนอยู่รอบตัวของเขา
หลินหยุนเหมือนถังดินปืนที่ถูกใส่ชนวนระเบิดเอาไว้เต็ม รอเพียงประกายไฟเล็กน้อย ก็พร้อมที่จะระเบิด
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากช่วงพลบค่ำไปจนถึงกลางดึก
แสงของหมู่ดาวกระจายอยู่บนท้องฟ้า จากการรวมกันรอบๆ ของชี่ทิพย์ดินและฟ้า ชี่ทิพย์ก็เริ่มรวมตัวกันเหมือนหมอก เมื่อเทียบกับชี่ทิพย์ดินและห้าของในเมือง มันชัดเจนกว่าหลายเท่า
แสดงของดาววงใหญ่ดวงหนึ่งกะพริบขึ้น จากนั้นช่องรูขุมขนหนึ่งของหลินหยุนก็เปิดออก
ต่อจากนั้น ร่างกายที่ถูกชี่ทิพย์แทรกซึมเข้าไปข้างในอย่างสมบูรณ์แบบนั้น ในที่สุดความสุขก็มาถึง รูขุมขนทุกอณูของทั้งร่างกายต่างก็ดูดเอาชี่ทิพย์ดินและฟ้าเข้ามาอย่างเต็มที่
ข้ามระดับได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
ขั้นตอนการข้ามระดับติดต่อกันหนึ่งชั่วโมง ชี่ทิพย์ของดินและฟ้าที่เข้มข้นเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของหลินหยุนอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่าจะข้ามผ่านไปแค่ระยะปฐมภูมิตอนกลาง แต่ความสามารถของหลินหยุนก็แข็งแกร่งมาก
หลินหยุน ณ เวลานี้ หากนับจากระดับชี่ทิพย์ เท่ากับปรมาจารย์บู๊ของโลกบู๊
แน่นอนว่า ชี่ทิพย์ที่อยู่ในร่างกายหลินหยุนนั้น มีมากกว่าที่อยู่ในร่างกายนักบู๊หลายเท่า ด้วยเหตุนี้ ความสามารถของหลินหยุนไม่สามารถวัดได้จากจำนวนของชี่ทิพย์
หลังจากที่ผ่านระดับนั้นมา หลินหยุนเริ่มทำให้กำลังภายในมั่นคงมากขึ้น จนกระทั่งถึงตอนเช้ามืด ถึงจะสิ้นสุดการฝึกลง
เมื่อลืมตาขึ้น แสงสีดำสองด้านก็แวบเข้ามา ลูกตาทั้งสองข้างของหลินหยุนสะท้อนสีดำทั้งดวง
พอมือยกขึ้นมา วงแหวนสีเทาก็วนรอบอยู่บนฝ่ามือของเขา
ชี่ทิพย์ปล่อยจากข้างนอก!
“เมื่อถึงระยะปฐมภูมิตอนกลาง ฉันสามารถอดอาหารได้หนึ่งเดือน สะดวกต่อการไปหาวัตถุดิบเพื่อใช้ในการวิชาการบำเพ็ญเซียน”
หลินหยุนเข้าไปในคฤหาสน์เพื่ออาบน้ำ จากนั้นก็เปิดมือถือ
ไม่นาน ก็มีสายโทรเข้ามา
“คุณหลิน ช่วยด้วย!” พอรับสาย เสียงที่น่าตกใจของเส้เทียนหัวก็ดังขึ้น
ถึงแม้ว่าจะเคยติดต่อกับเส้เทียนหัวสองครั้ง แต่หลินหยุนกับเขาก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ไม่ได้มีความลึกซึ้งแต่อย่างใด
“เป็นอะไรไป?” เสียงหลินหยุนไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
“คุณหลิน ตระกูลฉินจับตัวครอบครัวของคุณไป แล้วยังส่งคนไปโจมตีเมืองเว่ยเหอ หลอซาน ชิงหยาง ประกาศว่าจะทำสงครามกับคุณให้ได้!”
“ถ้าคุณไม่ไป ก็ ก็…”
หลินหยุนสีหน้าเย็นชา “ก็อะไร?”
เส้เทียนหัวตอบเสียงสั่น “ก็จะฆ่าครอบครัวของคุณทิ้ง!”
ความเป็นความตายของเส้เจี้ยนโก๋และเส้หยู่เวย หลินหยุนไม่ค่อยสนใจนัก แต่โจวเฟินคือคนสำคัญของเขา ใครกล้าแตะ เขาไม่มีทางปล่อยไว้แน่
“ตอนนี้ครอบครัวฉันอยู่ที่ไหน?” หลินหยุนถาม
เส้เทียนหัวตอบว่า “น่าจะอยู่ที่บ้านของคุณครับ ผมได้ยินฉินหนันเทียนพูด น่าจะเป็นการส่งคนไปที่บ้านของคุณ เพื่อควบคุมตัวพวกเขาไว้!”
“รู้แล้ว นายบอกคนของตระกูลฉิน ฉันจะไปตามนัด” เสียงของหลินหยุนเย็นยะเยือก แค่ได้ยินผ่านทางโทรศัพท์ เส้เทียนหัวก็รับรู้ในความเย็นยะเยือกนั้นได้
“ครับ งั้นคุณหลินระวังตัวด้วยนะครับ! พวกเรารอให้คุณมาช่วยนะครับ!” เส้เทียนหัวพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร เป็นผู้มีอิทธิพลแท้ๆ ถ้าหากว่าไม่ใช่ถึงจุดที่หาทางออกไม่เจอ คงไม่ใช้น้ำเสียงอ้อนวอนขนาดนี้
เมื่อวางสาย หลินหยุนก็โทรหาซูจื่อเหลียงทันที “อีกสักพักไปรวมตัวกับฉันที่ประตูชุมชนฝูย่วน”
“ครับ!” ซูจื่อเหลียงไม่เคยได้ยินเสียงที่ดูเคร่งเครียดของหลินหยุนขนาดนี้ เขาไม่ถามอะไรต่อ รีบเดินทางไปตามที่นัดทันที