จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 970 น้ำศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นแล้ว
หลินหยุนกวาดสายตามองไปยังผู้คนของวังเทพหิมะ แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ฉันบอกแล้วไง ว่าเจ้าพระคุณที่พวกคุณตามหาไม่ใช่ฉัน”
“เมื่อก่อนพวกคุณเป็นยังไง หลังจากนี้ไปก็ยังคงเป็นอย่างนั้นเช่นเดิม”
อิงรั่วมองดูหลินหยุนแล้วพูดว่า “ฉันก็หวังว่าจะไม่ใช่คุณ แต่ว่าคำสั่งเสียของเทพหิมะพวกเราไม่กล้าที่จะฝ่าฝืน”
หลินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วพวกคุณอยากให้ฉันทำยังไงล่ะ?”
อิงรั่วจ้องมองหลินหยุน พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “กลับไปวังเทพหิมะด้วยกัน ไปเป็นเจ้าพระคุณแห่งวังเทพหิมะ”
เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายของวังเทพหิมะ ต่างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
วังเทพหิมะไม่เคยมีประมุขเป็นผู้ชายมาก่อนเลย อีกอย่างรูปร่างหน้าตาที่บอบบาง อ้อนแอ้นของหลินหยุนนั้น ดูท่าทีแล้วเกรงว่าพลังการฝึกฝนคงยังไม่ถึงระดับปรมาจารย์เลย
คนอย่างนี้จะมาเป็นเจ้าพระคุณของวังเทพหิมะ ดีจริงเหรอ?
บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ต่างก็เกิดความรู้สึกต่อต้านหลินหยุนอยู่ในใจ
แต่ว่า ในเมื่อประมุขอิงรั่วก็ยังพูดเช่นนี้เลย พวกลูกศิษย์ทั้งหลายจึงไม่กล้าขัดขืน
หลินหยุนมองดูอิงรั่วอยู่เงียบๆ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถ้าคุณรู้ฐานะของฉันแล้ว อาจไม่แน่ว่าจะไม่ยืนหยัดทำตามคำสั่งเสียของเทพหิมะอีกก็ได้”
ต้องรู้ว่าปรมาจารย์หลินตอนนี้ยืนอยู่คนละฝ่ายกับโลกบู๊โบราณไปแล้ว
วังเทพหิมะก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกบู๊โบราณ ถ้าให้หลินหยุนมาเป็นเจ้านายละก็ งั้นก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับโลกบู๊โบราณทั้งหมดไม่ใช่เหรอ?
คิดไม่ถึงว่า อิงรั่วถามก็ยังไม่ถามเลย และพูดอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวว่า “ต่อให้คุณเป็นศัตรูทั่วทั้งแผ่นดินนี้ ฉันก็จะทำตามคำสั่งเสียของเทพหิมะอย่างเคร่งครัด ยอมรับคุณเป็นเจ้านาย!”
หลินหยุนก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง ดูท่าทีแล้วฐานะของปรมาจารย์หลินคงไม่ทำให้ประมุขคนนี้ ตกใจกลัวอย่างแน่นอน
นี่ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากทีเดียว อย่างน้อยก็เป็นสำนักที่ลูกน้องของเย่เยว่ทิ้งเอาไว้ให้ จึงไม่สมควรที่จะทำลายพวกเธอมากจนเกินไป
“ยกฉันให้เป็นเจ้านาย งั้นถ้าฉันมีเงื่อนไขอะไรก็ตาม พวกคุณก็ยอมทำตามทุกอย่างใช่ไหม?” สายตาของหลินหยุน จู่ๆก็ส่องประกายแสงจู่โจมที่รุนแรงออกมาทันที
บรรดาลูกศิษย์หญิงสาวทั้งหลายก็สะดุ้งตกใจ สายตาเช่นนี้พวกเธอเคยพบเห็นจากสายตาของพวกผู้ชายจำนวนมากมายมาแล้ว
“ฮื่อ อีกาใต้หล้านี้ล้วนสีดำเหมือนกันหมด ผู้ชายพวกนี้ก็มีนิสัยขี้หลีเหมือนกันหมดทั้งนั้นเลย!”
สายตาของหลินหยุน ไม่ได้ทำให้อิงรั่วตกใจกลัวเลย น้ำเสียงของเธอยังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม “ถ้าคุณเป็นเจ้าพระคุณของวังเทพหิมะละก็ พวกเราก็ย่อมต้องทำตามคำสั่งของคุณอย่างแน่นอน”
คาร์นอตวิลเลียมยืนมองดูอยู่ข้างๆจนรู้สึกมึนงงไปหมด ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่ดีเช่นนี้ด้วยเหรอ?
“หลินหยุน เรื่องดีขนาดนี้ คุณก็ยอมตอบตกลงไปเถอะ!”
หลินหยุนทำตาถลนใส่เขา คาร์นอตวิลเลียมรีบหุบปากทันที
ดูท่าทีแล้ว อิงรั่วก็ยังคงยืนหยัดจะทำตามคำสั่งเสียของเทพหิมะอย่างมั่นคง
หลินหยุนก็ไม่อยากจะไปเซ้าซี้กับเธออีก จึงพูดตัดบทไปว่า “ยังไงก็แล้วแต่ ฉันก็จะไม่ยอมเป็นเจ้าพระคุณของพวกคุณอย่างแน่นอน”
“แต่ว่า ต่อไปถ้าพวกคุณเจอปัญหาอะไรล่ะก็ มาหาฉันได้ตลอดเวลา”
สีหน้าของเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายของวังเทพหิมะ ต่างก็แสดงความเยาะเย้ยอย่างดูถูกเหยียดหยามออกมา
ในใจก็แอบวิจารณ์ว่า “น่าขำสิ้นดี วังเทพหิมะพวกเราเป็นถึงหนึ่งในห้าสำนักใหญ่ของโลกบู๊โบราณ เป็นไปได้ยังไงที่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าเด็กน้อยที่ไร้ชื่อคนหนึ่งเล่า!”
“คุยโวขี้โม้ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าหรือไงกัน!”
“แต่ว่า คุณไม่ยอมรับเป็นเจ้าพระคุณวังเทพหิมะ นับว่าเจ้าเด็กนี่ก็พอรู้ตัวเองดีอยู่”
ดูเหมือนอิงรั่วจะดูออกว่าหลินหยุนได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว จึงไม่ไปเซ้าซี้อีกต่อไป
“ในเมื่อคุณไม่อยากกลับไปรับตำแหน่งเจ้าพระคุณวังเทพหิมะ แต่ว่าวังเทพหิมะเราก็ยังคงเห็นคุณเป็นเจ้าพระคุณเหมือนเดิม หลังจากนี้ต่อไปไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็ยังคงเป็นเจ้าพระคุณของวังเทพหิมะพวกเราเสมอ”
“วังเทพหิมะจะอยู่เคียงคู่คุณ ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันตลอดไป!”
หลินหยุนขมวดคิ้ว พูดอะไรไม่ออก
ยังดีที่อิงรั่วไม่มาวอแวอีกต่อไปแล้ว หันหน้าไปตะโกนพูดกับเหล่าลูกศิษย์วังเทพหิมะทั้งหลายว่า “ลูกศิษย์วังเทพหิมะทุกคนฟังคำสั่ง ต่อจากนี้ไป วังเทพหิมะมีเจ้าพระคุณเป็น ผู้นำสูงสุด ฉันประมุขคนนี้ เป็นเพียงแค่ตัวแทนเจ้าพระคุณในการบริหารวังเทพหิมะชั่วคราวเท่านั้นเอง”
……
บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ต่างก็มองหน้ากันและกัน แต่ไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น นางหิมะก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “น้อมรับคำสั่งประมุข!”
เมื่อเห็นนางหิมะแสดงท่าทีออกมาเช่นนี้แล้ว เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายก็น้อมรับคำสั่งอย่างไม่ค่อยสมยอมเท่าไหร่นัก
“กลับได้!” อิงรั่วมองดูลูกศิษย์ทั้งหลายของวังเทพหิมะ แล้วตะโกนพูดขึ้นอย่างเรียบๆ จากนั้นก็พาทุกคนจากไป
มองดูผู้คนของวังเทพหิมะที่จากไปจนหมดแล้ว คาร์นอตวิลเลียมก็ถามว่า “หลินหยุน ทำไมคุณถึงไม่ยอมตกลงเป็นเจ้าพระคุณของพวกเธอล่ะ?”
“ฉันรู้สึกได้ว่า ผู้หญิงพวกนี้เก่งกาจมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงที่นำหน้าคนนั้น ฉันเกรงว่าแม้แต่กระบวนท่าเดียวของเธอก็ไม่สามารถตั้งรับไว้ได้เลย”
“ถ้าคุณเป็นเจ้านายของพวกเธอละก็ ต่อไปจะได้มีคนช่วยเหลือมากขึ้นอีกแรงเลยนะ!”
หลินหยุนไม่ได้ตอบอะไร แต่พูดอย่างเรียบๆว่า “กลับกันเถอะ!”
ทุกย่างก้าวของเขา ถูกกำหนดไว้ให้ก้าวไปสู่ท้องฟ้าจักรวาล ไฉนเลยต้องไปพัวพันกับสำนักของพวกมนุษย์ธรรมดาทั่วไปด้วย
อีกอย่าง เขาก็ไม่ใช่เจ้านายที่วังเทพหิมะตามหาจริงๆ และเขาก็ไม่ถนัดในการดูแลจัดการ ภายในสำนักอีกด้วย
ต่อให้เขายอมตกลงเป็นเจ้านายของวังเทพหิมะก็ตาม ความจริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการปฏิเสธเท่าไหร่นัก
หลินหยุนและคาร์นอตวิลเลียมจึงเดินทางกลับ
หลินหยุนกลับไปที่คฤหาสน์ตึกว่างเยว่ ส่วนคาร์นอตวิลเลียมก็ไปที่เจียงหนาน น่าจะแอบติดตามไปอยู่ข้างกายอีหลีอย่างเงียบๆ
แต่ว่า หลังจากผ่านไปสองวัน จู่ๆคาร์นอตวิลเลียมก็กลับมาที่คฤหาสน์ตึกว่างเยว่
อีกทั้งสีหน้าท่าทางก็มีอาการที่ตื่นเต้น
หลินหยุนที่กำลังฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่บนดาดฟ้า เมื่อรับรู้การมาถึงของเขาแล้ว จึงหยุดลงแล้วลืมตาขึ้นมา
“หลินหยุน ฉันมีข่าวดีสุดๆจะมาบอกคุณ”
สีหน้าคาร์นอตวิลเลียมรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
หลินหยุนลอยตัวลงสู่ข้างล่าง มายืนอยู่ตรงหน้าเขา แล้วถามอย่างเรียบๆว่า “อีหลิงยอมให้คุณจีบแล้วเหรอ?”
“เอ๋อ?” คาร์นอตวิลเลียมอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นความตื่นเต้นดีใจบนใบหน้าก็จางหายไปทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนๆ “ถ้ายอมตกลงก็ดีสิ แต่ว่าตอนนี้อีหลิงก็ดีกับฉันมากกว่าแต่ก่อนมากเลย”
“เฮ้ยไม่ใช่แล้วสิ เรื่องที่อยากจะพูดกับคุณไม่ใช่เรื่องของอีหลิง แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ น้ำศักดิ์สิทธิ์ต่างหากล่ะ!”
หลินหยุนมองดูเขา แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “น้ำศักดิ์สิทธิ์เหรอ? นี่มันไม่ใช่ของที่ปรากฏอยู่แต่ในตำนานที่ร่ำลือในเทพนิยายของโลกตะวันตกพวกคุณเหรอ?”
คาร์นอตวิลเลียมพูดว่า “ใช่ แต่ว่าที่ร่ำลือในตำนานนั้นก็ไม่ใช่ว่าปั้นแต่งขึ้นมาเองโดยไม่มีมูลเหตุ พวกนี้ก็มีหลักฐานพิสูจน์ได้ทั้งนั้น”
“ถึงแม้ว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันพูดจะไม่เหมือนกับน้ำศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเทพนิยายทีเดียวก็ตาม แต่ก็มีประสิทธิภาพที่ดีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นนักบู๊ทางโลกตะวันออก หรือว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญพิเศษในโลกตะวันตก ต่างก็พยายามไปแย่งชิงมาอย่างสุดชีวิตทั้งนั้น”
หลินหยุนก็รู้สึกสนใจบ้างแล้ว “อะไรคือน้ำศักดิ์สิทธิ์?”
คาร์นอตวิลเลียมพูดว่า “น้ำศักดิ์สิทธิ์ ถ้าคนธรรมดาทั่วไปใช้แล้วก็จะสามารถเพิ่ม อายุขัยให้ยืนยาวมากขึ้น พวกผู้บำเพ็ญพิเศษใช้แล้ว ก็สามารถเพิ่มพูนพละกำลังมากขึ้นได้ ผู้บำเพ็ญเซียนในโลกบู๊เมื่อใช้แล้ว ก็จะสามารถยกระดับแดนฝึกฝนให้สูงขึ้นได้”
“ตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ของเผ่าโลหิตพวกเรานั้น น้ำศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นมาในทุกๆช่วงเวลาที่ห่างกันราวหลายสิบปีหรือไม่ก็ร้อยปีขึ้นไป ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้ ลักษณะภายนอกของมันดูไปแล้วก็เหมือนน้ำแร่ธรรมดา แต่ว่าประสิทธิภาพของมัน สามารถเทียบเท่ากับโอสถที่ดีที่สุดของคนจีนได้เลย”
เมื่อได้ฟังการบรรยายจากคาร์นอตวิลเลียมแล้ว หลินหยุนก็รู้สึกดีใจ
นี่เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนกัน มันคือเทือกเขาบนพื้นโลก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเทือกเขาทิพย์ต่างหาก
การเกิดขึ้นของท้องฟ้าจักรวาลนั้น ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ ทั่วทั้งผืนฟ้าและแผ่นเต็มไปด้วยชี่ทิพย์ฟ้าดินแทรกซึมอยู่เป็นจำนวนมากมายมหาศาล
ชี่ทิพย์พวกนี้มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่ว่าสามารถกลายเป็นพละกำลังของตัวเองได้โดยผ่านการฝึกฝนบำเพ็ญเพียร
แต่ว่า สิ่งที่มองเห็นพวกนั้น อย่างเช่นแม่น้ำลำธาร ภูเขา ต้นไม้ใบหญ้า ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ดวงดาวเป็นต้น โดยทั่วไปแล้วก็มีแหล่งกำเนิดพื้นฐานที่มาจากการเปลี่ยนแปลงของชี่ทิพย์ทั้งนั้น
ดังนั้น จึงมีคำพูดที่ว่า มองภูเขาไม่ใช่ภูเขา สายน้ำไม่ใช่น้ำ
สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนเกิดจากการแปรสภาพของชี่ทิพย์ทั้งนั้น
ตอนนั้นหลินหยุนเคยถ่ายทอดวิชาพินาศไม่สิ้นสูญให้กับซูหนันนั้น เขาเคยใช้ความคิดไตร่ตรองอย่างหนัก จึงจะสามารถบรรลุถึงระดับแดนนี้ได้
ชี่ทิพย์สามารถแปรสภาพให้เป็นภูเขาลำธารแม่น้ำ ต้นไม้ดอกไม้ใบหญ้า แต่ว่าชี่ทิพย์ที่เหลือก็ยังคงไหลวนเวียนอยู่บนผืนแผ่นดินตลอดไป
ชี่ทิพย์พวกนี้ ก็ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง หล่อเลี้ยงให้สรรพสิ่งทั้งหลายเจริญเติบโต นี่ก็คือที่มาพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ส่วนชี่ทิพย์พวกนี้ จะหมุนเวียนเป็นวัฏจักร ภายใต้การเคลื่อนตัวของพื้นดิน จนเกิดเป็นเทือกเขาบนพื้นโลกตามที่ผู้บำเพ็ญเซียนรุ่นหลังเรียกขานกัน
เทือกเขาทิพย์บางครั้งก็จะมีการรั่วไหลออกมา หากผู้บำเพ็ญเซียนสามารถดักจับได้ละก็ จะได้พบกับโอกาสวิเศษที่ยิ่งใหญ่
อีกอย่าง สถานที่ที่เทือกเขาทิพย์รั่วไหลออกมานั้น จะต้องเกิดเป็นน้ำพุทิพย์ขึ้นมา ซึ่งแข็งแกร่งกว่าชี่ทิพย์ที่เกิดจากค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ที่หลินหยุนวางไว้ในคฤหาสน์ทะเลสาบเยว่หยา เป็นพันเท่าหมื่นเท่าเลยทีเดียว
ใช้คำว่าสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ ก็ไม่มากจนเกินไป
สถานที่ที่มีน้ำพุทิพย์เกิดขึ้นนั้น จะต้องเป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งล้ำค่าในโลกนี้
อาจไม่แน่ว่า เทือกเขาทิพย์แห่งนี้ อาจจะหล่อเลี้ยงของวิเศษล้ำค่าอย่างหนึ่งไว้ก็ได้