จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 98 การตำหนิของเส้หยู่เวย
บทที่ 98 การตำหนิของเส้หยู่เวย
หลินหยุนและซูจื่อเหลียงไปรวมตัวกันที่ประตูชุมชนฝูย่วน
เมื่อเจอหลินหยุน ซูจื่อเหลียงที่สวมชุดคลุมยามสีเขียวโค้งคำนับทันที “ศิษย์พบท่านอาจารย์!”
หลินหยุนพูดตอบว่า “มากับว่า”
หลินหยุนนำทางซูจื่อเหลียงกลับไปที่บ้าน
เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน รอบๆประตูไม่มีร่องรอยอะไร แต่ในห้องเขารับรู้ได้ว่ามีกลิ่นอายของนักบู๊อยู่สามคน
หลินหยุนไม่มีกุญแจ เขาหันไปมองซูจื่อเหลียง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เคาะประตู”
ซูจื่อเหลียงเดินไปข้างหน้าทันที จากนั้นก็เคาะประตูเสียงเบา
“ใครเหรอ?” เสียงที่ดูเอื่อยๆของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากในห้อง
“ฝ่ายจัดการดูแลการชุมชน ค่าดูแลชุมชนของพวกคุณต้องจ่ายได้แล้วนะ” ซูจื่อเหลียงอยู่ในสังคมมาหลายที่ เขารู้จักแต่ละอาชีพแต่ละวงการเป็นอย่างดี
เป็นอย่างที่คิด ประตูถูกเปิดออก ผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนขวางอยู่กลางประตู สีหน้าท่าทางอารมณ์ไม่ดีจ้องมาที่ซูจื่อเหลียง
“คุณคือฝ่ายดูแลชุมชนบริษัทไหน? ทำไมใส่ชุดแปลกจัง!” ชายวัยกลางคนคนนั้นถามด้วยความระมัดระวัง
อยู่ดีๆ ซูจื่อเหลียงหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็ใช้มือบีบไปที่คอของคนคนนั้นแน่น จากนั้นก็ยกตัวผู้ชายคนนั้นขึ้นมา
“พวกแกเป็นใคร?” ชายวัยกลางคนพยายามถาม
“ฆ่าเลย!” หลินหยุนไม่ได้สนใจ เดินตรงเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งทิ้งประโยคนั้นไว้ด้วยความเย็นชา
ซูจื่อเหลียงชะงักไปสักพัก เขาไม่เคยฆ่าคนเลย เมื่อได้ยินหลินหยุนพูดประโยคนั้นออกมาได้อย่างสบายๆ ทำให้เขาทั้งเคารพทั้งกลัว
แต่ว่า เขาไม่มีทางจะขัดคำสั่งหลินหยุนแน่นอน
ซูจื่อเหลียงมองไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัวของชายคนนั้น ใบหน้ารอยย่นนั้น จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกว่งเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเลยแม้แต่นิด!หลับให้สบายนะ!”
มือจับมีดขึ้นมา เสียงฉึกดังขึ้น คอของชายวัยกลางคนคนนั้นขาดออก
ในห้องรับแขก ไม่เจอคนของตระกูลเส้ มีเพียงชายวัยประมาณ 40 ปีสองคนอยู่ตรงนั้น พร้อมมองหลินหยุนด้วยความระมัดระวัง
“แกเป็นใคร?”
อาจจะเป็นเพราะว่าสังเกตเห็นเพื่อนที่ไปเปิดประตู ถึงได้คิดว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองคนจึงเตรียมพร้อมรับมืออย่างระวัง
ใบหน้าหลินหยุนไร้ซึ่งความรู้สึก แต่สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “พวกแกคือคนของตระกูลฉิน?”
“แกรู้ว่าเราเป็นใครได้ยังไง หรือว่าแกคือหลินชางฉอง?” ใบหน้าของฉินซานเย็นวูบขึ้นมา
คนที่อยู่ข้างๆ ฉินซานสังเกตมองหลินหยุน พร้อมทั้งพูดอย่างดูถูกขึ้นว่า “ฉันนึกว่าฉินซานจะเป็นคนที่เก่งกาจขนาดไหน? ที่แท้ก็แค่ไอ้เด็กที่เพิ่งจะฟันเพิ่งจะขึ้นครบซี่นี่เอง!”
“ท่านซาน แค่ไอ้เด็กคนนี้ จะให้เจ้าบ้านเหนื่อยได้ยังไงกัน แค่ผมมือเดียวก็จัดการเขาได้แล้ว!”
ฉินซานพูดเสียงหนักแน่น “อาไหร ในเมื่อพ่อบ้านฉินกับฉินอู๋ชีก็โดนมันจัดการไปกับมือ นั่นแสดงว่ามันมีความสามารถอยู่บ้าง อย่าประมาทเลย!”
อาไหรหัวเราะด้วยความดูถูก “ท่านซาน ถ้าผมจัดการไม่ได้ ท่านค่อยจัดการมันต่อ ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเก่งกว่าท่าน”
ฉินซานไม่ได้พูดอะไร เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าโอ้อวด ชัดเจนว่าเขามั่นใจในความสามารถของตนเองมาก
“ไอ้หนุ่ม อยากช่วยคนในครอบครัวแกไหม? ผ่านด่านฉันไปให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!” อาไหรหัวเราะเสียงเย็นชา ยกหมัดชกไปทางหลินหยุน
หมัดเดียวของอาไหร เร็ว แรง แม่น บนหมัดนั้นมีเสียงที่ดังกระทบอากาศดังขึ้นมาแวบหนึ่ง
ฉินซานพยักหน้าด้วยความพอใจ “ถึงอาไหรจะเก่งเพราะได้รับการฝึกฝน แต่หมัดเมื่อนี้ก็มีความรุนแรงอยู่บ้าง ต่อให้เป็นกำแพงดิน หมัดนี้ของอาไหรก็ทำให้มันทะลุไปได้!”
เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดนี้ของอาไหร หลินหยุนเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม ไม่หลบไม่หลีกไปไหน ยกมือขึ้นมาใช้มือปัดหมัดนั้นออกเสียงดัง!
เสียงดังขึ้น คอของอาไหรโดยมือของหลินหยุนตบเข้าอย่างจังจนหมุนไป สาม60 องศา ตายไปในทันที!
อาไหรเก่งเพราะได้รับการฝึกฝน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุนก็เปราะบางไม่อาจทนแรงใดๆ ได้เลยแม้แต่น้อย
“อะไรกัน!” ฉินซานตกใจอย่างหนัก มองไปที่สายตาของหลินหยุนด้วยความหวาดผวา
“เจ้าหนุ่ม ฉันไม่รู้สึกว่าในร่างกายแกมีชี่แท้อยู่เลยสักนิด คิดไม่ถึงว่าความสามารถแกจะแข็งแกร่งขนาดนี้!” ฉินซานมองศพของอาไหรด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมทั้งพูดด้วยความเสียดาย “ฉันประมาทเอง”
“เจ้าหนุ่ม ฉันจะให้แกชดใช้ชีวิตอาไหร!” ฉินซานตะโกนด้วยความโมโห พลังความแข็งแกร่งในร่างกายเขาระเบิดออกมา หนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในห้องนั้นถูกแรงของลมปราณนั้นพัดปลิวไปมา
ด้านหลัง ซูจื่อเหลียงที่เดินตามเข้ามาทีหลังพูดด้วยความตกใจ “คนผู้นี้ความสามารถไม่ธรรมดา!”
หลินหยุนสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงราบเรียบที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ พูดขึ้นว่า “มีทักษะด้านนั้นๆ ติดตัวมาแต่เกิดโดยไม่ต้องฝึกฝน แต่ไม่ได้แกร่งอะไรขนาดนั้น”
เงาผ่านไปแวบหนึ่ง ตัวของหลินหยุนก็หายไปจากตรงนั้น วินาทีต่อมา ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ฉินซาน
เขาใช้มือบีบคอฉินซานเอาไว้ แค่มือเดียวโดยไม่ใช้แรงอะไรมากก็สามารถยกร่างใหญ่นั้นของฉินซานขึ้นจากพื้นได้อย่างสบายๆ
ใบหน้าที่โอ้อวดของฉินซานตอนนี้กลายเป็นความหวาดกลัวแทน “ทำไมแกถึงได้เร็วขนาดนี้!”
หลินหยุนไม่ตอบคำถามนั้น แต่ถามกลับไปว่า “ตระกูลฉินของแกครั้งนี้มาที่หลินโจวกี่คน?”
ฉินซานตอบด้วยความหวาดกลัว “มีแค่เราสามคน คุมตัวคนธรรมดาแค่ไม่กี่คน ยังไม่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนเยอะมาทำเรื่องนี้”
“งั้นแกไปตายได้แล้ว” พูดจบ หลินหยุนก็ออกแรงบิดมือ ฉินซานตายไปในพริบตาเดียว!
“ซูจื่อเหลียง ไปช่วยคนในห้อง” หลินหยุนมองไปที่ห้องนอนของเส้เจี้ยนโก๋และภรรยา เขารับรู้ได้ตั้งนานแล้วว่า ครอบครัวของเส้เจี้ยนโก๋ถูกขังไว้ในห้องนอน
ซูจื่อเหลียงที่กำลังตกใจไม่น้อยในวิธีที่การจัดการที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าของหลินหยุน ตื่นขึ้นมาจากความงงงันนั้น เขารีบตอบรับทันที “ครับ”
จากนั้นก็เปิดประตูห้องนอนออก
ในห้องนอน เส้เจี้ยนโก๋และภรรยา พร้อมทั้งเส้หยู่เวยต่างก็ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ปากโดนผ้าขนหนูยัด นั่งอยู่บนพื้น
เมื่อเห็นซูจื่อเหลียงปรากฏตัว ทั้งสามคนก็พากันตกใจจนถอยหลังไปไม่หยุด
“ไม่ต้องกลัว ผมมาช่วยพวกคุณ” ซูจื่อเหลียงรีบอธิบาย นี่คือพ่อตาแม่ยายของหลินหยุน เขาไม่กล้าล่วงเกิน
แต่ว่า เส้เจี้ยนโก๋และอีกสองคนนั้นยังคงระมัดระวังตัว เพราะชีวิตในปัจจุบันของผู้คน เคยดูการลักพาตัวแค่ในทีวีเท่านั้น
พอได้เจอกับตัวเอง ต้องใช้เวลาหลายวัน ถึงจะสามารถเดินออกมาจากความตกใจนั้นได้
ได้เห็นหลินหยุนเดินตามเข้ามาในห้อง เส้เจี้ยนโก๋และอีกสองคนถึงได้อารมณ์สงบลง
ซูจื่อเหลียงค่อยๆ แกะเชือกที่มัดและผ้าที่ปิดปากทั้งสามคนนั้นออก
“หลินหยุน นายไปมีเรื่องกับใครกันแน่? นายรู้ไหมเกือบทำพวกเราตายไปหมด!” เส้หยู่เวยตะโกนต่อว่าเสียงดัง ในใจยังคงมีความกลัวอยู่
“ถ้าความอวดดีของนาย ทำให้แม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย นายตายไปเป็นหมื่นครั้งก็ไม่พอชดใช้!” เส้หยู่เวยพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ เธอคิดว่าต้องเป็นเพราะท่าทีที่ไม่เอาใครไว้ในสายตาของหลินหยุนแน่ๆ ที่ทำให้คนอื่นไม่พอใจ จนทำให้ตระกูลเส้ของเธอต้องเดือดร้อนไปด้วย
มือสองข้างของเส้นเจี้ยนโก๋สั่น เขานั่งลงบนเก้าอี้ สายตาที่มองหลินหยุนก็เต็มไปด้วยความตำหนิ
โจวเฟินพูดด้วยความที่สติเธอเองก็ยังไม่กลับมา “ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวหยุนแน่นอน เป็นเพราะไอ้คนร้ายพวกนั้นมันไม่กลัวอะไร เวยเวยเองก็ไม่ต้องไปโทษเสี่ยวหยุนแล้ว”
หลินหยุนมองสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโหของเส้หยู่เวย เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด มองไปที่โจวเฟิน “น้าเปิน ร่างกายของน้ามีตรงไหนไม่สบายไหมครับ?”
โจวเฟินยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร พวกมันแค่จับเรามัดเอาไว้ ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น ลูกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“อ่อใช่ ท่านผู้วิเศษผู้นี้ช่วงเราเอาไว้ใช่ไหม? เสี่ยวหยุน ลูกรีบขอบคุณท่านที่ช่วยเราเร็ว!” โจวเฟินมองไปที่ซูจื่อเหลียงด้วยสีหน้าขอบคุณ
ซูจื่อเหลียงสวมชุดคลุมยาวสีเขียว บวกกับการที่เขาเคยเป็นพวกโกหกหลอกลวงที่ต่าง ๆ มาหลายปี ท่าทางที่นถูกฝึกมาจนชิน การกระทำต่างๆ ก็ดูเหมือนผู้วิเศษจริงๆ
ไม่แปลกที่โจวเฟินจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนช่วยคนตระกูลเส้
ซูจื่อเหลียงไม่มีทางบอกว่าเป็นความดีความชอบของตนเอง กำลังอยากที่จะอธิบายให้เข้าใจว่าหลินหยุนเป็นคนช่วย
แต่หลินหยุนก็พูดขึ้นว่า “นายอยู่ที่นี่ดูแลคนตระกูลเส้ ฉันออกไปข้างนอกก่อน”
หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ประโยคนั้นเมื่อซูจื่อเหลียงได้ยิน กลับทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลัวจนตัวสั่น
เขาแอบขอพรให้คนตระกูลฉินทันที