จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 980 วิชาอาคมที่แท้จริง
เทพฟ้าร้อง เพ้าดำ หมาป่าเพลิง สามผู้ยิ่งใหญ่แห่งกาฬโลก
เป็นที่เลื่องลือกันในตำนานว่า ทั้งสามคนนี้ แต่ละคนสามารถที่จะใช้มือเปล่าทุบรถถังจนแหลกคามือได้ แข็งขืนต้านรับหน่วยทหารหน่วยนึงไว้ได้
ทั้งสามคนนี้ เป็นตัวแทนของกาฬโลกชาวตะวันตกในปัจจุบัน เป็นสุดยอดฝีมือของกาฬโลก
ดวงตาของเพ้าดำส่องประกายแสงสีแดงที่แปลกประหลาดออกมา มองไปยังน้ำพุทิพย์ที่อยู่ข้างๆหลินหยุน พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถูกต้อง ฉันสามารถสัมผัสถึงความหอมสดชื่นที่แสนงดงามนั้นได้!”
“เจ็ดสิบปีแล้ว ในที่สุดน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว! ถ้ามาช้ากว่านี้อีกหลายปีละก็ ฉันเกรงว่าฉันคงจะรอไม่ไหวอีกแล้ว”
เทพฟ้าร้องก็เล่นค้อนสีทองเล็กๆน่ารักอันหนึ่งในมือไป พลางสูดอากาศรอบๆบริเวณนั้นอย่างกระหาย “ชี่ทิพย์ภายในหุบเขานี้เข้มข้นกว่าข้างนอกหลายหมื่นเท่าเลย มีแต่น้ำศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่มีประสิทธิผลที่ดีเยี่ยมเช่นนี้ได้”
“น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ เป็นของฉันแล้ว”
พูดจบเทพฟ้าร้องก็มองไปยังพวกหลินหยุน พูดด้วยน้ำเสียงไม่ให้เกียรติว่า “เฮ้ย เจ้าเด็กน้อยชาวจีน ฉันจะให้โอกาสพวกแกอีกครั้งหนึ่ง รีบไสหัวออกจากหุบเขาไป ฉันก็จะไม่ฆ่าพวกแก!”
“อย่ามาอยู่ที่นี่ ทำให้น้ำศักดิ์สิทธิ์ของฉันต้องแปดเปื้อน”
คำพูดของเทพฟ้าร้อง ทำให้คาร์นอตวิลเลียมตื่นจากความตกตะลึงทันที
คาร์นอตวิลเลียมตะโกนพูดขึ้นว่า “เทพสว่างที่สมควรตาย ฉันคงดูไม่ผิดนะ! เพ้าดำกับเทพฟ้าร้องถึงกับมาพร้อมกันเลย!”
“รวมหมาป่าไฟด้วยแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของกาฬโลกทั้งหมดก็มากันครบแล้ว!”
“ก็เท่ากับว่า ในหุบเขาเล็กๆแห่งนี้ เป็นศูนย์รวมของสุดยอดฝีมือกาฬโลกชาวตะวันตกไปแล้ว!”
ฉูเหอและตางอู่ทั้งสองคนต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด มองดูเทพฟ้าร้องที่สีหน้าเหิมเกริม และเพ้าดำชายที่คลุมร่างทั้งตัวอยู่ภายใต้เสื้อดำนั้น
“ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของกาฬโลกถึงกับมาครบแล้ว มาคราวนี้ คุ้มค่ากับการเดินทางจริงๆเลย!” ในร่างของตางอู่ ก็ระเบิดพลังต่อสู้ที่รุนแรงออกมา
ฉูเหอก็หักหน้าเขาอย่างไร้ความปรานี “ยังไงล่ะ? คุณยังคิดจะสู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่นั้นเหรอ?”
ตางอู่พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ในฐานะที่เป็นนักบู๊คนหนึ่ง แม้แต่ในความฝันก็ยังหวังอยากจะประมือกับยอดฝีมือทั้งนั้น!”
ฉูเหอทำตาค้อนใส่เขา “ฉันว่าคุณคงเบื่อที่จะมีชีวิตยืนยาวแล้วมั่ง!”
“เทพฟ้า เพ้าดำ หมาป่าไฟ ทั้งสามคนนี้ต่างก็เป็นสุดยอดฝีมือในระดับเดียวกับประมุขสำนักหลงถังทั้งนั้น น้ำหน้าอย่างคุณยังคิดจะประมือกับเขา รนหาที่ตายชัดๆ!”
ตางอู่สีหน้าละอายใจ แต่ว่าสายตาที่มองไปยังผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคนนั้น ก็ยังคงเปล่งประกายพลังต่อสู้ที่รุนแรงออกมาเช่นเดิม
ฉูเหอทำเสียงฮื่อใส่ “อย่าเพิ่งคิดจะต่อสู้เลย มาคิดก่อนว่าจะทำยังไงถึงจะรักษาชีวิตให้รอดแล้วค่อยว่ากันเถอะ!”
“ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของกาฬโลกก็มากันครบแล้ว ต่อให้ปรมาจารย์หลินก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา พวกเราควรจะเอาตัวรอดกันยังไงดี?”
ตางอู่ขมวดคิ้ว เพิ่งจะเข้าใจถึงสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ รีบหันไปมองหลินหยุนแล้วถามว่า “ปรมาจารย์หลิน ถ้าคุณประมือกับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของกาฬโลกแล้ว มีความมั่นใจหรือเปล่าครับ?”
หลินหยุนลืมตาขึ้นมา กวาดสายตาที่เรียบเฉยไปยังเทพฟ้าร้องทั้งสามคน แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ก็แค่พวกมดตัวเล็กตัวน้อย อย่าไปสนใจเลย”
“………..” ตางอู่อึ้งไปครึ่งค่อนวัน พูดอะไรไม่ออก
ถ้าหากว่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของกาฬโลกเป็นเพียงแค่มดตัวน้อยละก็ งั้นยอดฝีมือในโลกนี้ก็เทียบกับมดตัวน้อยไม่ได้เลยเหรอ?
เช่นนั้นแล้วนักบู๊ที่มีฝีมือด้อยกว่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามมากอย่างพวกเขา จะเป็นอะไรได้ล่ะ?
ตางอู่ได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มเจื่อนๆ อาจไม่แน่ว่าในโลกนี้คนที่สามารถพูดเช่นนี้ออกมาได้ ก็มีแต่หลินชางฉองอันดับหนึ่งแห่งลำดับเทพเพียงคนเดียวเท่านั้น
เกียโรมองไปยังหลินหยุน แล้วตะโกนว่า “เจ้าเด็กชาวจีน ท่านเทพฟ้าร้องจิตใจมีเมตตา จะไว้ชีวิตพวกแกสักครั้ง พวกแกยังไม่รีบไสหัวออกจากหุบเขาอีกเหรอ? ยังจะรออะไรอีก!”
หลินหยุนมองดูเขาแวบเดียว ชี้ไปที่รอยเส้นนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ใครข้ามเส้นมาตาย!”
“ฮ่าๆๆ พูดจาช่างโอหังนัก ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า แกจะฆ่าฉันได้ยังไง?” เทพฟ้าร้องพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส
หมาป่าเพลิงทำเสียงฮื่อใส่ “ให้ฉันลงมือก่อนเถอะ!”
“แค่เจ้าเด็กชาวจีนคนหนึ่ง ยังไม่คุ้มค่าพอที่จะให้ผู้ยิ่งใหญ่ลำดับหนึ่งในกาฬโลกลงมือเอง!”
เทพฟ้าเชิดมุมปากขึ้น ยังคงเล่นค้อนสีทองในมือต่อไป พยักหน้าให้กับเพลิงหมาป่าเพลิง “ได้!”
หมาป่าเพลิงก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น ร่างกายของเขาจู่ๆก็เกิดเปลวไฟโหมกระหน่ำขึ้น ราวกับกำลังถูกเผาไหม้ทั้งตัว
เปลวไฟบนร่างของเขานั้น มีอุณหภูมิที่สูงมาก ชั้นหิมะที่อยู่บริเวณรอบๆนั้นต่างก็ถูกละลายจนหมด
“ฮึ่ด!”
หมาป่าเพลิงชูกำปั้นที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ แล้วชกไปยังหลินหยุนไปหนึ่งที
กำปั้นของเขาจู่ๆก็มีเปลวเพลิงที่ขนาดใหญ่เท่าถังน้ำพ่นออกมา ก็เหมือนกับเครื่องพ่นไฟพวกนั้น
แต่ว่า อุณหภูมิของเปลวไฟที่เขาปล่อยออกมานั้น สูงถึงพันองศาทีเดียว ต่อให้เป็นเหล็กกล้าก็ยังสามารถหลอมละลายได้
ถ้าใครถูกเปลวไฟนี้เข้าไป เกรงว่าจะต้องระเหยกลายเป็นไอน้ำทันที
“หมาป่าเพลิงถนัดในการบังคับใช้ธาตุไฟ วิชาอาคมธาตุไฟที่ติดตัวมาลึกล้ำขั้นเทพ อีกทั้งเขาก็ยังเป็นเวทมนตร์และนักบู๊ในเวลาเดียวกันอีกด้วย แข็งแกร่งมากจริงๆ!”
อะโซผู้นำขององค์กรศักดิ์สิทธิ์พูดเยาะเย้ยด้วยความสะใจบนความทุกข์ของคนอื่น
“ฮื่อ เจ้าเด็กชาวจีน ดูซิว่าแกจะจัดการยังไง”
มองดูมังกรไฟที่พ่นออกมาตัวนั้น ดูราวกับกำลังแยกเขี้ยวกางเล็บ อวดโชว์บารมีอยู่
หลินหยุนกลับยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นเช่นเดิม ดูเหมือนว่าไม่คิดจะลุกขึ้นมาเลย
เขาเพียงแต่ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง หนีบตราผนึกที่ลี้ลับออกมาหลายชิ้น แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ของแค่นี้ ยังคู่ควรเรียกว่าวิชาอาคมเหรอ?”
“ฉันจะให้แกรู้จักวิชาอาคมที่แท้จริงเป็นยังไง”
ชั่วพริบตาเดียวมังกรไฟตัวนั้นก็เข้ามาอยู่ตรงหน้าหลินหยุน คาร์นอตวิลเลียมและพวกฉูเหอที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรนั้น รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับอยู่บนเตาไฟ
ระหว่างทางที่มังกรไฟผ่านไปนั้น ชั้นน้ำแข็งภายในรัศมีห้าเมตรก็หลอมละลายไปหมดสิ้น ผิวดินสีดำที่เปียกชื้นก็เผยออกมาให้เห็น
หลินหยุนใช้มือหนีบผนึกคาถาดับไฟออกมา เมื่อรอให้มังกรไฟนั้นเข้ามาใกล้ตัวแล้ว ก็ยื่นมือออกไปจับโดยไม่หลบหลีกเลย
ฉูเหอตกใจ “เขาเสียสติไปแล้วเหรอ? ถึงกับเอามือไปจับ!”
ตางอู่ก็ขมวดคิ้วไว้แน่นเช่นกัน ใจก็ตกลงไปอยู่ตาตุ่ม
คาร์นอตวิลเลียมก็รู้สึกแตกตื่นตกใจ เผ่าโลหิตพวกเขาเกลียดไฟที่สุด ห่างไกลขนาดนี้เขายังรู้สึกถึงความร้อนที่สูงลิ่วของเปลวไฟเลย แต่ว่าหลินหยุนถึงกับเอามือไปจับ
“เทพสว่างที่สมควรตาย นี่เขากำลังทำอะไรกันแน่?”
หมาป่าเพลิงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลินหยุนแล้ว ก็ยิ่งหัวเราะอย่างลำพองใจ “เจ้าเด็กน้อยชาวจีน ไม่มีความรู้เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงกับคิดจะทำลายวิชาอาคมของฉัน!”
“มังกรไฟของฉัน สามารถเผาให้กลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตาเดียวได้เลย!”
ยอดฝีมือกาฬโลกพวกนั้น ก็ทยอยมาพูดเอาใจสอพลอว่า “ท่านหมาป่าเพลิงลงมือเอง ชาวจีนพวกนั้นก็ย่อมรับมือไม่ไหวแน่เลย!”
“ไม่ต้องถึงขนาดให้ท่านเทพฟ้าร้องลงมือเลย เจ้าเด็กคนนี้ก็ต้องตายแน่นอนแล้ว”
“สมแล้วที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของกาฬโลก เวทมนตร์ธาตุไปทั้งตัวของท่านหมาป่าเพลิงสูงส่งขั้นเทพ ไม่มีใครเทียบทานได้”
เมื่อได้ยินทุกคนต่างก็ยกยอตัวเอง หมาป่าเพลิงก็ยิ่งได้ใจ ราวกับว่าหลินหยุนกำลังจะถูกไฟมังกรเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านในทันใดแล้ว
นึกไม่ถึงว่า จู่ๆหลินหยุนก็ตะคอกเสียงเบาๆว่า “มานี่!”
มังกรไฟตัวนั้นดิ้นรนอยู่สักพัก สุดท้ายแล้วก็ถูกหลินหยุนจับมาไว้ในมืออย่างไม่เต็มใจ
หลินหยุนแบมือข้างหนึ่งออกอีกข้างหนึ่งหุบ มังกรไฟอยู่ในมือของเขา ก็เหมือนกับบะหมี่เส้นหนึ่ง แล้วแต่เขาจะปั้นให้เป็นรูปอะไรออกมาก็ได้
ยอดฝีมือโลกกาฬโลกทั้งหลายต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก
“นี่เป็นไปได้ยังไง! เขาทำได้ยังไงกัน!”
หมาป่าเพลิงพูดด้วยสีหน้ามึนงงว่า “มังกรไฟของฉัน กลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไง!”
เทพฟ้าร้องแสดงสีหน้าน่าสนใจออกมา
เพ้าดำซ่อนตัวอยู่ภายใต้เสื้อคลุมดำ จึงดูไม่ออกว่ามีสีหน้าอย่างไร แต่ว่าแสงสีแดงในดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น
“ไฟมา!”
ยังไม่ทันรอให้ทุกคนตื่นจากภวังค์เลย หลินหยุนก็ตะคอกเสียงเบาอีกครั้ง
จู่ๆก็มีเปลวไฟก้อนหนึ่งที่ใหญ่กว่าไฟมังกรที่หมาป่าเพลิงเสกมาเมื่อครู่เสียอีก ตกลงมาจากฟากฟ้า เหมือนกับเพลิงสวรรค์ที่ลงมาจุติในโลกมนุษย์
มืออีกข้างหนึ่งของหลินหยุน ก็ยื่นมือออกไปจับ เปลวไฟก้อนที่หนากว่านั้น ก็มาหยุดอยู่ในมือของเขาอย่างไม่ขัดขืน
หลังจากนั้น หลินหยุนก็จับเปลวไฟที่อยู่ในมือทั้งสองข้างหุบเข้าด้วยกัน แล้วหลอมเปลวไฟให้กลายเป็นหอกด้ามยาวด้ามหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป โยนหอกด้ามยาวที่เกิดจากการรวมตัวของเปลวไฟนั้นข้ามไปยังหมาป่าเพลิง